‘ชัชชาติ’ สั่งหยุดรื้อถอน ‘อาคารศรีเฟื่องฟุ้ง’ หลังเกิดเหตุเสา-คานตกบนถนนพระราม 4 ชี้การรื้อถอนได้รับการอนุญาตจากสำนักการโยธาเรียบร้อย สภาวิศวกรรม คาดเกิดจาก 5 สาเหตุ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 15 ธ.ค. 2567 นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุเครนขัดข้องทำให้มีชิ้นส่วนอาคารร่วงหล่นลงบนพื้นการจราจรบริเวณอาคารศรีเฟื่องฟุ้ง แขวงสีลม เขตบางรักนั้น อาคารศรีเฟื่องฟุ้ง ถนนพระราม 4 ได้รับอนุญาตรื้อถอนอาคาร ซึ่งเป็นการรื้อถอนตึก 11 ชั้น ใต้ดิน 1 ชั้น ตามใบอนุญาตรื้อถอนอาคาร แบบ อ.1 เลขที่ 104/2567 ลงวันที่ 24 มิ.ย. 67
ขณะเกิดเหตุ วานนี้ (14 ธ.ค. 67) เวลาประมาณ 16.00 น. ได้ทำการรื้อถอนอาคารถึงชั้นที่ 6 โดยได้ตัดชิ้นส่วนของอาคาร และกำลังดำเนินการใช้เครนยกชิ้นส่วนอาคารที่ตัดลงพื้น แต่ในระหว่างดำเนินการตู้ไฟฟ้าเกิดระเบิดภายในห้องคนขับเครน ทำให้เกิดความขัดข้องและเป็นเหตุให้สลิงรูด ชิ้นส่วนอาคารจึงตกลงมาจนทำให้เกิดเหตุ บนถนนพระราม 4 เบื้องต้น กรุงเทพมหานครโดยสำนักงานเขตบางรักได้ออกคำสั่งระงับการรื้อถอน
@ชิ้นส่วนเสา-คานหล่น
โฆษกกทม.กล่าวว่า วันนี้ (15 ธ.ค. 67) เบื้องต้นกรุงเทพมหานคร (กทม.) ร่วมกับสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย ทำการเข้าตรวจสอบกรณีการรื้อถอนอาคารศรีเฟื่องฟุ้้ง จากผลการตรวจสอบพบว่าชิ้นส่วนที่หล่นลงมาเป็นชิ้นส่วนโครงสร้างอาคารที่กำลังรื้อถอน ไม่ใช่เครนหักหรือน้ำหนักถ่วงเครนร่วงตามที่เข้าใจตอนแรก ซึ่งชิ้นส่วนโครงสร้างที่ร่วงลงมาเป็นส่วนของเสาและคานขนาดใหญ่ที่มีการตัดและยกโดยใช้เครน โดยปรากฏว่าสลิงของเครนเกิดการรูดขณะยก ทำให้ชิ้นส่วนดังกล่าวหลุดตกกระแทกพื้นชั้น 4 ก่อนแล้วค่อยตกลงมาบนถนนพระราม 4 ดังที่ปรากฎ
นอกจากนี้ ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย เผยว่า ขณะนี้กำลังวิเคราะห์สาเหตุที่สลิงหลุดว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร โดยในขั้นต้นได้ตั้งสมมุติฐานไว้ 5 ประเด็นคือ 1. การปฏิบัติ เป็นไปขั้นตอนการทำงาน (Method statement) หรือไม่ 2. ระบบควบคุม ระบบเบรกสำรอง ของเครนทำงานถูกต้องหรือไม่ มีการดูแลรักษาอย่างไร 3. น้ำหนักของชิ้นส่วนที่ใช้ยกเกินกำลังที่เครนจะยกได้หรือไม่ 4. องศาการยกของเครน ระยะปลายแขนยกของเครน เป็นไปตามที่กำหนดหรือไม่ และ 5. สลิงยกน้ำหนัก สมบูรณ์หรือไม่
ทั้งนี้ เป็นเพียงข้อสังเกตข้างต้น สาเหตุที่แท้จริงอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล ในอนาคตจะต้องกำหนดให้มีมาตรการกันร่วงของชิ้นส่วน เช่น การใช้สลิงสำรองยึดกับโครงสร้างด้านในเพื่อกันเหตุฉุกเฉินหากสลิงของเครนหลักเกิดหลุดอย่างน้อยยังมีสลิงสำรองกันร่วง หรือการแบ่งย่อยชิ้นส่วนให้เล็กลงเพื่อไม่ให้ยกน้ำหนักมากเกินไป และต้องตรวจสอบเครนที่ใช้รวมทั้งระบบเบรกว่าทำงานได้ปกติหรือไม่ ซึ่งได้ให้ผู้เกี่ยวข้องไปจัดทำแผนทางวิศวกรรมเพื่อป้องกันเหตุในอนาคตต่อไป
@สั่งหยุดรื้อถอนอาคาร
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า อาคารศรีเฟื่องฟุ้งมีความสูง 12 ชั้น รวมชั้นลอยด้วยเป็น 14 ชั้น เป็นอาคารขนาดใหญ่ซึ่งได้รับการอนุญาตรื้อถอนจากสำนักการโยธา กรุงเทพมหานครตั้งแต่เดือน มิ.ย. 67 ในวันเกิดเหตุเกิดจากเครนมีปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้เครนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ส่งผลให้ชิ้นส่วนที่กำลังยกอยู่หล่นลงมา เป็นเรื่องอันตรายที่ไม่ควรเกิดขึ้น ต้องมีการทบทวนกระบวนการต่าง ๆ และได้สั่งการให้สำนักการโยธาไปดูอาคารที่กำลังรื้อถอนอยู่ พร้อมทั้งได้สั่งให้หยุดรื้อถอนอาคารศรีเฟื่องฟุ้งเป็นการชั่วคราวก่อนจนกว่าจะทราบสาเหตุที่แท้จริง และหาทางป้องกันต่อ สำหรับเหตุลักษณะนี้ไม่ควรเกิด เพราะทำให้ประชาชนไม่มั่นใจ
“คิดว่าปัญหาจากการรื้อถอนอาคารจริง ๆ มี 3 เรื่อง คือ 1. เรื่องเสียงและฝุ่นที่เกิดจากการรื้อถอน 2. ผลกระทบเรื่องการระบายน้ำ เพราะมีเศษหินเศษปูนตกลงไปในท่อระบายน้ำ 3. เรื่องความปลอดภัย เป็นหน้าที่ที่ต้องไปดูจุดที่เหมาะสม อาจมีผลกระทบบ้าง แต่ต้องมีการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่อยู่ข้างเคียง เป็นไปตามความเหมาะสม ซึ่งต้องหารือกัน แต่อย่างไรก็ตามครั้งนี้ถือว่าโชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต กทม. ต้องไปปรับปรุงกระบวนการและกำชับให้เข้มข้นขึ้น” ผู้ว่าฯ ชัขขาติ กล่าวเพิ่มเติม
นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างฯ กล่าวเสริมว่า เบื้องต้นคาดการณ์สาเหตุไว้ 2 เรื่องหลักคือ 1. การทำงานเป็นไปตามที่กำหนดไว้หรือไม่ 2. เป็นความบกพร่องหรือเป็นความเสียหายจากอุปกรณ์ยกที่เป็นตัวเครนนี้หรือไม่ เพราะหากไฟฟ้าลัดวงจรควรมีระบบเบรกเกอร์หรือเซฟตี้อีกชั้นหนึ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล ต้องใช้เวลาประมาณ 15 วัน จึงจะทราบสาเหตุที่แท้จริงได้
ในตอนท้าย ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ได้กล่าวถึงปัญหาฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่ว่า ได้เร่งคุยกับทุกหน่วยงาน สำหรับ กทม. ได้เร่งดำเนินการเปลี่ยนไส้กรอง น้ำมันเครื่อง รถราชการแล้ว จากการหารือกับกรมฝนหลวงและการบินเกษตรอาจมีการเจาะอากาศให้ฝุ่นระบายขึ้นไปข้างบนได้ และในอาทิตย์หน้าจะมีการหารือเพิ่มเติมในการขึ้นบินทำฝนหลวง ว่าจะสามารถขยายสเกลในการบินได้อย่างไรบ้าง แต่ยังติดปัญหาเรื่องการบินในกรุงเทพฯ อาจต้องมีการประสานกับกระทรวงคมนาคม กองทัพอากาศ หารือร่วมกันเพิ่มเติม โดยให้กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพ ก็จะได้มีการนัดหมายหารือเพิ่มเติม