ปปง.ตามยึดทรัพย์ คดี ‘นัยน์ปพร เนตรบุตร’ นายจ้างกับพวก ที่ดิน เงินฝาก 11 รายการ 4.6 ล้าน แฉพฤติกรรมร่วมทำร้ายลูกจ้างโหดเหี้ยม ใช้ไม้เบสบอล ท่อพีวีซี สากไม้ กระบองยาม สายยางตี ใบหน้าแขนขาผิดรูป บาดแผลฉกรรจ์อวัยวะเพศ ศีรษะ ลำตัว ขา เท้า ใช้ขวดพลาสติกจุดไฟหยดตามร่างกาย ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษ 3 คน จำคุกคนละ 14 ปี 6 เดือน ปรับคนละ 1,220,000 บาท ร่วมชดใช้ 6.7 ล.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) มีคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย.231 /2567 เรื่อง ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราวรายนางสาวนัยน์ปพร เนตรบุตร กับพวก ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เป็นทรัพย์สิน รวม 11 รายการ ราคา 4,660,382.88 บาท ประกอบด้วย ที่ดินตามโฉนดที่ดิน 2 แปลง ในอ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ในชื่อนายนพรัตน์ หรั่งบุรี ผู้ถือกรรมสิทธิ์/ผู้ครอบครอง มูลค่า 4,170,833 บาท และ เงินในบัญชีเงินฝาก ในชื่อ นายนพรัตน์ หรั่งบุรี, นางสาวนัยน์ปพร เนตรบุตร กับพวก มูลค่า 489,549.88 บาท
ภายหลังจากที่ ปปง.ออกประกาศ ให้ผู้เสียหายยื่นคําร้องเพื่อขอรับคืนหรือชดใช้คืนซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด หรือชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐานราย นางสาวนัยน์ปพร เนตรบุตร กับพวก โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา
(ข่าวเกี่ยวข้อง:ปปง.ให้ผู้เสียหายยื่นขอชดใช้ทรัพย์คืนคดี ‘เจ๊กั้ง’ ทำร้ายลูกจ้างเยี่ยงทาสจนตาบอด‘เจ๊กั้ง’ ทำร้ายลูกจ้างเยี่ยงทาสจนตาบอด)
ที่มาของคดีนี้ นาย จ. (ตัวย่อ) ลูกจ้างผู้เสียหาย ถูกนางสาวนัยน์ปพร เนตรบุตร กับพวก บังคับขู่เข็ญใช้แรงงาน โดยการใช้ไม้เบสบอล ท่อพีวีซี สากไม้ กระบองยาม สายยางตีทำร้ายตามร่างกายจนได้รับบาดเจ็บใบหน้าผิดรูป แขนขาผิดรูป มีบาดแผลฉกรรจ์ที่อวัยวะเพศ มีแผลเป็นที่ศีรษะ ลำตัว ขา และเท้าหลายแห่ง และใช้ขวดพลาสติกจุดไฟแล้วหยดตามร่างกายของผู้เสียหาย เมื่อนางสาวนัยน์ปพร ทำร้ายผู้เสียหายจนเหนื่อยก็จะให้นายศรายุทธ บุญคง เป็นผู้ทำร้ายผู้เสียหายแทน ยังมีนายนพรัตน์ หรั่งบุรี ใช้สายยางรดน้ำตีทำร้ายผู้เสียหาย และมีการพูดจาข่มขู่ว่า ถ้าผู้เสียหายหลบหนีจะไปแจ้งความในเรื่องลักขโมย อนาจาร โดยมีพยานหลักฐานต่าง ๆ พร้อมที่จะแจ้งความเพื่อไม่ให้ผู้เสียหายหลบหนี และใช้แรงงานผู้เสียหายโดยไม่จ่ายค่าแรง หรือเงินเดือน หรือของตอบแทนอย่างอื่น และมีการนำตัวผู้เสียหายไปเปิดบัญชีเงินฝากรธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขา อินทร์บุรี เลขที่บัญชี 2362177xxx ชื่อบัญชี ร้านฟอนต์ดีไซน์ โดยนาย จ. (ตัวย่อ) และได้ทำบัตรเอทีเอ็มหมายเลข 4283 8008 2966 xxxx พร้อมรหัสบัตรเอทีเอ็ม ซึ่งนางสาวนัยน์ปพร เนตรบุตร เป็นผู้ยึดบัตรประจำตัวประชาชนและบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหายไว้
มีการแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน ต่อมา ศาลจังหวัดสิงห์บุรีพิพากษาว่า นางสาวนัยน์ปพร เนตรบุตร จำเลยที่ 1 นายศรายุทธ บุญคง จำเลยที่ 2 นายนพรัตน์ หรั่งบุรี จำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 รวม 2 กระทง จำคุกคนละ 24 ปี และปรับคนคนละ 2,400,000 บาท จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลหุโทษให้กึ่งหนึ่ง จึงลงโทษจำคุกคนละ 14 ปี 6 เดือน และปรับคนละ 1,220,000 บาท รีบของกลาง กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 6,704,556 บาท ให้แก่นาย จ. (ตัวย่อ)
คำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินมีรายละเอียดดังนี้
@ เปิดคำสั่งยึดอายัดทรัพย์ 11 รายการ 4.6 ล้าน
ด้วยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ได้รับรายงานจากสถานีตำรวจฏธรอินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ตามหนังสือที่ ตช 0016.87/387 ลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 เรื่อง ส่งแบบรายงานตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี รายนางสาวนัยน์ปพร เนตรบุตร กับพวก ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ กล่าวคือ แฉพฤติการณ์โหด ใช้ขวดพลาสติกจุดไฟหยดตามร่างกาย
เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2560 ถึงวันที่ 1 ธันวาคม 2564 นาย จ. (ตัวย่อ) ผู้เสียหาย ซึ่งอยู่ในอำนาจมิชอบครอบงำจากนางสาวนัยน์ปพร เนตรบุตร กับพวก บังคับขู่เข็ญใช้แรงงาน โดยการใช้ไม้เบสบอล ท่อพีวีซี สากไม้ กระบองยาม สายยางตีทำร้ายตามร่างกายจนได้รับบาดเจ็บใบหน้าผิดรูป แขนขาผิดรูป มีบาดแผลฉกรรจ์ที่อวัยวะเพศ มีแผลเป็นที่ศีรษะ ลำตัว ขา และเท้าหลายแห่ง และใช้ขวดพลาสติกจุดไฟแล้วหยดตามร่างกายของผู้เสียหาย เมื่อนางสาวนัยน์ปพร เนตรบุตร ทำร้ายผู้เสียหายจนเหนื่อยก็จะให้นายศรายุทธ บุญคง เป็นผู้ทำร้ายผู้เสียหายแทน ในการทำร้ายดังกล่าวยังมีนายนพรัตน์ หรั่งบุรี ใช้สายยางรดน้ำตีทำร้ายผู้เสียหาย และมีการพูดจาข่มขู่ว่า ถ้าผู้เสียหายหลบหนีจะไปแจ้งความในเรื่องลักขโมย อนาจาร โดยมีพยานหลักฐานต่าง ๆ พร้อมที่จะแจ้งความเพื่อไม่ให้ผู้เสียหายหลบหนี และใช้แรงงานผู้เสียหายโดยไม่จ่ายค่าแรง หรือเงินเดือน หรือของตอบแทนอย่างอื่น และมีการนำตัวผู้เสียหายไปเปิดบัญชีเงินฝากรธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขา อินทร์บุรี เลขที่บัญชี 2362177xxx ชื่อบัญชี ร้านฟอนต์ดีไซน์ โดยนาย จ. (ตัวย่อ) และได้ทำบัตรเอทีเอ็มหมายเลข 4283 8008 2966 xxxx พร้อมรหัสบัตรเอทีเอ็ม ซึ่งนางสาวนัยน์ปพร เนตรบุตร เป็นผู้ยึดบัตรประจำตัวประชาชนและบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหายไว้
@ ตร.-อัยการสั่งฟ้อง
จากพฤติการณ์ดังกล่าวนางสาวนัยน์ปพร เนตรบุตร กับพวก กักขัง บังคับ ขู่เข็ญใช้แรงงานผู้เสียหายด้วยการทำร้ายร่างกายต่าง ๆ เป็นการกระทำเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงาน และมีลักษณะการเอาคนลงเป็นทาส หรือให้มีฐานะคล้ายทาส อันเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอินทร์บุรีตามคดีอาญาที่ 4554/2564 มีความเห็นควรสั่งฟ้องนางสาวนัยน์ปพร เนตรบุตร กับพวก ในความผิดฐานสมคบกันเพื่อจะเอาคนลงเป็นทาส หรือมีลักษณะคล้ายทาส เป็นเหตุทำให้ผู้ถูกกระทำร้ายจนได้รับอันตรายสาหัส ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยทรมาน หรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส ร่วมกันกระทำความผิดฐานบังคับใช้แรงงาน หรือบริการด้วยการข่มขืนใจผู้อื่นให้ทำงานหรือให้บริการโดยวิธีการทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้อื่น ขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ ใช้กำลังประทุษร้าย ยึดเอกสารสำคัญประจำตัวขวของบุคคลนั้นไว้ โดยการกระทำความผิดนั้นเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ และได้ลงมือกระทำความผิดตามที่สมคบกันไว้ โดยร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ โดยการหน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งบุคคลที่อยู่ในภาวะอ่อนด้อยทางร่างกาย จิตใจ การศึกษา มีกายพิการ หรือมีจิตฟั่นเฟือน ไม่สมประกอบโดยวิธีการทำให้กลัวว่า จะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง ขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ ใช้กำลังประทุษร้าย หรือให้มีฐานะคล้ายทาส ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการหรือไม่กระทำการ โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้ถูกกระทำนั้น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาและพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551
คดีนี้พนักงานอัยการจังหวัดสิงห์บุรี มีคำสั่งฟ้องนางสาวนัยน์ปพร เนตรบุตร กับพวก ในความผิดฐานร่วมกันค้ามนุษย์ตั้งแต่สามคนขึ้นไป เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงาน และเอาคนลงเป็นทาส หรือให้มีลักษณะคล้ายทาส จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส บังคับใช้แรงงาน ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยทรมาน หรือกระทำทารุณโหดร้าย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการหรือไม่กระทำการ โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้ถูกกระทำนั้น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย และเพื่อเอาคนลงเป็นทาส หรือให้มีฐานะคล้ายทาสจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส ขอริบสากไม้ และท่อพีวีซีของกลาง และขอให้ผู้ต้องหาทั้งสามร่วมกันจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหาย เป็นเงินจำนวน 6,704,556 บาท ส่วนความผิดฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนชื้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ และได้ลงมือกระทำความผิดตามที่ได้มีการสมคบกันไว้ มีคำสั่งไม่ฟ้อง
@ ศาลสั่งจำคุกคนละ 14 ปี 6 เดือน ปรับคนละ 1,220,000 บาท ร่วมกันชำระเงิน 6,704,556 บาท
ต่อมาศาลจังหวัดสิงห์บุรีในคดีหมายเลขดำ ที่ คม1/2565 หมายเลขแดงที่ คม1/2565 มีคำพิพากษาว่า นางสาวนัยน์ปพร เนตรบุตร จำเลยที่ 1 นายศรายุทธ บุญคง จำเลยที่ 2 นายนพรัตน์ หรั่งบุรี จำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 298 ประกอบมาตรา 297 (4) (8) มาตรา 278 (5) มาตรา 309 วรรคสอง มาตรา 312 ทวี วรรคสอง (2) พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง (1) มาตรา 6/1 (1) (2) (3) (4) มาตรา 10 วรรคหนึ่ง มาตรา 52 วรรคหนึ่ง มาตรา 52/1 วรรคสอง มาตรา 53/1 (1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมทำร้ายผู้อื่น โดยทรมานเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัส จำคุกคนละ 5 ปี และปรับคนละ 40,000 บาท ฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นโดยทรมานเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัส ฐานร่วนร่วมกันขืนใจให้ผู้อื่น กระทำการโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธ ฐานร่วมกันเอาคนลงเป็นทาสเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัส ฐานร่วมกันค้ามนุษย์เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัสโดยร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป และฐานร่วมกันบังคับใช้แรงงานเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัส เป็นการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานร่วมกันค้ามนุษย์เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัส โดยร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
จำคุกคนละ 12 ปี และปรับคนละ 1,200,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจำคุกคนละ 24 ปี และปรับคนคนละ 2,400,000 บาท จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลหุโทษให้กึ่งหนึ่ง จึงลงโทษจำคุกคนละ 14 ปี 6 เดือน และปรับคนละ 1,220,000 บาท รีบของกลาง กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 6,704,556 บาท ให้แก่นาย จ. (ตัวย่อ) ์ อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (2) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า นางสาวนัยน์ปพร เนตรบุตร กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว
@ เข้ามูลฐานความผิด กม.ฟอกเงิน
ในการนี้ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติดามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 12/2566 เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2566 ที่ประชุมมีมติมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ประกอบกับคำสั่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ลับ ที่ ม.787/2566 ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2566 เรื่อง มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด รายนางสาวนัยน์ปพร เนตรบุตรบุตร กับพวก พนักงานเจ้าหน้าที่ได้คำเนินการตรวจสอบรายงานการทำธุรกรรมหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของบุคคลดังกล่าวแล้ว ปรากฏหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่า นางสาวนัยน์ปพร เนตรบุตร กับพวก มีพฤติการณ์แห่งการกระทำอันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (2) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 หรือเป็นผู้ซึ่งเกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทำความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงิน และจากการตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด รวมทั้งจากการรวบรวมหยานหลักฐานปรากฏว่า บุคคลดังกล่าวได้ไปซึ่งทรัพย์สินพี่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 11 รายการ พร้อมดอกผล
และเนื่องจากทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีนี้ประกอบด้วยอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ดินตามโฉนดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง อันเป็นทรัพย์สินที่ปรากฏหลักฐานในทางทะเบียนในการเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์โดยผู้มีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์อาจดำเนินการทางนิติกรรมโอนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์โนทางทะเบียนได้และสังหาริมทรัพย์ประเภทเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร อันเป็นทรัพย์สินที่สามารถโอน ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร็นได้โดยง่าย หากมิได้มีการออกคำสั่งให้ยืดและอายัดทรัพย์สินดังกล่าวไว้ชั่วคราว เมื่อเจ้าของหรือมีส่วนได้เสียหรือผู้มีสิทธิ์ในทรัพย์สินดำเนินการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าวไปเสียและหากต่อมาศาลได้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน สำนักงาน ปปง. อาจไม่สามารถติดตามทรัพย์สินดังกลำวกลับคืนมาได้ จึงเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า นางสาวนัยน์ปพร เนตรบุตร กับพวกากได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดและอาจมีการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้น
@ เบื้องต้น ยึดอายัดทรัพย์ชั่วคราว 11 รายการ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 34 (3) และมาตรา 48 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติป้องกับและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มติคณะกรรมการธุรกรรมในการประชุม ครั้งที่ 13/2567 เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 และระเบียบคณะกรรมการธุรกรรม ว่าด้วยการรับเรื่องการตรวจสอบ การพิจารณาดำเนินการ และการควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2556 ข้อ 25 ณะกรรมการธุรกรรม จึงมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว จำนวน 11 รายการ พร้อมดอกผล กล่าวคือ มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินจำนจำนวน 2 รายการ ได้แก่ รายการที่ 1 และรายการที่ 2 และมีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินจำนวน 9 รายการ ได้แก่ รายการที่ 3 ถึงรายการที่ 11 มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติ กล่าวคือ นับตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ถึงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 โดยมีรายการทรัพย์สินที่ยึดและอายัตปรากฎหานบัญชีทรัพย์สินเนบท้ายคำสั่งทำสั่งนี้