คณะรัฐมนตรี ล้วงเงินกองทุน FIDF- พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มาตรา 28 คลอดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย-ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก 3 ปี ลดค่างวดผ่อนชำระ-พักดอกเบี้ย สินเชื่อบ้าน-เอสเอ็มอี วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท -รถยนต์ ไม่เงิน 8 แสนล้าน ช่วยปิดหนี้ลูกหนี้เอ็นพีแอลยอดไม่เกิน 5 พันบาท-จ่าย 10 % รัฐ-สถาบันการเงินรับภาระ ฝ่ายละ 45 % พ่วง ลูกหนี้ Non – banks รัฐชดเชย พันล้าน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(Small and Medium Enterprises : SMEs) และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบางอื่นของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) หรือ ธนาคารของรัฐ และแนวทางการแก้ไขหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
@ ลดเงินต้น-พักดอกเบี้ย หนี้บ้าน-รถยนต์-เอสเอ็มอี
1.มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและผู้ประกอบการ SMEs ประกอบด้วย
(1) มาตรการปรับโครงสร้างหนี้แบบลดภาระดอกเบี้ยโดยการเน้นตัดต้นเงินลูกหนี้และประเภทสินเชื่อ 3 ประเภท (สัญญาสินเชื่อที่ทำขึ้นก่อนวันที่ 1 ม.ค. 2567) ประเภทสินเชื่อ วงเงินรวมต่อสถาบันการเงิน เช่น สินเชื่อบ้าน/สินเชื่อส่วนบุคคลที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน ไม่เกิน 5 ล้านบาท
(2) สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และ/หรือสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และ/หรือสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ ไม่เกิน 800,000 บาท ไม่เกิน 500,000 บาท ตามลำดับ
(3) สินเชื่อธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่มีสถานะเป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลไม่เกิน 5 ล้านบาท
สำหรับรูปแบบการให้ความช่วยเหลือและเงื่อนไข เช่น ลดภาระการผ่อนชำะค่างวด ระยะเวลา 3 ปี โดยในปีที่ 1 ปีที่ 2 และปีที่ 3 ชำระค่างวดร้อยละ 50 ร้อยละ 70 และ ร้อยละ 90 ตามลำดับ ตามค่างวดที่ชำระจะนำไปตัดเงินต้นทั้งหมดเพื่อให้ลูกหนี้ปิดหนี้ได้เร็วขึ้นและดอกเบี้ยจะพักการชำระไว้ในช่วงระยะเวลามาตรการ
2.มาตรการลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ที่ถูกจัดชั้นเป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ที่มียอดหนี้ไม่สูง เช่น ลูกหนี้และประเภทสินเชื่อ เป็นลูกหนี้บุคคลธรรมดาที่เป็น NPLs และมีภาระหนี้คงค้างไม่เกิน 5,000 บาท (ครอบคลุมสินเชื่อทุกประเภทที่กู้ในนามบุคคลธรรมดา) โดยมีรูปแบบการให้ความช่วยเหลือและเงื่อนไข เช่น การปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรน โดยลดภาระให้ลูกหนี้จ่ายชำระร้อยละ 10 ภาครัฐรับภาระร้อยละ 45 และสถาบันการเงินรับภาระร้อยละ 45 ของภาระหนี้คงค้าง
ทั้งนี้ แหล่งเงินของทั้งสองมาตรการ มาจาก 1.เงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ของ ธนาคารพาณิชย์ (ที่ได้รับการละเว้นจากการปรับลดอัตรานำส่งเงินเข้ากองทุนฯ) จำนวน 39,000 ล้านบาท 2.เงินงบประมาณตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 มาตรา 28 เพื่อชดเชยให้ SFIs 6 แห่ง จำนวนวน 38,920 ล้านบาท
@ ชดเชย 3 พันล้านบาท อุ้ม ลูกหนี้ Non-banks
นายจิรายุกล่าวว่า นอกจากนี้ยังรวมถึงมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ ของ Non – banks โดยขยายการให้ความช่วยเหลือให้ครอบคลุมไปยังลูกหนี้ของ Non - banks เนื่องจากกลุ่มนี้มีความเปราะบางและมีหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลที่มีดอกเบี้ยสูง โดยคุณสมบัติลูกหนี้และประเภทสินเชื่อ 5 ประเภท (สัญญาสินเชื่อทำขึ้นก่อน 1ม.ค. 67) ในประเภทสินเชื่อวงเงินรวมไม่เกินวงเงินดังต่อไปนี้
1.สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ 800,000 บาท 2.สินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ 50,000 บาท 3.สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กการกำกับ 100,000 บาท หรือ 200,000 บาท
4.สินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล 20,000 บาท และ 5.สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ (Nano Finance)
สำหรับรูปแบบการช่วยเหลือ เช่น ลดภาระการผ่อนชำระค่างวดเป็นร้อยละ 70 ของค่างวดก่อนเข้าร่วมมาตรการระยะเวลา 3 ปี ลดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 จากอัตราดอกเบี้ยก่อนเข้าร่วมมาตรการตลอดระยะเวลา 3 ปี โดยแหล่งเงิน ธนาคารออมสินให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่ Non – banks อัตราร้อยละ 0.01 ต่อปีวงเงิน 50,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี โดยรัฐบาลชดเชยต้นทุนเงินในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 ปี งบฯ รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 3,000 ล้านบาท
@ แบงก์รัฐ ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ลูกหนี้ชั้นดี
มาตรการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางเพิ่มเติมของ SFIs มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมสำหรับลูกหนี้กลุ่มเปราะบางอื่น ๆ เช่น เกษตรกร ผู้ประกอบการหาบเร่แผงลอยซึ่งจะไม่ซ้ำซ้อนกับกลุ่มลูกหนี้ ตามมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและผู้ประกอบการ SMEs และครอบคลุมลูกหนี้ที่มีประวัติการชำระหนี้ดีเพื่อสร้างแรงจูงใจในการรักษาวินัยทางการเงินของลูกหนี้
รูปแบบการให้ความช่วยเหลือและเงื่อนไข เช่น ลูกหนี้ปกติ ครอบคลุมลูกหนี้รายย่อย ผู้ประกอบการรายย่อย/เกษตรกรรายย่อย และผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง ผ่านการลดดอกเบี้ยเป็นการทั่วไป ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ผ่านการพักชำระเงินต้นและไม่คิดดอกเบี้ยกับลูกหนี้ในระหว่างพักชำระหนี้ ลูกหนี้ที่ขอสินเชื่อใหม่ ผ่านการรให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ
สำหรับแหล่งเงิน ให้ SFIs ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ใช้จ่ายจากเงินที่ได้จากการปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIF) จากร้อยละ 0.25 ต่อปี เป็นร้อยละ 0.125 ต่อปี สำหรับรอบการนำส่งเงินในปี 68 โดยจำกประมาณการเงินนำส่งเข้า SFIF ของ SFIs ทั้ง 4 แห่ง ในปี 68 พบว่าหากได้รับการปรับลดอัตราเงินนำส่งฯ เหลือร้อยละ 0.125 ต่อปี จะมีการนำส่งเงินเข้า SFIF ลดลงประมาณ 8,092 ล้านบาท
@ รับทราบ 2 แนวทางแก้หนี้อย่างยั่งยืน
นายจิรายุกล่าวว่า ครม.ยังรับทราบแนวทางการแก้ไขหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเสนอประกอบด้วย 2 แนวทางหลัก ได้แก่ แนวทางที่ 1 ยกระดับข้อมูลหนี้สินครัวเรือนที่จัดเก็บในระบบฐานข้อมูลของ บจก. ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมการมีหนี้ที่สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในระดับที่เหมาะสมกับรายได้ และไม่เกินกำลังในการชำระคืน รวมถึงออกแบบมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ได้อย่างตรงจุดและทันการณ์ และยกระดับข้อมูลหนี้สินครัวเรือน โดยมีแนวทาง เช่น ปรับปรุงและเพิ่มเติมการจัดทำฐานข้อมูลภาวะหนี้นอกระบบของครัวเรือน เพื่อให้มีข้อมูลสถานะภาระหนี้สินที่แท้จริง
แนวทางที่ 2 การสร้างความสามารถในการแข่งขันและการยกระดับรายได้ โดยดำเนินการควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาหนี้สินของครัวเรือน โดยมีแนวทาง เช่น ส่งเสริมให้แรงงานยกระดับทักษะฝีมือแรงงาน ดูแลให้ผู้ประกอบการ SMEs ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจรายใหญ่ได้รับความเป็นธรรม โดยที่ประชุมเห็นชอบ อนุมัติ และรับทราบตามที่ กระทรวงคลัง เสนอ และให้รับความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการ