เผยมติ ป.ป.ช. เสียงเอกฉันท์ตีตกคดีกล่าวหา 'ปรีชา อ่องอารี' อดีตกรรมการกฟภ.ร่ำรวยผิดปกติ ตัวเอง-คู่สมรส มีหุ้นในบริษัทเอกชน 150 ล้าน หลังพิจารณาสำนวนไต่สวนไม่ปรากฎพยานหลักฐานที่ฟังว่ามีการกระทำความผิด ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ตกไป
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. เสียงเอกฉันท์ตีตกคดีกล่าวหา นายปรีชา อ่องอารี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ร่ำรวยผิดปกติ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติไม่สัมพันธ์กับรายได้ ได้แก่ หุ้นในบริษัท โซล่าร์ เอวีเอชั่น จำกัด จำนวน 150 ล้านบาท
สำนักงาน ป.ป.ช. ระบุพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่ากระทำผิดโดยสรุปว่า สืบเนื่องจาก นายปรีชา อ่องอารี ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในตำแหน่งกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จากการตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สินของนายปรีชา อ่องอารี กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ปรากฏว่า นายปรีชา อ่องอารี และคู่สมรส มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติไม่สัมพันธ์กับรายได้ ได้แก่ หุ้นในบริษัท โซล่าร์ เอวีเอชั่น จำกัด จำนวน 150 ล้านบาท กรณีจึงมีเหตุอันควรสงสัยว่านายปรีชา อ่องอารี ร่ำรวยผิดปกติ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติเห็นว่า จากการไต่สวนเบื้องต้นปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายปรีชา อ่องอารี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และคู่สมรส มีหุ้นในบริษัท โซล่าร์ เอวีเอชั่น จำกัด รวมเป็นเงิน 150 ล้านบาท ซึ่งบริษัทดังกล่าวมีบุตรชายของนายปรีชา อ่องอารี ผู้ถูกกล่าวหา เป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งและเป็นผู้บริหารบริษัทที่แท้จริง
ส่วนกรณีมีหุ้นเพิ่มขึ้น 150 ล้านบาท นั้น จากคำให้การของพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องข้อเท็จจริงฟังเป็นที่ยุติว่า นายปรีชา อ่องอารีและคู่สมรส ไม่ได้มีการชำระค่าหุ้นด้วยเงินจำนวนดังกล่าวจริง เป็นเพียงการจัดทำเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการขอจดทะเบียนจัดตั้งและขอเพิ่มทุนบริษัทเพื่อนำไปแสดงต่อนายทะเบียน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ให้มีการจดทะเบียนทุนและเพิ่มทุนจดทะเบียนให้กับบริษัทฯ เพื่อให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตให้ประกอบกิจการค้าขายในการเดินอากาศแบบประจำเท่านั้น และจากการตรวจสอบธุรกรรมการเงินของนายปรีชา อ่องอารี ผู้ถูกกล่าวหา และคู่สมรสที่ได้จากสถาบันการเงินพบว่า เงินที่นำมาบริหารกิจการของบริษัทมาจากการกู้เงินจากธนาคารโดยนำที่ดินและบ้านของผู้ถูกกล่าวหาไปจำนองกับธนาคารและไม่พบรายการเงินฝากที่มีลักษณะผิดปกติเกินกว่าวิสัยจะพึงมีแต่อย่างใด
คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ด้วยคะแนนเสียง 6 เสียง ว่ายังฟังไม่ได้ว่า นายปรีชา อ่องอารี ผู้ถูกกล่าวหา มีพฤติการณ์รำ่รวยผิดปกติตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป