ปปง.สั่งยึดที่ดิน จ.เชียงใหม่ 5.7 แสน คดี ‘อัจฉริยะญาณี สมราช’ กับพวก หลอกเล่นหุ้นต่างประเทศ ผ่านบัญชี 2 บริษัท อ้างลงทุน 40 - 50 ล. จะได้กำไร 120-140 ล. หลงเชื่อเสียหาย 181.5 ล. เข้าแจ้งความ ตร.อ.ฝาง ศาลพิพากษาจำคุกคนละ 20 ปี ก่อนหน้าอายัดเงินฝาก 10 บัญชี 9 แสนบ.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(สำนักงาน ปปง.) มีคำสั่ง คณะกรรมการธุรกรรมที่ ย 217/2567 ลงวันที่ 17 ตุลาคม 2567 เรื่อง ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) รายนางสาวอัจฉริยะญาณี สมราช กับพวก เป็นที่ดิน ตามโฉนดที่ดินเลขที่ 55675 เลขที่ดิน 1673 ตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่ 1ไร่ 23 ตารางวา ผู้ถือกรรมสิทธิ์นายพิชัยฤทธิ์ สมราช ราคาประเมิน 570,000 บาท มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา อันมีลักษณะเป็นปกติธุระโดยร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมเล่นหุ้นต่างประเทศผ่านบัญชีบริษัทจำนวน 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท เลิฟปริ้นเซสเฮ้าส์ จำกัด และบริษัท เบดแบร์ (ไทยแลนด์) จำกัด โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนเป็นราย 6 เดือน และราย 1 ปี โดยหากลงทุน 40 - 50 ล้านบาท ในระยะเวลา 1 ปี จะได้รับเงินกำไร 120 – 140 ล้านบาท ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงลงทุนไปเป็นเงิน 145,500,000 บาท และยังหลอกลวงผู้เสียหายให้จ่ายเงินค่าภาษีอีก 36,000,000 บาท (รวมทั้งสิ้น 181.5 ล้านบาท)
ต่อมาผู้ต้องหาแจ้งว่าสรรพากรได้อายัดบัญชีบริษัทที่ผู้เสียหายเป็นหุ้นส่วนอยู่ด้วยและจะต้องนำเงินมาเพิ่มเพื่อดำเนินการใช้จ่ายในเรื่องภาษี แต่ผู้เสียหายสงสัยและเชื่อว่าผู้ต้องหาได้ปลอมเอกสารขึ้นเพื่อหลอกลวง ผู้เสียหายจึงไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน โดยพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรฝาง ได้รับคำร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญาที่ 656/2565 และสรุปสำนวนการสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้อง นางสาวอัจฉริยะญาณี สมราช กับพวก ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ และร่วมกันปลอมแปลงเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการปลอม กระทั่งศาลพิพากษาจำคุกคนละ 20 ปี
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า ก่อนหน้านี้ ปปง.มีคำสั่ง ย 37/2567 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดชั่วคราวราย นางสาวอัจฉริยะญาณี กับพวก เป็นเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร 10 รายการ ในชื่อบุคคลและนิติบุคคล มูลค่า 909,848.21 บาท
รวม ปปง.สั่งยึดและอายัดทรัพย์ 2 ครั้ง 11 รายการมูลค่า ประมาณ 1.47 ล้านบาท
@ เปิดรายละเอียดคำสั่งอายัดทรัพย์
กล่าวสำหรับ คำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย.217/2567 มีรายละเอียดดังนี้
ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(สำนักงาน ปปง.) ได้รับรายงานจากสถานีตำรวจภูธรฝาง ตามหนังสือที่ 0020(ชม).4(13)/1596 ลงวันที่ 10 มิถุนายน 2565 รายงานการดำเนินคดีความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันเป็นปกติธุระ รายนางสาวอัจฉริยะญาณี สมราช กับพวก และหนังสือที่ ตช 0020(ชม).4(13)/1955 ลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 เรื่อง นำส่งข้อมูลการดำเนินคดีอาญาที่ 656/2565 (เพิ่มเติม) ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการอ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ กล่าวคือ
@ อ้างลงทุน 40 - 50 ล. 1 ปี ได้กำไร 120 – 140 ล.
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2562 ถึงวันที่ 18 เมษายน 2565 นางสาวอัจฉริยะญาณี สมราช ผู้ต้องหาที่ 1 และนายไชยเวทย์ สมราช ผู้ต้องหาที่ 2 ได้ร่วมกันหลอกลวงนางเกษยา ผู้เสียหายให้ร่วมเล่นหุ้นต่างประเทศผ่านบัญชีบริษัทจำนวน 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท เลิฟปริ้นเซสเฮ้าส์ จำกัด และบริษัท เบดแบร์ (ไทยแลนด์) จำกัด โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนเป็นราย 6 เดือน และราย 1 ปี โดยหากลงทุน 40 - 50 ล้านบาท ในระยะเวลา 1 ปี จะได้รับเงินกำไร 120 – 140 ล้านบาท ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงลงทุนไปเป็นเงิน 145,500,000 บาท และยังหลอกลวงผู้เสียหายให้จ่ายเงินค่าภาษีอีก 36,000,000 บาท
ต่อมาผู้ต้องหาแจ้งว่าสรรพากรได้อายัดบัญชีบริษัทที่ผู้เสียหายเป็นหุ้นส่วนอยู่ด้วยและจะต้องนำเงินมาเพิ่มเพื่อดำเนินการใช้จ่ายในเรื่องภาษี แต่ผู้เสียหายสงสัยและเชื่อว่าผู้ต้องหาได้ปลอมเอกสารขึ้นเพื่อหลอกลวง ผู้เสียหายจึงไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน โดยพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรฝาง ได้รับคำร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญาที่ 656/2565 และสรุปสำนวนการสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้อง นางสาวอัจฉริยะญาณี สมราช กับพวก ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ และร่วมกันปลอมแปลงเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการปลอม
@ ศาลจังหวัดฝางสั่งจำคุก 16 กระทง รวม 20 ปี
ต่อมาเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2566 ศาลจังหวัดฝาง ในคดีหมายเลขดำที่ อ88/2566 หมายเลขแดงที่ อ419/2566 ได้มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกนางสาวอัจฉริยะญาณี สมราช และนายไชยเวทย์ สมราช คนละ 20 ปี ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกง รวมกันปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ ร่วมกันใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอม แจ้งให้พนักงานผู้กระทำตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จ ลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรรคแรก มาตรา 265 มาตรา 266 (1) มาตรา 267 มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 264 วรรรคแรก มาตรา 265 มาตรา 266(1) มาตรา 267และมาตรา 341 และความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (4) มาตรา 5 (1) (2) (3) มาตรา 9 วรรคหนึ่ง วรรคสอง และมาตรา 60 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันฉ้อโกง รวม 16 กระทง เมื่อรวมทุกกระทงแล้วให้ลงโทษจำคุกคนละ 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 (2) อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม การฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านางสาวอัจฉริยะญาณี สมราช กับพวกได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว ต่อมาคณะกรรมการธุรกรรม ได้มีคำสั่งที่ ย. 37/2567 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 เรื่อง อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว รายนางสาวอัจฉริยะญาณี สมราช กับพวก จำนวน 10 รายการ พร้อมดอกผล มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นั้น
จากการตรวจสอบรายงานการทำธุรกรรมหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของบุคคลรวมทั้งผู้ซึ่งเกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวช้องสัมพันธ์กับผู้กระทำความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงินในคดีดังกล่าว พบข้อมูลเพิ่มเติมวานางสาวอัจฉริยะญาณี สมราช กับพวก เป็นเจ้าของทรัพย์สินหรือมีสิทธิครอบครองในทรัพย์สินเพิ่มเติมอีกจำนวน 1รายการ คือ ที่ดิน ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบแล้วปรากฎหลักฐานเป็นที่เช็อได้วาทรัพย์สินดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
และเนื่องจากทรัพย์สินดังกล่าวเป็นอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ดินตามโฉนดที่ดิน อันเป็นทรัพย์สินที่ปรากฎหลักฐานในทางทะเบียน ในการเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือผู้มีสิทธิครอบครองโดยผู้มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้มีสิทธิครอบครอง อาจดำเนินการทางนิติกรรมโอนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือผู้มีสิทธิครอบครองในทางทะเบียนได้ หากมิได้มีการออกคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินไว้ชั่วคราว เมื่อเจ้าของหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีสิทธิในทรัพย์สินดำเนินการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซอนเร้นทรัพย์สินดังกล่าวไปเสียและหากต่อมาศาลได้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน สำนักงาน ปปง. อาจไม่สามารถติดตามทรัพย์สินดังกล่าวกลับคืนมาได้ จึงเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านางสาวอัจฉริยะญาณี สมราช กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดและอาจมี การโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าว
คำสั่งระบุว่า คณะกรรมการธรกรรมจึงมีคำสั่งยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) จำนวน 1 รายการ พร้อมดอกผล คือ ที่ดินตามโฉนดที่ดินดังกล่าว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธรกกรมมีมติ กล่าวคือ นับตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2567 ถึงวันที่ 14 มกราคม 2568