ปปง.สั่งอายัดเงินฝาก 21 บัญชี 6.9 แสน บ.ที.ไอ.เอส.ควอลิตี้แมเนจเม้นท์-จุฑาภาส อังกาพย์ กับพวก คดีหลอกขายประกันภัยรถยนต์ อ้างเป็นตัวแทนหลายแห่ง ผู้เสียหายหลงเชื่อ จ่ายเงินซื้อ กลับไม่ส่งสัญญาให้ตามตกลง พบประวัติถูกแจ้งจับหลายท้องที่ ศาลสั่งจำคุก-ปรับ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) คำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ย. 198 /2567 ลงวันที่ 18 กันยายน 2567 เรื่อง อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว รายบริษัท ที.ไอ.เอส. ควอลิตี้แมเนจเม้นท์ จำกัด โดยนางสาวจุฑาภาส อังกาพย์ กับพวก เป็นกรณีแห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ได้ติดต่อชักชวนผู้กล่าวหากับพวก เพื่อให้ซื้อประกันภัยรถยนต์ โดยอ้างว่าบริษัทของผู้ต้องหาเป็นตัวแทนขายประกันรถยนต์ของบริษัทต่างๆหลายบริษัท ทำให้กลุ่มผู้กล่าวหากับพวกสนใจ และได้หลงเชื่อสั่งซื้อประกันภัยรถยนต์ตามที่ผู้ต้องหาเสนอขายมาให้ พร้อมกับโอนเงินไปให้ผู้ต้องหากับพวก ต่อมาเมื่อถึงกำหนดส่งหนังสือสัญญาประกันภัยให้กับผู้กล่าวหากับพวกแล้ว ปรากฏว่าผู้ต้องหาไม่ส่งให้ตามที่ได้ตกลงกันไว้จริง พอกลุ่มผู้กล่าวหาทวงถามก็ผัดผ่อนการส่งสัญญาประกันภัยเรื่อยมาผู้กล่าวหากับพวกจึงเชื่อว่าถูกผู้ต้องหากับพวกหลอกลวงเอาเงินไป เป็นเหตุทำให้ได้รับความเสียหาย
ทรัพย์สินที่ถูกอายัดประกอบด้วย เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร ในชื่อ บริษัท ที.ไอ.เอส. ควอลิตี้แมเนจเม้นท์ จำกัด จำนวน 21 บัญชี รวมมูลค่า 690,185.70 บาท กำหนดไม่เกิน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติกล่าวคือ นับตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน - 17 ธันวาคม 2567
คำสั่งอายัดทรัพย์มีรายละเอียดดังนี้
ด้วยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ได้รับหนังสือจากกองบังคับการปราบปราม ที่ ตช 0026.21/531 ลงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2561 เรื่อง รายงานความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 รายบริษัท ที.ไอ.เอส. ควอลิตี้แมเนจเม้นท์ จำกัด โดยนางสาวจุฑาภาส อังกาพย์ กับพวก ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ กล่าวคือ
เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2561 นางสาวอภิสรา ธีระภัทรพลชัย ผู้กล่าวหา กับพวก ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ให้ดำเนินคดีกับบริษัท ที.ไอ.เอส. ควอลิตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด โดยนางสาวจุฑาภาส อังกาพย์ กับพวก สืบเนื่องมาจากพฤติการณ์ของผู้ต้องหาที่ได้ติดต่อชักชวนผู้กล่าวหากับพวก เพื่อให้ซื้อประกันภัยรถยนต์ โดยอ้างว่าบริษัทของผู้ต้องหาเป็นตัวแทนขายประกันรถยนต์ของบริษัทต่างๆ หลายบริษัท ซึ่งจากการกล่าวอ้างชักชวนเสนอขายประกันของผู้ต้องหานั้น ทำให้กลุ่มผู้กล่าวหากับพวกสนใจ และได้หลงเชื่อสั่งซื้อประกันภัยรถยนต์ตามที่ผู้ต้องหาเสนอขายมาให้ พร้อมกับโอนเงินไปให้ผู้ต้องหากับพวก ต่อมาเมื่อถึงกำหนดส่งหนังสือสัญญาประกันภัยให้กับผู้กล่าวหากับพวกแล้ว ปรากฏว่าผู้ต้องหาไม่ส่งให้ตามที่ได้ตกลงกันไว้จริง พอกลุ่มผู้กล่าวหาทวงถามก็ผัดผ่อนการส่งสัญญาประกันภัยเรื่อยมาผู้กล่าวหากับพวกจึงเชื่อว่าถูกผู้ต้องหากับพวกหลอกลวงเอาเงินไป เป็นเหตุทำให้ได้รับความเสียหาย จึงแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
ต่อมากองบังคับการปราบปราม ได้ส่งมอบคดีดังกล่าวให้กับกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 เพื่อให้พนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุรับผิดชอบสอบสวนตามอำนาจหน้าที่ ปัจจุบันยังไม่ได้รับการแจ้งผลการดำเนินคดีนี้จากกองบังคับการตำรวจนครบาล 2
@ มีประวัติหลายคดี
แต่จากการตรวจสอบประวัติผู้เคยถูกจับกุมและดำเนินคดีอาญาของนางสาวจุฑาภาส อังกาพย์ จากฝ่ายทะเบียนประวัติอาชญากร 3 กองทะเบียนประวัติอาชญากร พบว่านางสาวจุฑาภาส อังกาพย์ ถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงในหลายท้องที่อีกด้วย โดยปรากฏว่า เมื่อวันที่ 4กรกฎาคม 2562 ศาลแขวงธนบุรี ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 2289/2562หมายเลขแดงที่ 2853/2562 มีคำพิพากษาว่า นางสาวจุฑาภาศ อังกาพย์ จำเลยมีความผิดฐานฉ้อโกง ลงโทษจำคุก 2 เดือน ให้ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 18,500 บาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี ตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม 2560เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระครบถ้วน
เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2563 ศาลจังหวัดธัญบุรี ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ 5218/2563 หมายเลขแดงที่ อ 5056/2563 มีคำพิพากษาว่า นางสาวจุฑาภาศ อังกาพย์ จำเลย มีความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์ จำเลยหลบหนีให้จำหน่ายคดีชั่วคราวออกหมายจับ ปรับนายประกัน
และเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2566 ศาลแขวงสระบุรี ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 944/2560 หมายเลขแดงที่ 956/2560 มีคำพิพากษาว่า นางสาวจุฑาภาศ อังกาพย์ จำเลย มีความผิดฐานร่วมกันแสดงตนเป็นนายหน้าประกันวินาศ โดยไม่มีใบอนุญาต ลงโทษจำคุก มีกำหนด 1 เดือน ปรับจำเลย 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี
@ เข้าความผิดมูลฐาน กม.ปปง.
การกระทำของบริษัทที.ไอ.เอส. ควอลิตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด โดยนางสาวจุฑาภาส อังกาพย์ กับพวก อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบริษัท ที.ไอ.เอส. ควอลิตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด โดยนางสาวจุฑาภาส อังกาพย์ กับพวกได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับ การกระทำความผิดดังกล่าว
ในการนี้ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 7/2561 เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2561 ที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรมมีมติมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดรายบริษัท ที.ไอ.เอส. ควอลิตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด โดยนางสาวจุฑาภาส อังกาพย์ กับพวก และบุคคลที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ ประกอบกับคำสั่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินที่ ม.189/2561 ลงวันที่ 30 เมษายน 2561 เรื่อง มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด รายบริษัท ที.ไอ.เอส. ควอลิตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด โดยนางสาวจุฑาภาส อังกาพย์ กับพวก คำสั่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ลับ ที่ ม.612/2563 ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 เรื่อง มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด (เพิ่มเติม) รายบริษัท ที.ไอ.เอส. ควอลิตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด โดยนางสาวจุฑาภาส อังกาพย์ กับพวก คำสั่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ลับ ที่ ม.32/2566 ลงวันที่ 9 มกราคม 2566 เรื่อง มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด (เพิ่มเติม) รายบริษัท ที.ไอ.เอส. ควอลิตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด โดยนางสาวจุฑาภาส อังกาพย์ กับพวกและคำสั่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ลับ ที่ ม.729/2566 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 เรื่อง มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด (เพิ่มเติม) รายบริษัท ที.ไอ.เอส. ควอลิตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด โดยนางสาวจุฑาภาส อังกาพย์ กับพวก พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบรายงานการทำธุรกรรมหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของบุคคลดังกล่าวแล้ว ปรากฏหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่าบริษัท ที.ไอ.เอส. ควอลิตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด โดยนางสาวจุฑาภาส อังกาพย์ กับพวก มีพฤติการณ์แห่งการกระทำอันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3(18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542หรือเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทำความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงิน
@ พบเงินฝาก 21 บัญชี
และจากการตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรม หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด รวมทั้งจากการรวบรวมพยานหลักฐาน ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 21รายการพร้อมดอกผล และเนื่องจากทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีนี้เป็นสังหาริมทรัพย์ประเภทเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร อันเป็นทรัพย์สิน ที่สามารถโอน ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นได้โดยง่าย หากมิได้มีการออกคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินดังกล่าวไว้ชั่วคราว เมื่อเจ้าของหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีสิทธิในทรัพย์สิน ดำเนินการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าวไปเสีย และหากต่อมาศาลได้มีคำสั่งให้ ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน สำนักงาน ปปง. อาจไม่สามารถติดตามทรัพย์สินดังกล่าวกลับคืนมาได้ จึงเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบริษัท ที.ไอ.เอส. ควอลิตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด โดยนางสาวจุฑาภาส อังกาพย์ กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และอาจมีการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าว
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 34 (3) และมาตรา 48 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มติคณะกรรมการธุรกรรมในการประชุม ครั้งที่ 11/2567 เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 และระเบียบคณะกรรมการธุรกรรมว่าด้วยการรับเรื่อง การตรวจสอบ การพิจารณาดำเนินการ และการควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2556 ข้อ 25 คณะกรรมการธุรกรรม จึงมีคำสั่งอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว จำนวน 21 รายการ พร้อมดอกผล มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติกล่าวคือ นับตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2567 ถึงวันที่ 17 ธันวาคม 2567 โดยมีรายการทรัพย์สินที่อายัดปรากฏตามบัญชีทรัพย์สิน แนบท้ายคำสั่งนี้
ทั้งนี้ ให้รวมถึงเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการจำหน่าย จ่าย โอนด้วยประการใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวหรือสิทธิเรียกร้องหรือผลประโยชน์หรือดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินดังกล่าวด้วย