เผยมติ ป.ป.ช.ชี้มูลอาญา-วินัย 'เฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม' อดีตผอ.การท่าเรือแห่งประเทศไทย-พวก คดีกล่าวหาทุจริตจัดจ้างที่ปรึกษากฎหมายช่วยงานแก้ต่างคดีแรงงาน 19.9 ล้าน ส่งสำนวน อสส.ฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนกม.แล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทางอาญาและวินัยร้ายแรง นายเฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) และเรือเอก อิทธิชัย สุพรรณกูล นักบริหาร 16 ประจำผู้อำนวยการ กทท. ในคดีกล่าวหาทุจริตการจัดจ้างที่ปรึกษากฎหมายช่วยงานแก้ต่างคดีแรงงาน กรณีมีการเรียกเงินค่าล่วงเวลาจาก กทท.
หลังพิจารณาสำนวนไต่สวนคดีแล้วเห็นว่า การกระทำของนายเฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม และเรือเอก อิทธิชัย สุพรรณกูล นักบริหาร มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไข เพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
เบื้องต้น ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีตามฐานความผิดดังกล่าว และให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยัง ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (2) และมาตรา 98 แล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า การชี้มูลความผิดดังกล่าว เป็นผลสืบเนื่องมาจากการอนุมัติจ้างเอกชนรายหนึ่งเข้ามาเป็นที่ปรึกษาช่วยงานแก้ต่างคดีแรงงานโดยวิธีตกลง ตามสัญญาเลขที่ จ.112/2554 ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2554 วงเงิน 19,967,826.40 บาท ซึ่งมีลักษณะการเอื้อประโยชน์ และเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่ กทท.
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
ส่วนรายละเอียดอื่นๆ สำนักข่าวอิศรา จะติดตามมานำเสนอต่อไป