โฆษก ตร.ขอ 48 ชม. ออกหมายจับบรรดา ‘บิ๊กบอสไอคอนกรุ๊ป’ ถก ‘คลัง-ดีเอสไอ’ ยกเป็นคดีพิเศษ เผยอีก ‘สรรพากร’ รู้เรื่องการเสียภาษีแล้ว เตรียมแถลงลงลึกอีกรอบ 15 ต.ค.นี้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 11 ตุลาคม 2567 พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวว่า ความคืบหน้าคดี บมจ.ดิไอคอน กรุ๊ป ตอนนี้มียอดผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว 161 ราย คิดเป็นมูลความเสียหายรวม 62 ล้านบาท ขณะเดียวกันเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) พร้อมเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) นำกำลังเข้าตรวจสอบสำนักงานหรือออฟฟิศของบริษัทดังกล่าว เพื่อค้นหาข้อมูลการทำธุรกิจรวมถึงตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่บริษัทดังกล่าวอ้างว่าจำหน่าย จำนวน 15 รายการ โดยหลังจากนี้ทางตำรวจ ปคบ.จะนำตัวอย่างผลิตภัณฑ์ดังกล่าวส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจพิสูจน์ต่อไป
“จากแนวทางสืบสวนทราบว่าบริษัทดังกล่าว มีผลประกอบการบางปีสูงถึง 5,000 ล้านบาท ทั้งที่มีผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายเพียง 15 รายการ ซึ่งก็ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่ายอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล่านี้สอดคล้องกับเงินรายได้บริษัทหรือไม่ และ มีผลิตภัณฑ์ไปให้ประชาชนขายจริงหรือไม่ นอกจากนี้ตำรวจ ปคบ. ยังได้นำบัญชีธนาคารของผู้ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท และ กลุ่มดาวไลน์ จำนวนกว่า 120 บัญชี ส่งให้กับทาง ปปง. ช่วยตรวจสอบ วิเคราะห์หาธุรกรรมต้องสงสัยต่างๆ” โฆษกตร.กล่าว
@ผบ.ตร.สั่งเร่งดำเนินคดีฉ้อโกง
พ.ต.อ.อุเทน กล่าวอีกว่า สำหรับคดีนี้ ทางพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เองได้กำชับให้เร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด และ เร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้บริหารและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องของดิไอคอนกรุ๊ป ในความผิด “พ.ร.ก.กู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกง ,ฉ้อโกงประชาชน และ ฟอกเงิน” ซึ่งคาดว่าจะชัดเจนภายใน 48 ชั่วโมง ส่วนเรื่องทรัพย์สินแนวทางสืบสวนพบว่า ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นอสังหาริมทรัพย์ เคลื่อนย้าย หรือ ผ่องถ่ายยาก จึงไม่ได้กังวล เชื่อว่าสามารถตรวจยึดเฉลี่ยคืนผู้เสียหายได้
“ธุรกิจขายตรง กับ ธุรกิจตลาดแบบตรง สามารถขออนุญาตดำเนินกิจการได้อย่างถูกต้อง ซึ่งในเคสนี้เป็น ธุรกิจตลาดแบบตรง ก็คือ การทำธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขายผ่านออนไลน์ ซึ่งหากปฏิบัติถูกต้องก็ไม่ผิดกฎหมาย แต่ธุรกิจเหล่านี้จะมีเส้นบางๆ กั้นกลางกับคำว่า แชร์ลูกโซ่ ซึ่งก็ต้องมาดูว่าผลิตภัณฑ์เขามีมาตรฐานหาซื้อได้ตามท้องตลาดเหมือนสินค้าทั่วไปหรือไม่ รวมไปถึงวิธีการขาย เป็นการขายด้วยการใช้วิธีโปรโมท หรือ เป็นการดำเนินธุรกิจในลักษณะระดมทุน หากเป็นระดมทุน หรือ มุ่งเน้นโฆษณาชวนเขื่อ ไม่ได้มุ่งเน้นขายคุณภาพสินค้า ก็จะเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ไม่ใช่ตลาดตรง” โฆษกตร.กล่าวอีกตอน
@ 15 ต.ค. แถลงรายละเอียดอีกรอบ - ไม่มีหมายเรียก มีแต่หมายจับ
พ.ต.อ.อุเทน กล่าวอีกว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ ทางคณะทำงานเองมีการนัดประชุมกับเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการคลัง เพื่อหารือเกี่ยวกับการตั้งข้อหาผู้กระทำผิดให้ครบถ้วน จากนั้นในช่วงเย็นก็จะหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ว่าคดีดังกล่าวเข้าเงื่อนไขเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ซึ่งหากเป็นคดีพิเศษ ทางตำรวจเองก็จะไม่ปล่อยมือ พร้อมประสานข้อมูลและอยู่ทำงานร่วมกับทางดีเอสไอต่อเนื่อง เพื่อลดช่องโหว่ทางคดี เบื้องต้นได้มีการประสานข้อมูลร่วมกันไวับ้างแล้ว”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า บุคคลแรกในคดีที่จะถูกออกหมายจับคือใคร และ ในส่วนของศิลปินดารา จะมีการออกหมายเรียกมาเข้าพบพนักงานสอบสวนหรือไม่ พ.ต.อ.อุเทน ตอบว่า สำหรับคดีนี้ยืนยันว่าจะดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่มีการออกหมายเรียก แต่เป็นการออกหมายจับเลย เพราะถือเป็นคดีที่มีอัตราโทษเกิน 3 ปี ขอเวลาไม่เกิน 48 ชั่วโมง จะชัดเจน เช่นเดียวกับเรื่องการเสียภาษี ทางกรมสรรพากรได้มีการตรวจสอบเป็นเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะมีการแถลงรายละเอียดในวันอังคารหน้าที่จะถึงนี้ (15 ต.ค. 67) ถึงตอนนั้นก็จะรู้ว่ารายละเอียดยอดขายของบริษัทตรงหรือสอดคล้องกับรายได้ของบริษัทหรือไม่