ป.ป.ช.แถลงมติชี้มูล 2 อดีตบิ๊ก อปท. เรียกรับเงิน 'ลิขิต สิริมณีรัตน์' อดีตนายกเทศฯ บางละมุง ชลบุรี โดนกรณีก่อสร้างอาคารศูนย์เด็กเล็ก ให้ผู้รับเหมาจ่าย 109,800 บาท - ร้อยตำรวจตรี เดชา ปะโปตินัง อดีตนายก อบต.เขาสวนกวาง ขอนแก่น ขอ 5, 10 % แลกตอบแทนเงินโบนัส พนง.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2567 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่รัฐการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการเรียกรับเงิน จำนวน 2 ราย คือ กรณีกล่าวหา นายลิขิต สิริมณีรัตน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลบางละมุง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี กับพวก เรียกรับเงินจากผู้รับจ้างก่อสร้างในโครงการก่อสร้างอาคารศูนย์เด็กเล็กเทศบาลตำบลบางละมุง รวมจำนวน 109,800 บาท และกรณีกล่าวหา ร้อยตำรวจตรี เดชา ปะโปตินัง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาสวนกวาง อำเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น กับพวก เรียกรับเงินจากเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (เงินโบนัส) ประจำปี พ.ศ. 2556 และ พ.ศ. 2557 จากพนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลเขาสวนกวาง
นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยรายละเอียดดังนี้
กรณีกล่าวหา นายลิขิต สิริมณีรัตน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลบางละมุง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี กับพวก เรียกรับเงินจากผู้รับจ้างก่อสร้างในโครงการก่อสร้างอาคารศูนย์เด็กเล็กเทศบาลตำบลบางละมุง รวมจำนวน 109,800 บาท
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2555 เทศบาลตำบลบางละมุง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ได้มีประกาศประกวดราคาจ้างก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลบางละมุง ครั้งที่ 2 ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งก่อนที่จะมีการยื่นเอกสารการประมูล นางณัฐนรี แก้วรุ่งเรือง เจ้าหน้าที่พัสดุ 6ว. ได้แจ้งกับกรรมการบริษัทที่จะยื่นประมูลว่าหากต้องการจะได้งานโครงการดังกล่าว ต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ บริษัทที่จะยื่นประมูลเกรงว่าจะถูกกลั่นแกล้งจึงโอนเงินให้กับนางณัฐนรี แก้วรุ่งเรือง ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2555 จำนวน 20,000 บาท ต่อมาในระหว่างที่บริษัทดังกล่าวได้เข้าเป็นคู่สัญญาและดำเนินการก่อสร้างอยู่นั้น นางณัฐนรี แก้วรุ่งเรือง ได้เรียกรับเงินอีกครั้ง โดยแจ้งว่าจะนำเงินไปให้นายลิขิต สิริมณีรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลบางละมุง เพื่อเป็นค่าดูแลและอำนวยความสะดวกในการทำงาน บริษัทผู้รับจ้างจึงโอนเงินให้กับนางณัฐนรี แก้วรุ่งเรือง ในวันที่ 8 มีนาคม 2556 จำนวน 89,800 บาท และนางณัฐนรี แก้วรุ่งเรือง ได้มอบเงินจำนวนดังกล่าวให้กับนายลิขิต สิริมณีรัตน์
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้
1. การกระทำของนายลิขิต สิริมณีรัตน์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 103 ประกอบมาตรา 122 และมาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 128 ประกอบมาตรา 169 และมาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 และมาตรา 91 และมีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73 แต่เนื่องจากนายลิขิต สิริมณีรัตน์ ได้พ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลบางละมุงแล้ว เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 จึงไม่มีเหตุที่จะต้องส่งเรื่องไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อีก
2. การกระทำของนางณัฐนรี แก้วรุ่งเรือง มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 103 ประกอบมาตรา 122 และมาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 128 ประกอบมาตรา 169 และมาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 และมาตรา 91 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าวตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณีต่อไป
กรณีกล่าวหา ร้อยตำรวจตรี เดชา ปะโปตินัง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาสวนกวาง อำเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น กับพวก เรียกรับเงินจากเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (เงินโบนัส) ประจำปี พ.ศ. 2556 และ พ.ศ. 2557 จากพนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลเขาสวนกวาง
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ในการจ่ายเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (เงินโบนัส) ขององค์การบริหารส่วนตำบลเขาสวนกวาง ประจำปี พ.ศ. 2556 ร้อยตำรวจตรี เดชา ปะโปตินัง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาสวนกวาง อำเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น ได้เรียกรับเงินเพื่อแลกกับการอนุมัติจ่ายเงินดังกล่าว เป็นเงินจำนวน 5 เปอร์เซ็นต์ ของเงินโบนัสที่ข้าราชการและพนักงานจ้างแต่ละรายมีสิทธิได้รับ โดยในวันที่ 30 กันยายน 2557 หลังจากที่ร้อยตำรวจตรี เดชา ปะโปตินัง ได้อนุมัติให้เบิกเงินและลงนามในเช็คสั่งจ่ายเงินโบนัสให้แก่เจ้าหน้าที่ จำนวน 21 ราย รวมเป็นเงิน 738,966 บาท แล้ว เจ้าหน้าที่แต่ละรายได้นำเงินสด 5 เปอร์เซ็นต์ ของเงินโบนัสที่ได้รับ ไปมอบให้นายมนัส วงษ์วอ นักวิชาการเงินและบัญชี เพื่อรวบรวมนำไปให้ร้อยตำรวจตรี เดชา ปะโปตินัง ซึ่งเงินที่นายมนัส วงษ์วอ รวบรวมได้เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 36,748.30 บาท
สำหรับการจ่ายเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (เงินโบนัส) ประจำปี พ.ศ. 2557 ร้อยตำรวจตรี เดชา ปะโปตินัง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาสวนกวาง ได้สั่งการให้นางจิณณพัต วรรณปะเข นักวิชาการจัดเก็บรายได้ เป็นผู้เก็บรวบรวมเงิน จำนวน 10 เปอร์เซ็นต์ ของเงินโบนัสที่ข้าราชการและพนักงานจ้างแต่ละรายมีสิทธิได้รับ โดยในวันที่ 16 ตุลาคม 2557 หลังจากที่ร้อยตำรวจตรี เดชา ปะโปตินัง ได้อนุมัติให้เบิกเงินและลงนามในเช็คสั่งจ่ายเงินโบนัสให้แก่เจ้าหน้าที่ จำนวน 23 ราย รวมเป็นเงิน 946,102 บาท แล้ว ปรากฏว่ามีเงินโบนัสโอนเข้าบัญชีของเจ้าหน้าที่ไม่ครบจำนวนตามสิทธิที่ได้รับ เนื่องจากนายมนัส วงษ์วอ นักวิชาการเงินและบัญชี ได้หักเงินจำนวน 10 เปอร์เซ็นต์ ของเงินโบนัสที่เจ้าหน้าที่แต่ละรายมีสิทธิได้รับ เข้าบัญชีเงินฝากของนางจิณณพัต วรรณปะเข แต่ต่อมาในวันเดียวกันได้มีการนำเงินที่หักไว้โอนคืนเข้าบัญชีของเจ้าหน้าที่ครบตามจำนวน และให้เจ้าหน้าที่แต่ละรายนำเงินสดจำนวน 10 เปอร์เซ็นต์ ของเงินโบนัสที่ได้รับไปมอบให้นายสำเภา สมชาติ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาสวนกวาง และนางจิณณพัต วรรณปะเข เพื่อรวบรวมนำไปให้ร้อยตำรวจตรี เดชา ปะโปตินัง ซึ่งเงินที่บุคคลทั้งสองรวบรวมได้เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 94,610.20 บาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้
1. การกระทำของร้อยตำรวจตรี เดชา ปะโปตินัง มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92
2. การกระทำของนายมนัส วงษ์วอ และนางจิณณพัต วรรณปะเข มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิด และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
3. การกระทำของนายสำเภา สมชาติ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิด และมีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน เพื่อดำเนินการทางวินัยและดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ให้แจ้งองค์การบริหารส่วนตำบลเขาสวนกวาง ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหาที่ถูกชี้มูลความผิดยังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลได้อีก