คกก.สร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคเห็นชอบให้กรมควบคุมโรค จัดหาวัคซีนป้องกันฝีดาษลิง เบื้องต้น 3,000 โดส งบกว่า 21 ล้านบาท ฉีดฟรี 3 กลุ่มเสี่ยง ชี้อัตราการระบาดยังไม่สูง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2567 นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ครั้งที่ 5/2567 ซึ่งมีวาระการพิจารณาแนวทางการใช้วัคซีนฝีดาษวานร เพื่อป้องกันและควบคุมโรค โดยเฉพาะขณะนี้พบการระบาดของสายพันธุ์เคลด 1 บี (Clade 1b) ในกลุ่มประเทศแอฟริกา ว่า ทางคณะอนุกรรมการสร้างเสริมฯ ซึ่งประกอบด้วยอาจารย์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ราชวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องได้มีการพิจารณาเรื่องวัคซีน ซึ่งประเมินสถานการณ์แล้วว่า การระบาดยังต่ำ เพราะโอกาสการแพร่ระบาดยังไม่สูงมาก ต้องสัมผัสใกล้ชิดจริงๆ และอาการของโรคไม่ได้มีเรื่องไอ น้ำมูกมากมาย แม้แต่โรคฝีดาษวานร (MPox) สายพันธุ์เคลด 2 ที่มีในประเทศไทยอยู่แล้วก็ยังไม่ได้ระบาดรุนแรง
นพ.ธงชัย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2567 องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้ฝีดาษวานรชนิดเคลด 1 บี เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ
ล่าสุด ไทยพบผู้ป่วยชาวยุโรปติดเชื้อรายแรก แต่ครบการเฝ้าระวัง 21 วัน หายดีออกจาก รพ.แล้ว ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิด 43 ราย ไม่พบเชื้อเช่นกัน ถือว่าการติดตามครบจบทั้งหมด
“สำหรับวัคซีนป้องกัน มีการตั้งคำถามว่าจำเป็นหรือไม่ต้องฉีดวัคซีนป้องกันฝีดาษวานร ทั้งนี้ ต้องย้ำว่า วัคซีนนี้ไม่มีการจำหน่าย ไม่มีบริษัทใดนำเข้าประเทศไทย เพื่อขออนุญาตจำหน่ายกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) แต่จากการประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กำชับและขอให้มีคำแนะนำเรื่องนี้ โดยจริงๆ วัคซีนไม่จำเป็นต้องฉีดทุกคน ไม่มีการระบาดทั่วไป เพราะอัตราการระบาดต่ำ แต่จะพบในผู้ป่วยเฉพาะ เช่น ผู้ขายบริการทางเพศ และชายรักชาย อีกทั้ง ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยเอชไอวี และไม่ทานยาทั้งหมด 13 รายที่ผ่านมา (เชื้อเคลด 2)” นพ.ธงชัย กล่าว
นพ.ธงชัย กล่าวอีกว่า ดังนั้น จากข้อมูลดังกล่าว คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาเห็นว่า เพื่อเป็นการควบคุมโรค แต่เนื่องจากวัคซีนป้องกันฝีดาษวานรยังไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนในประเทศไทย ทางกรมควบคุมโรคจึงใช้ มาตรา 13(5) เพื่อการควบคุมโรค ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2522 จะมีการใช้งบประมาณ กรมควบคุมโรค วงเงิน 21 ล้านบาท เพื่อการจัดซื้อวัคซีนดังกล่าว รวม 3,000 โดส เพื่อฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง 3 กลุ่ม ประกอบด้วย
- บุคลากรทางการแพทย์ที่เสี่ยงต่อการติดโรค อาทิ ไปสัมผัสเสี่ยงสูง คือ สัมผัสคนติดเชื้อ
- กลุ่มไปสัมผัสโรค เสี่ยงว่าจะติดเชื้อ ก็จะฉีดภายใน 4 วัน
- มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดคนติดเชื้อ เช่น คนในครอบครัวที่ติดเชื้อ
สำหรับ 3 กลุ่มเสี่ยงนี้ กรมควบคุมโรคจะดูแลโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ส่วนอีกกลุ่มที่จะเดินทางไปประเทศที่มีการระบาดของโรคนั้น อาจจะต้องฉีดโดยเสียค่าใช้จ่ายเอง ปัจจุบันมีที่สภากาชาด ไม่ได้มีจำหน่ายในสถานพยาบาลทั่วไป
อย่างไรก็ตาม นพ.ธงชัย ยืนยันว่า ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนทุกคน ควรฉีดที่เสี่ยงจริงๆ ทั้งนี้ จากนี้ จะต้อง ทำเรื่องให้กับสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เพื่อดำเนินการจัดซื้อต่อไป โดยหลังดำเนินการสั่งซื้อแล้วต้องรออีกประมาณ 4 เดือน ถึงจะมีวัคซีนเข้ามาใช้ในประเทศ ดังนั้น ปัจจุบันยังไม่มี
นพ.ธงชัย กล่าวถึง 3 กลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับวัคซีนป้องกันฟรี ว่า จะคัดกรองโดยเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรค ขณะนี้มีข้อมูลเบื้องต้นอยู่ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีข้อมูลผู้เดินทางมาจากแอฟริกาประมาณวันละ 300-500 คน แต่หากมาจากประเทศที่มีการระบาดวันละ 2 คน และการเฝ้าระวังต้องบอกว่า ไม่ใช่ทุกด่าน แต่จะเป็นด่านควบคุมโรคนานาชาติเป็นหลัก
“ขอย้ำว่าวัคซีนที่กรมควบคุมโรค จะนำเข้ามานั้น ให้เฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่กำหนดเท่านั้น และวันนี้ไม่มีวัคซีน ซึ่งจริงๆ วัคซีนฝีดาษวานรโดยตรงไม่มี อย่างที่จะนำเข้ามาก็เป็นวัคซีน Mpox ที่พัฒนาขึ้นมาแต่ผ่านการวิจัยจากบริษัทแล้ว และต้องเข้ามาผ่านการรับรองจาก อย. ขณะนี้ที่เราจะนำเข้ามาเพื่อการควบคุมการระบาด แต่ไม่ใช่เพื่อให้กับทุกคนเพื่อการป้องกัน ดังนั้น ยังจำกัดอยู่ เพราะอัตราการระบาดต่ำ” นพ.ธงชัย กล่าว
นพ.ธงชัย กล่าวอีกว่า ขอยืนยันว่า โรคฝีดาษวานร อัตราการระบาดต่ำ ไม่มีการระบาดทั่วไปในคนไทย โดยเฉพาะเคลด 1 บี ยังพบผู้ป่วยในกลุ่มเฉพาะ เช่น ที่พบมากตั้งแต่ที่พบผู้ป่วยในไทยมาตั้งแต่ปี 2565 คือ ผู้ขายบริการทางเพศ ชายรักษา รวม 833 ราย ส่วนคนเสียชีวิต คือผู้ป่วยเอชไอวีด้วย รวมแล้วเสียชีวิตสะสม 13 ราย ที่เป็นสายพันธุ์เคลด 2 ปีที่แล้วพบป่วย 673 ราย แต่ปีนี้พบป่วยลดลงลง เหลือ 146 ราย ในกลุ่มเดิมๆ พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ไม่มีการแพร่กระจาย ดังนั้นความจำเป็นต้องได้รับวัคซีนต่ำมาก จึงฉีดให้เฉพาะกลุ่มเสี่ยงเท่านั้น