เผยมติ ป.ป.ช.เสียงเอกฉันท์ ตีตกคดี 'โชคมานัส ภิราษร' รองนายก อบต.จอมหมอกแก้ว เชียงราย ร่ำรวยผิดปกติ มีทรัพย์สินไม่สัมพันธ์กับรายได้ รถยนต์ 1 คัน - เงินฝากบัญชีคู่สมรส 11 ครั้ง 2,500,000 บาท โผล่ หลังพ้นตำแหน่ง ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ตกไป
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. เสียงเอกฉันท์ ตีตกข้อกล่าวหา นายโชคมานัส ภิราษร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รองนายกองค์การบริการส่วนตำบล (อบต.) จอมหมอกแก้ว อำเภอแม่ดาว จังหวัดเชียงราย มีเหตุอันควรสงสัยว่าร่ำรวยผิดปกติ มีทรัพย์สินไม่สัมพันธ์กับรายได้ โดยมีทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ คือ รถยนต์ มูลค่า 700,000 บาท ประกอบในระหว่างดำรงตำแหน่ง มีเงินฝากเข้าบัญชีเงินฝากคู่สมรส จำนวน 11 ครั้ง รวมจำนวน 2,500,000 บาท และมีการถอนเงินจำนวนดังกล่าว ซึ่งเป็นห้วงระยะเวลาก่อนที่ผู้ถูกกล่าวหาจะพ้นจากตำแหน่งเพียง 28 วัน
หลังพิจารณาสำนวนไต่สวนเบื้องต้น ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานว่าผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดของการมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติไม่สัมพันธ์กับรายได้ หรือการมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่สมควรสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่หรือเป็นกรณีร่ำรวยผิดปกติ ตามที่กล่าวหาแต่อย่างใด ข้อกล่าวหาไม่มีมูลให้ข้อกล่าวหาตกไป
สำนักงาน ป.ป.ช. ระบุพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่ากระทำผิดโดยสรุปว่า จากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหา กรณีพ้นจากตำแหน่ง รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลจอมหมอกแก้ว เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2555 โดยผู้ถูกกล่าวหาได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2558 ผลการตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหามีทรัพย์สินไม่สัมพันธ์กับรายได้
โดยมีทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ คือ รถยนต์ มูลค่า 700,000 บาท โดยอ้างว่ารับให้จากผู้ที่ให้การอุปการะเลี้ยงดูบุตรสาว ประกอบในระหว่างดำรงตำแหน่ง มีเงินฝากเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขาเชียงราย เลขที่บัญชี XXXX ชื่อบัญชีคู่สมรสของผู้ถูกกล่าวหา ทั้งนี้ บัญชีเงินฝากธนาคารดังกล่าวมีความเคลื่อนไหวทางการเงิน ในช่วงวันที่ 23 - 24 กรกฎาคม 2555 โดยมีเงินฝากเข้าบัญชี จำนวน 11 ครั้ง รวมจำนวน 2,500,000 บาท และมีการถอนเงินจำนวนดังกล่าวในวันที่ 27 กรกฎาคม 2555 รวมจำนวน 2,500,000 บาท ซึ่งเป็นห้วงระยะเวลาก่อนที่ผู้ถูกกล่าวหาจะพ้นจากตำแหน่งเพียง 28 วัน
ผู้ถูกกล่าวหาอ้างว่าผู้ที่ให้การอุปการะเลี้ยงดูบุตรสาวเป็นผู้มอบให้ ซึ่งบุคคลดังกล่าวไม่มีฐานะเพียงพอที่จะมอบเงินจำนวนมากให้กับผู้ถูกกล่าวหาได้ จึงมีเหตุอันควรสงสัยเกี่ยวกับการได้มาซึ่งทรัพย์สินและหนี้สิน อันมีลักษณะ เป็นการร่ำรวยผิดปกติ
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า คณะผู้ไต่สวนเบื้องต้น พิจารณาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานทั้งปวงแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า กรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2558 โดยเมื่อมีการตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบที่ผู้ถูกกล่าวหาได้แสดงไว้ โดยทำการเปรียบเทียบทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหา กรณีพ้นจากตำแหน่งกับกรณีเข้ารับตำแหน่งปรากฏว่า รายการทรัพย์สินและหนี้สินที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ ยานพาหนะของผู้ถูกกล่าวหาเพิ่มขึ้น 1 คัน และความเคลื่อนไหวทางบัญชีเงินฝากที่ผิดปกติและมีนัยสำคัญในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชีคู่สมรสของผู้ถูกกล่าวหา มีการฝากเงินจำนวน 2,500,000 บาท ซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นเงินที่บุตรสาวของผู้ถูกกล่าวหา ได้รับมาจากสามีเพื่อมอบให้ผู้ถูกกล่าวหากับคู่สมรสนำไปลงทุนทำไร่ขิงและต่อเติมบ้านที่อยู่อาศัยและเป็นร้านค้าขายของชำ
นอกจากนี้ยังเชื่อได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับรถยนต์ ยี่ห้อ โตโยต้า ซึ่งเป็นรถยนต์ใช้แล้ว โดยมีลูกสาวและสามีเป็นผู้ซื้อมาจากกรุงเทพมหานครและนำมามอบให้กับผู้ถูกกล่าวหาที่บ้านในจังหวัดเชียงราย
ทั้งนี้เนื่องจากข้อเท็จจริงตามที่ผู้ถูกกล่าวหาและพยานบุคคลให้ถ้อยคำต่างสอดคล้องต้องกันและยังมีความสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ปรากฎจาก รายการเคลื่อนไหวของบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ เลขที่บัญชี XXXX ชื่อบัญชีลูกสาว และบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชีคู่สมรส และสอดรับกับพฤติการณ์และสถานะทางการเงินของสามีลูกสาว ตามที่ปรากฏจากรายงานความเคลื่อนไหวของบัญชีเงินฝากในช่วงระหว่างที่คบหาและอยู่กินกับลูกสาว
ประกอบกับเมื่อพิจารณาจากหน้าที่และอำนาจของผู้ถูกกล่าวหา และสถานะทางการเงินการคลังขององค์การบริหารส่วนตำบลจอมหมอกแก้ว ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ผู้ถูกกล่าวหาสังกัดอยู่ ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานบ่งชี้ว่าผู้ถูกกล่าวหามีการใช้หน้าที่หรืออำนาจ หรือได้รับการแต่งตั้ง มอบหมาย ให้มีหน้าที่และอำนาจในการพิจารณามีคำสั่ง อนุมัติ อนุญาต ในกิจการที่เกี่ยวข้องกับโครงการ หรือการใช้งบประมาณ ขององค์การบริหารส่วนตำบลจอมหมอกแก้ว แต่อย่างใด
อีกทั้งเมื่อพิจารณาถึงงบประมาณและสถานการณ์คลังในการดำเนินการกิจการตามหน้าที่และอำนาจขององค์การบริหารส่วนตำบลจอมหมอกแก้ว จะเห็นได้ชัดเจนว่า องค์การบริหารส่วนตำบลจอมหมอกแก้ว มีงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินการพัฒนาพื้นที่รับผิดชอบในแต่ละปี เป็นงบประมาณที่ไม่สูงมาก โดยในปีงบประมาณ 2558 องค์การบริหารส่วนตำบลจอมหมอกแก้ว มีงบประมาณที่ใช้สำหรับดำเนินการพัฒนาตำบลตามขอบเขตอำนาจหน้าที่ รวมกันทั้งสิ้นเพียง 5,678,499.49 บาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ไม่สัมพันธ์กับการพิจารณาถึงการมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติหรือร่ำรวยผิดปกติ อันได้มาโดยไม่สมควรสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่
กรณีจึงน่าเชื่อได้ว่าเงินจำนวน 2,500,000 บาท มิใช่ทรัพย์สินที่เป็นมูลเหตุแห่งการที่ผู้ถูกกล่าวหาจะได้ทรัพย์สินมาโดยไม่สมควรสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่
เมื่อวิเคราะห์จากพยานหลักฐานทั้งปวงแล้ว ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานว่าผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดของการมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติไม่สัมพันธ์กับรายได้ หรือการมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่สมควรสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่หรือเป็นกรณีร่ำรวยผิดปกติ ตามที่กล่าวหาแต่อย่างใด
พิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อกล่าวหาไม่มีมูลให้ข้อกล่าวหาตกไป ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 7 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นว่า จากการไต่สวนเบื้องต้น ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จะฟังได้ว่า นายโชคมานัส ภิราษร ผู้ถูกกล่าวหา ร่ำรวยผิดปกติตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป