ที่ประชุมสส.เพื่อไทยมีมติเสนอ ‘แพทองธาร’ เป็นนายกฯ หลังกังวลปัญหาสุขภาพ ‘ชัยเกษม’ ด้าน 3 พรรคร่วม ‘ภูมิใจไทย-รวมไทยสร้างชาติ-พลังประชารัฐ’ พร้อมโหวตสนับสนุนนายกฯจากเพื่อไทย แต่ย้ำเงื่อนไข ห้ามแตะมาตรา 112
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 15 สิงหาคม 2567 รายงานข่าวระบุว่า ในที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคเพื่อไทย มีการเสนอชื่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมยกเลิกโครงการเงินดิจิทัลวอลเลต เนื่องจาก สส.เพื่อไทยส่วนใหญ่เห็นว่า นายชัยเกษม นิติศิริ แคนดิเดนายกรัฐมนตรีของพรรคอีกคน สุขภาพไม่พร้อมและคุณสมบัติไม่ผ่าน
ทั้งนี้ ทางพรรคเพื่อไทยได้แจ้งให้แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลรับทราบแล้ว ซึ่งต้องจับตาดูว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงอีกหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าครอบครัวของ นางสาวแพทองธาร ไม่ต้องการให้มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในช่วงนี้
ขณะที่ท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ท่าทีของพรรคภูมิใจไทยที่มีส่วนสนับสนุนต่อคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งมติของพรรคเราคือ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลยินดีสนับสนุนบุคคลที่มีในรายชื่อนายกฯ หรือแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ให้เป็นนายกฯ คนต่อไป ซึ่งจะเป็นสิทธิของพรรคเพื่อไทยที่จะเสนอบุคคลที่พรรคเพื่อไทยเห็นว่า มีความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งนายกฯ ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่จะมีการประชุมในวันที่ 16 สิงหาคมนี้
และขอให้ประชาชนมั่นใจว่า พรรคเราและจุดยืนของพรรคที่ว่า พรรคภูมิใจไทยไม่สนับสนุนพรรคการเมืองหรือไม่สนับสนุนบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกฯ ที่มีนโยบายที่จะแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเจตนารมณ์ของพรรคเรา และเป็นข้อตกลงเดิมของพรรคร่วมรัฐบาลที่เคยมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ ในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งที่แล้ว
ทั้งนี้ พรรคเราได้พบปะกับพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งทุกพรรคก็ได้มีความเห็นตรงกัน และเพื่อความชัดเจนพรรคเราก็จะได้มีการขอให้จัดแถลงร่วมพรรคร่วมรัฐบาลและให้พรรคเพื่อไทยได้ยืนยันจุดยืนนี้ร่วมกันอีกครั้ง
ขณะที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) กล่าวว่า จุดยืนของพรรคในการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ขอสนับสนุนให้แคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ต้องไม่มีนโยบายที่จะแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวจะให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี นายพีระพันธุ์ ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่กลับมาเพราะเป็นองคมนตรีแล้ว อย่าเอาข่าวแบบนี้มาทำให้มีปัญหาเพราะองคมนตรีไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง อีกทั้งตามมารยาทแล้ว พรรครวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคร่วมรัฐบาลแต่แรก ก็ต้องให้สิทธิกับพรรคแกนนำรัฐบาลก่อน
นายพีระพันธ์ุ ย้ำว่า การทำงานของรัฐบาลยังคงต่อเนื่องเพียงแค่เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีเท่านั้น รวมทั้งโควต้าของรัฐมนตรีเท่าที่ทราบมาทุกพรรคก็ทำงานต่อเหมือนเดิม ส่วนความพึงพอใจนั้นพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็พอใจการทำงานที่ผ่านมาส่วนพรรคอื่นต้องไปถามเอาเอง ขณะที่การหารือที่บ้านจันทร์หล้า เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมาไม่ใช่ข้อตกลงแต่เป็นก็ลักษณะนั้น
ถามถึงความกังวลในด้านสุขภาพของนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย ว่าตนก็ไม่ทราบ เพราะจากข่าวก็ยังไม่มีการสรุปว่าแคนดิเดตจะเป็นนายชัยเกษม ซึ่งจากข่าวที่ออกมาก็ทราบเพิ่มว่าพรรคเพื่อไทยจะประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคอีกครั้งในช่วงบ่ายวันนี้ เรื่องโดยมารยาทต้องเป็นเรื่องของพรรคแกนนำ ส่วนเรื่องปัญหาก็ต้องให้พรรคหลักเป็นผู้จัดการ
เมื่อถามว่าทางพรรคพร้อมที่จะสนับสนุนโครงการดิจิตัลวอลเลตของพรรคเพื่อไทยต่อใช่หรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ในเรื่องของนโยบายยังยึดเช่นเดิม แต่ที่ยืนยันคือการแก้ไข มาตรา112 ส่วนนโยบายเรือธงโครงการดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท แม้ว่าก่อนหน้านี้พรรครวมไทยสร้างชาติจะกังวลว่านโยบายนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จนกระทั่งมีการชี้แจงจากคณะกรรมการกฤษฎีกา และกระทรวงการคลัง ว่าสามารถทำได้ อย่างไรก็ตามก็ต้องให้พรรคเพื่อไทยเป็นผู้ชี้แจงว่าจะมีปัญหาหรือทำต่อไปได้หรือไม่
ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อแสดงจุดยืนแนวทางในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ดังนี้
1.พรรคพลังประชารัฐสนับสนุนบุคคลในรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรซึ่งจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้
2.พรรคพลังประชารัฐ ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เทิดทูนและธำรงซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พรรคพลังประชารัฐยังคงมีจุดยืนที่ไม่เปลี่ยนแปลงที่จะไม่ร่วมกับพรรคที่มีนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
3.พรรคพลังประชารัฐ ยึดมั่นในนโยบายที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อให้เกิดการส่งเสริมความปรองดองของคนในชาติ ให้มีความสามัคคี เพื่อแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน ในเรื่องเศรษฐกิจ และความเท่าเทียม รวมถึงจะพัฒนาประเทศชาติของเราต่อไปให้มีความเข้มแข็ง
ทั้งนี้ นายสันติ เปิดเผยว่า ได้มีการพูดคุยกับพลเอกประวิตรเรียบร้อยแล้ว และท่านได้มอบหมายให้ ตนมาชี้แจงร่วมกับ ร.อ.ธรรมนัส
ด้านร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่ารักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีการประชุมอย่างไม่เป็นทางการกับหัวหน้าพรรค และก็มีมติชัดเจนตามที่ได้แถลงข่าวไป ซึ่งเราขอย้ำว่า เราสนับสนุนบุคคลใดก็ตามที่พรรคเพื่อไทยเป็นผู้เสนอ และสิ่งสำคัญคือการยึดมั่นในนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ สำหรับตำแหน่งรัฐมนตรีในโควตาของพรรคพลังประชารัฐ ยังมี 4 โควตาตามเดิม ซึ่งภายหลังจากได้นายกรัฐมนตรีแล้ว ตนและนายสันติ จะมีการดำเนินการหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง ส่วนจะมีการสลับตัวบุคคลหรือไม่นั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของหัวหน้าพรรค