‘เศรษฐา’ เปิดใจพ้นนายกฯ หลังศาลรธน.ฟันขาดคุณสมบัติ ชี้เสียใจถูกตัดสินไม่มีจริยธรรม แต่น้อมรับคำตัดสิน ไม่ตอบโต้เพราะชี้แจงไปหมดแล้ว ‘ภูมิธรรม-สุริยะ’ จ่อรักษาการนายกฯ ปัดมีการวางยาทางการเมือง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 14 สิงหาคม 2567 หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีลงมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งคณะ กรณีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 40 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5 ) หรือไม่
จากกรณีนายเศรษฐาได้นำความกราบบังคมทูล เพื่อโปรดเกล้าแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่านายพิชิตขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากนายพิชิตเคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 เดือนในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เป็นบุคคลที่กระทำการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริตและมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงนั้น
- ครม.พ้นทั้งคณะ! ศาล รธน. มติ 5: 4 'เศรษฐา' ไม่รอด สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี
- ฉบับเต็ม! คำวินิจฉัยศาล รธน. 5:4 คดี 'เศรษฐา' อวสานนายกฯ เซลส์แมน 358 วัน
- เปิดมติ ศาล รธน. ใคร 5 - ใคร 4 คดี 'เศรษฐา' ปมตั้ง 'พิชิต ชื่นบาน'
ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. นายเศรษฐา แถลงที่บริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้าว่า ขอขอบคุณตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ให้โอกาสทุกๆฝ่ายในการชี้แจงประเด็นทั้งหลาย ได้มีการหยิบยกมาพูดกันในวงกว้าง คำพิพากษาของศาล ยืนยันว่าตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ดำรงตำแหน่งพยายามทำทุกอย่างให้ถูกต้อง มีความตั้งใจจริงในการทำงาน ยึดมั่นในอุดมการณ์ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต รับฟังความเห็นของทุกฝ่าย และไม่ได้ทำตัวเป็นคู่ขัดแย้งกับทุกคน
เมื่อถามว่า ข้อต่อสู้คดีไปพลาดในส่วนไหน นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่ทราบเลย เมื่อกี้ไม่ได้ฟัง ฟังแต่ตอนจบอย่างเดียว มัวแต่ประชุมอยู่ ส่วนได้คาดคิดมาก่อนหรือไม่นั้น ยืนยันว่า หลังจากทำคำชี้แจงแล้ว ผลออกมาได้ทั้งซ้ายและขวา แต่เมื่อหน้าที่ก็ทำต่อไป ต้องวางแผนระยะสั้นระยะยาว ไม่ได้บ่งบอกถึงว่าไปก้าวร่วงหรือคาดเดาว่าผลการตัดสินจะออกมาอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ในช่วงหนึ่งของคำตัดสินพูดถึงการขาดจริยธรรมอย่างร้ายแรง กังวลหรือไม่จะมีการตัดสิทธิ์ทางการเมืองในอนาคต นายเศรษฐาตอบว่า ไม่ได้ดูส่วนนั้น แต่เสียใจมากกว่าที่จะถูกเอาไปต่อว่าว่า เป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่มีจริยธรรม ตัวตนของผมก็ยืนยันว่า ไม่ใช่บุคคลแบบนั้น แต่เมื่อตัดสินมาแล้วก็น้อมรับ
@คนเก่งมีอีกเยอะ
เมื่อถามว่า เสียใจหรือไม่ที่ยังไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ นายเศรษฐาตอบว่า เป็นธรรมดา ยังมีภารกิจอีกเยอะ และปัญหาของประชาชนก็มีอีกมาก แต่บ้านเมืองมีคนเก่งอีกหลายท่าน ก็สามารถเข้ามายืนตรงนี้ได้ ส่วนจะฝากอะไรถึงคนที่จะเข้ามาทำหน้าที่หรือไม่นั้น นายเศรษฐากล่าวว่า คงไม่ต้องฝาก เพราะทีมงานเองก็ยังอยู่ทั้งหมด และคงมีการตั้งรักษาการนายกรัฐมนตรีอยู่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีกำลังหาไฟล์ทบินกลับจากประเทศคาซัดสถาน ถ้ากลับมาไม่ทันก็ให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีคนที่สอง รักษาการไป ซึ่งนายสุริยะอยู่มาหลายรัฐบาลมีประสบการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดินด้วย ก็มั่นใจในทีมงาน และกระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรีก็ผ่านขั้นตอนในรัฐสภา เป็นไปตามกฎหมาย
@ปัดมีการวางยา
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า คิดว่ามีการวางยาทางการเมืองหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ไม่เคยคิดแบบนั้น แต่เป็นสิ่งที่ไม่ได้คาดหวังไว้มากกว่า และจะไปกล่าวโทษคนนั้นคนนี้ ส่วนตัวไม่เชื่อแบบนั้น
เมื่อถามว่า เสียใจไหมกับการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน นายเศรษฐาปฏิเสธที่ตอบคำถามนี้ โดยกล่าวว่า ไม่อยากย้อนกลับไปอีก และได้แถลงชี้แจงไปแล้ว อีกทั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็ตัดสินไปแล้ว
เมื่อถามอีกว่า เข็ดไหมกับการทำงานการเมือง นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับเข็ดไม่เข็ด จริงๆปัญหาบ้านเมืองมีเยอะ ทุกคนสามารถทำงานช่วยเหลือบ้านเมืองได้ทุกหน้าที่
@ไม่มองเป็นบทเรียนราคาแพง ปัดถูกหลอก
ผู้สื่อข่ามถามต่อว่า ในฐานะที่เข้าบริหารประเทศเกือบปี ได้บทเรียนราคาแพงอะไรจากการทำงานการเมืองครั้งนี้ นายเศรษฐากล่าวว่า ถามยาก บทเรียนราคาแพงมีทั้งบวกและลบ ไม่อยากมองในแง่ลบ ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินมาแล้ว ไม่เป็นไปอย่างที่เราคาดหวังไว้ การจะบอกว่าเป็นบทเรียนราคาแพง หรือมีใครวางยาหรือไม่นั้น มองว่าอย่าไปก้าวล่วงตรงนั้นดีกว่า น้อมรับคำตัดสิน แล้วเดินไปข้างหน้าดีกว่า ให้กระบวนการนิติบัญญัติในการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่มันไปต่อดีกว่า
เมื่อถามว่า แต่นายกรัฐมนตรียังคงสถานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่ สามารถเสนอชื่อเป็นนายกฯต่อได้นั้น นายเศรษฐากล่าวว่า อย่าไปไกลถึงขั้นนั้นเลยดีกว่า ไปตามขั้นตอนดีกว่า
เมื่อถามย้ำว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้ถูกหลอกให้ไว้ใจใครบางคน บางกลุ่มใช่ไหม นายเศรษฐากล่าวว่า อย่าไปมองว่าพอผลออกมาแบบนี้มาจากการไว้ใจคนนั้นคนนี้ ไม่ใช่หรอก คิดว่าทุกคนมีความหวังดีกับประเทศชาติ แต่ทำอย่างไร เดินอย่างไร แผนงานอย่างไร ก็เป็นเรื่องของแต่ละคนไป แต่ที่ยืนตรงนี้ก็บอกว่า น้อมรับคำตัดสิน และยืนยันว่าตลอดเวลาที่ทำงานมา ได้ทำเต็มที่และบริสุทธิ์ ไม่มีปัญหาและขัดแย้งกับใครในทางส่วนตัวเลย
@นโยบาย เป็นเรื่องนายกฯใหม่ ไม่ฝากอะไร
ส่วนนโยบายของรัฐบาลนี้ จะได้รับการสืบต่อไหม นายเศรษฐากล่าวว่า ตอบไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาลจะมีมุมมองอย่างไร ต้องให้เกียรตินายกรัฐมนตรีคนต่อไป ซึ่งมีสิทธิ์เปลี่ยนแปลงนโยบายได้ตามสมควร ทุกคนอยากให้ประชาชนอยู่ดี กินดี แต่วิธีการมีหลายวิธี บางคนอาจจะเห็นด้วยกับนโยบายดิจิทัลวอลเลต บางคนไม่เห็นด้วย อาจจะมีวิธีการอื่นๆ ตอนนี้ต้องยอมรับว่า ได้หมดหน้าที่แล้วเมื่อเวลา 15.30 น. ส่วนดิจิทัลวอลเลตจะพลิกไปต่อได้หรือไม่ ไม่ทราบ ไม่มีอำนาจแล้ว เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ทั้งนี้ ไม่ได้บอกว่า นายกรัฐมนตรีจะไม่ได้มาจากพรรคเพื่อไทย แต่จะมาจากพรรคไหนก็ยอมรับกระบวนการทางรัฐสภา
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เมื่อทราบคำพิพากษาแล้ว ใครโทรมาหาเป็นคนแรก นายเศรษฐากล่าวว่า พี่แจ่ม ไทยรัฐโทรมา ส่วนคนอื่นยังไม่มี มีแต่ส่งข้อความมา ซึ่งได้ตอบกลับทุกข้อความ จะไปแล้ว อยู่ไม่ได้ เขาไม่ให้อยู่แล้ว ส่วนโล่งใจหรือไม่ ขอให้เป็นความรู้สึกส่วนตัว ปล่อยให้การเมืองเป็นไปตามวิถีทางของมัน แต่กังวลเรื่องบ้านเมือง
“ผมไม่ขอคอมเม้นท์การเมืองดีกว่า เพราะผมไม่ได้เป็น สส. แต่ยังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ก็ให้พรรคไปพูดคุยกัน ไม่อยากกดดันใครทั้งนั้น คิดอยู่ว่า ถ้าไม่ให้อยู่ต่อ ผมก็ไม่ควรกดดันว่าที่นายกฯคนต่อไป มันเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ส่วนหลังจากนี้จะไปไหนต่อ ยังไม่ทราบเลยครับ แต่ยังอยากช่วยเหลือบ้านเมืองในบทบาทอื่นๆ ไม่จำเป็นต้องเป็น สส., รัฐมนตรี หรือนายกฯ” นายเศรษฐากล่าวตอนหนึ่ง
@แคนดิเดตทุกคนเหมาะเป็น นายกฯ
เมื่อถามว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทุกคนมีความพร้อม แต่ละคนมีจุดแข็งจุดด้อยต่างกันไป ส่วนห่วงนโยบายดิจิทัลวอลเลตหรือไม่ ห่วงประชาชนมากกว่า
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จะฝากอะไรถึงนายกรัฐมนตรีคนใหม่หรือไม่ เพราะอาจจะมีสิ่งที่อยากให้ทำต่อ นายเศรษฐากล่าวว่า ฝากไม่ได้ จะเป็นการกดดัน แต่ละคนมีวิถีทางไม่เหมือนกัน จะไม่ยุติธรรมถ้าให้นายกฯคนต่อไปต้องทำแบบนายเศรษฐา คิดว่าให้เวลาระบบรัฐสภา ระบบตุลาการเป็นผู้ตัดสิน
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีจะรักษาใจอย่างไร นายเศรษฐากล่าวว่า ก้าวเข้ามาวันแรก ก็ต้องรู้แล้วว่า จะออกอย่างไร ต้องพร้อมรับทุกฉากทัศน์ ส่วนความผิดหวังระหว่างการเป็นนายกฯ กับการเป็นนักธุรกิจ แบบไหนโหดร้ายกว่ากัน นายเศรษฐากล่าวว่า เมื่อเผชิญความผิดหวังก็โหดร้ายหมด แต่เราต้องดีลกับมันไป ส่วนถ้าตื่นมาวันพรุ่งนี้ จะทำอะไร ก็คงจะเลื่อนกำหนดการลอยอังคารคุณแม่ (ชดช้อย ทวีสิน) เร็วขึ้นจากเดิมกำหนดไว้วันที่ 24 ส.ค.นี้ เป็นภายในสัปดาห์นี้ หรือจะวางแผนส่งต่องานก็พร้อม
อย่างไรก็ตาม พรุ่งนี้ (15 ส.ค. 67) คงต้องมอบให้รักษาการนายกรัฐมนตรีไปประชุมแม่โขงล้านช้างแทน ที่จ.เชียงใหม่แทน
เมื่อถามว่า มีอะไรจะกล่าวกับนายทักษิณ ชินวัตรหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่มี แต่เดี๋ยวว่างๆคงกินกาแฟกัน
เมื่อถามว่า จุดสูงสุดในชีวิตของนายกรัฐมนตรีคืออะไร นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่เคยคิดจุดสูงสุดของแต่ละคนต่างกันไป ไม่เคยคิดตอนนี้ถ้ามีโอกาสได้มาดูแลบ้านงานมีส่วนในการผลักดันชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นก็ถือว่าเป็นเกียรติอันสูงสุด แต่การจะก้าวเดินต่อไปในวัย 62 ปี ก็คงจะทำอะไรได้อีกเยอะ
เมื่อถามย้ำว่า แล้วจุดสูงสุดของนายกรัฐมนตรีคืออะไร นายเศรษฐานิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนตอบว่า เป็นลูกที่ดี
“ผมมั่นใจว่าผมเป็นคนมีจริยธรรม เรื่องที่ถูกร้อง ทำให้ตัดสินแบบนี้ ยืนยันว่าเสียใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่เห็นด้วย ผมน้อมรับคำตัดสินครับ ผมคิดว่า คนเรามาถึงอายุขนาดนี้แล้ว การได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ลงพื้นที่ไป การเป็นเอกชน เป็นนายเศรษฐา ทวีสิน หรือนายกฯเศรษฐา เรื่องของการเข้าถึงข้อมูล ความรู้ ปัญหา ถ้าไม่มานั่งตรงนี้คงมองไม่เห็น” นายเศรษฐากล่าวทิ้งท้าย