อดีต สส.ก้าวไกล 143 คนไม่แตกแถว ตั้งพรรคประชาชน โหวต ‘ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ’ นั่งหัวหน้า ‘ศรายุทธ’ เลขาพรรค ‘ศิริกัญญา’ นั่งรองฯ ประกาศปักธงเลือกตั้งครั้งหน้า ต้องชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาลพรรคเดี่ยว แต่ไม่ปิดประตูจับมือพรรคอื่น หากไปไม่ถึงฝัน ไม่ลดเพดานแก้ ม.112 ไม่กังวล สส.44 คนถูกป.ป.ช.สอบจริยธรรม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2567 เวลา 12.00 น. นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคก้าวไกลเปิดเผยว่า ผู้แทนราษฎรจากอดีตพรรคก้าวไกลจำนวน 143 คน เดินทางไปประชุมวิสามัญพรรค เพื่อร่วมประชุมกำหนดผู้บริหารพรรคชุดใหม่ หลังจากที่พรรคก้าวไกลถูกยุบและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคทั้งหมด
โดยที่ประชุมมีมติเปลี่ยนชื่อพรรคเป็น “พรรคประชาชน (People’s Party)” คำขวัญประจำพรรคคือ “โดยประชาชน เพื่อประชาชน สร้างประเทศไทยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน” มีสัญลักษณ์สามเหลี่ยมสีส้มหัวกลับ ต่อยอดมาจากแนวคิดของพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล
“เหตุผลที่เราเลือกใช้ชื่อพรรคประชาชนนั้น เป็นเหตุผลที่เรียบง่าย คือเราต้องการจะเป็นพรรคการเมืองโดยประชาชน เพื่อประชาชน และเดินหน้าสู่การสร้างประเทศไทยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน เรามีความเชื่อว่าในระบอบประชาธิปไตยนั้น สิ่งที่มีคุณค่าสูงสุดก็คือประชาชนทุกคนในประเทศ สถาบันการเมืองทุกสถาบันก็ควรจะต้องยึดโยงกับประชาชน ถูกตรวจสอบได้โดยประชาชน และดำรงอยู่อย่างมั่นคงชอบธรรมด้วยความยินยอมพร้อมใจของพี่น้องประชาชนทุกคน” นายพริษฐ์กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมวิสามัญยังได้เลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ได้แก่
1. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค
2. นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรค
3. นางชุติมา คชพันธ์ เหรัญญิกพรรค
4. นายณัฐวุฒิ บัวประทุม นายทะเบียนพรรค
5. นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ กรรมการบริหารพรรค
นายพริษฐ์เปิดเผยว่า พรรคประชาชนจะเปิดรับสมัครสมาชิกและรับบริจาคทางเว็บไซต์ www.PeoplesPartyThailand.org ในทันที ส่วนกิจกรรมการรณรงค์หลักจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม 2567 ที่ Stadium One ถนนบรรทัดทอง กรุงเทพฯ และจะกระจายไปทั่วประเทศต่อไป จึงขอให้พี่น้องประชาชนติดตามและร่วมกันแสดงออกว่าเราจะเดินไปต่อด้วยกันให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งเราตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องได้สมาชิก 1 แสนคน และยอดเงินบริจาค 10 ล้านบาท โดยเร็วที่สุด
@ไม่ลดเพดาน แก้ ม.112 เป็นรัฐบาลพรรคเดียวในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า ต่อจากนี้ไปภารกิจของตน ผู้แทนราษฎร กรรมการบริหารพรรค และคณะทำงานทั้งหมดของพรรค คือการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นจริงได้ในการเลือกตั้งปี 2570 โดยเป้าหมายขั้นต่ำของพรรคคือ จะต้องชนะเลือกตั้งโดยเป็นรัฐบาลพรรคเดียว
ส่วนที่มาของชื่อพรรคประชาชน หัวหน้าพรรคประชาชนกล่าวว่า มาจากอุดมการณ์ของพรรคที่ใช้มาตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ คือ อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน โดยสโลแกนของพรรคในครั้งนี้คือ “โดยประชาชน เพื่อประชาชน” เพื่อสร้างประเทศที่มีอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ส่วนโลโก้พรรคที่มีสามด้านซึ่งมีหกเหลี่ยม สอดคล้องกับประกาศของคณะราษฎรทั้ง 6 ประการ รวมถึงสีประจำพรรคก็พยายามสืบสานอุดมการณ์พรรคต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเสนอแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 จะมีการทบทวนและสรุปบทเรียนจากที่พรรคก้าวไกลถูกยุบหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ทำให้ต้องเซ็นเซอร์หรือปิดปากตัวเอง เพราะเสนอตามหลักการ “ไม่ได้ต้องการเซาะกร่อน บ่อนทำลายแต่อย่างใด” ดังนั้น ทางพรรคจะเดินหน้าทุกอย่างต่อโดยไม่ประมาท
นายณัฐพงษ์กล่าวย้ำว่า ที่ผ่านมา พรรคเราไม่เคยสื่อสารว่า จะมีการลดเพดานอะไร ยืนยันแน่ชัดที่สุดว่า การเสนอร่างกฎหมายแก้ไข มาตรา 112 เพื่อปรับปรุงกฎหมายนี้ไม่ให้มีปัญหา ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการกลั่นแกล้งพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเอง ก็ไม่ได้มีการสั่งห้ามการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ แน่นอนที่สุดเราต้องไม่ประมาท ทำทุกอย่างอย่างรอบคอบ
ทั้งนี้ คำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาล่าสุด จนนำมาสู่การยุบพรรคก้าวไกล พรรคประชาชนเองต้องกลับมาศึกษาอย่างดี แต่คิดว่าก็จะผลักดันเดินหน้าปรับปรุงแก้ไขกฎหมายในส่วนนี้ที่ปัจจุบันยังมีปัญหาอยู่
ขณะที่การสอบจริยธรรม สส. 44 คน จากอดีตพรรคก้าวไกลที่ลงชื่อขอแก้ไข ม.112 ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หัวหน้าพรรคประชาชนตอบว่า แม้การกระทำของ สส. แต่ละคนจะมีองค์ประกอบแตกต่างกัน เช่น การเรียกร้องแทนกลุ่มผู้ชุมนุม การประกันตัว แต่เกือบทุกคนได้ลงชื่อเสนอแก้ไข ม. 112 จึงต้องพิจารณาเป็นกรณี ๆ แต่ส่วนตัวไม่มีความกังวล และเห็นว่าเพื่อน สส. ทุกคนมีความพร้อมที่จะชี้แจงต่อ ป.ป.ช.
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน
@เป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่ตอนนี้ยังไม่พร้อม
เมื่อถามว่า ใครจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในส่วนของตัวฐานะหัวหน้าพรรคประชาชน ขอพูดตรง ๆ คิดว่าวันนี้ยังไม่ได้ดีพร้อม แต่พร้อมพัฒนาตัวเอง ตราบใดที่ประชาชนสนับสนุน เห็นว่าสิ่งที่เราทำมาโดยตลอด เราทำสิ่งเรียบง่ายมาก การเมืองเป็นของทุกคน เป็นของประชาชน ตราบใดที่เราได้รับเสียงสนุนเหล่านี้อยู่ ตนพร้อมผลักดันตัวเองไปข้างหน้า ส่วนแคนดิเดตนายกฯ เราได้ถอดบทเรียนมาในอดีต เราเปิดกว้าง เสนอหลายชื่อได้ แต่ต้องผ่านการหารือในอนาคตด้วย คิดว่าตนพร้อมทำหน้าที่แทนทุกคน ส่วนคนเป็นนายกฯต้องพร้อมทุกด้าน ตนพร้อมพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น
เมื่อถามว่า จะนำพาพรรคประชาชนชนะเลือกตั้ง 2570 อย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า คิดว่าคือการทำงานหนัก ถ้าเอาตนเปรียบเทียบอดีตแกนนำพรรค คิดว่าคุณสมบัติอาจไม่เทียบเท่า แต่สิ่งที่คิดว่ามีไม่แพ้คนอื่น คือนำพาพวกเรามาอยู่ตรงนี้ ทำงานการเมืองให้ดีกว่าเดิม สิ่งที่มีไม่แพ้ใครคือทำงานหนัก เพื่อนำพาพรรคชนะการเลือกตั้งได้
ในการเลือกตั้งครั้งหน้า หากมีการจัดตั้งรัฐบาล จะจับมือกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตอนนี้เร็วไปที่จะตอบตรงนั้น แต่ขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้งหรือไม่ว่า ถ้าชนะการเลือกตั้ง เป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้หรือไม่ แต่ถ้าไม่ได้เสียงเกินครึ่ง ก็ต้องจับมือกับพรรคการเมืองต่างพรรคด้วย แต่จะจับมือใครบ้าง ก็ต้องดูนโยบายในการเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าพรรคที่เสนอนโยบายไม่ได้ขัดแย้งเรา เราก็พร้อมทำงานกับทุกฝ่าย
เมื่อถามว่า ในการเริ่มต้นพรรคประชาชน โดนจับตามอง รู้สึกอย่างไร รับมือเรื่องนี้อย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า แน่นอนที่สุดรู้สึกกดดัน รวมถึงรู้สึกว่าเพื่อน ๆ ทุกคนด้วย ที่เรากดดันไม่ใช่ไม่ดี แต่เป็นการยกระดับตัวเองไปอีก และเป็นสิ่งที่ถูกต้องว่าสื่อต้องตั้งคำถาม ประชาชนตั้งคำถามถึงพรรคทุกพรรค และคนเสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯในอนาคตด้วย ไม่ใช่ข้อผิดพลาดอะไร อยากให้ทุกคนช่วยกันจับตาการทำงานของเราด้วย
เมื่อถามว่า ก่อนมาเป็นหัวหน้าพรรค นายธนาธรให้คำแนะนำอะไรบ้างหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่กี่วันก่อนได้พูดคุยกับนายธนาธรบ้าง และได้สื่อสารตรง ๆ โดยนายธนาธรบอกว่า ถ้ามารับตำแหน่งตรงนี้ ถ้าคุณต้องทำ เป็นแคนดิเดตนายกฯ คุณต้องพัฒนาตัวเอง ต้องเห็นนโยบายอีกหลายด้าน ต้องทำงานอย่างหนัก ตนคิดว่าสิ่งที่นายธนาธรแนะนำมาถูกต้องที่สุด วันนี้ที่มาแถลงข่าวคิดว่าสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือ ถ้าเสนอตัวเองเป็นแคนดิเดตนายกฯ จะสื่อสารตรงไปตรงมา โดยสิ่งที่เป็นอิทธิพลกับตนคืออุดมการณ์ความเชื่อ ไม่ใช่เรื่องตัวบุคคล
@เลขาศรายุทธ รับเป็นเพื่อนธนาธรจริง แต่ไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจ
ขณะที่นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน กล่าวว่า เราตระหนักเรื่องนี้ดีว่าการเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลาและผู้คนจำนวนมาก นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราต้องสร้างพรรคให้เป็นสถาบัน ตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่มาจนถึงก้าวไกล เรามีโครงสร้างสมาชิกพรรคทำงานเครือข่ายพื้นที่ ชาติพันธุ์ ผู้ใช้แรงงาน ฯลฯ เราคาดหวังว่าในอนาคตอันใกล้เราจะมีโครงสร้างสมาชิกพรรคที่ทำงานการเมืองท้องถิ่น และโครงสร้างสมาชิกพรรคที่เข้าไปทำงานเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ
ดังนั้น หน้าที่ของตนคือการประสานการทำงานทุกภาคส่วนให้สอดคล้องกัน เพื่อเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ เพื่อทำให้มั่นใจว่าเราจะมีพรรคการเมืองที่ทำเพื่ออนาคต แม้ว่าเราอาจจะไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้วก็ตาม
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามาเป็นเลขาธิการเพราะเป็นเพื่อนกับนายธนาธรนั้น นายศรายุทธตอบว่า ไม่ปฏิเสธความเป็นเพื่อนกับนายธนาธร เพราะรู้จักกันมา 20 กว่าปี ตั้งแต่เป็นรองสหพันธ์นิสิตนักศึกษาปี 2543 ก็คบค้าสมาคมตลอดในฐานะมิตรสหาย ร่วมตั้งพรรคด้วยกันตั้งแต่อนาคตใหม่ ความคิดเราปกติ คุยกันตลอดเวลา ในฐานะเพื่อนแลกเปลี่ยน แม้วันนี้อยู่คนละองค์กร ก็ต้องมีเจอบ้างในฐานะเพื่อน ก็คุยกัน แต่เข้าใจกันดีว่า การบริหารงานแต่ละองค์กร จะมีผู้บริหารแต่ละองค์กร มีโครงสร้างการทำงานของมัน ความเห็นต่าง ๆ อาจผ่านหูตน อาจเสนอบ้าง แต่อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่กรรมการบริหารพรรค เราทำงานด้วยความเข้าใจอย่างดี
“ส่วนการดีลลับต่าง ๆ มั่นใจเพื่อนเราทุกคน ไม่ว่านายธนาธร นายปิยบุตร แสงกนกกุล นายชัยธวัช ตุลาธน ในการคุยกับคนอื่น ไม่ใช่เรื่องมีปัญหาอะไร ในการรับฟังว่า คนนั้นคนนี้คิดเห็นอย่างไร มาเล่าสู่กันฟัง ไม่ได้มีปัญหาอะไรในความคิดของตน ปัญหาอยู่ที่คณะกรรมการบริหารจะตัดสินใจอย่างไรกับข้อมูลที่ได้รับมา นี่คือหลักการสำคัญ เรายืนบนหลักการนี้ตลอดตั้งแต่ก้าวไกล” นายศรายุทธ กล่าว
ศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน
@’ไหม’ ปัดน้อยใจ ชี้ไม่ได้อยากนั่งหัวหน้าพรรค
ด้านนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน เปิดเผยว่า ตนเองไม่ได้มีความประสงค์ในการลงแข่งขันชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคตั้งแต่ต้น ดังนั้น ในขั้นตอนการหยั่งเสียงที่ประชุม สส.อดีตพรรคก้าวไกล ตนเองเสนอชื่อแคนดิเดตหัวหน้าพรรคเป็นนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิด้วยตนเอง และในที่ประชุมก็มีการเสนอชื่อเพียงคนเดียวด้วยเหตุผลว่า นายณัฐพงษ์มีประสบการณ์จากการทำงานเป็น สส.เขต และเป็น สส.บัญชีรายชื่อ และมีส่วนร่วมในบริหารงานภายในพรรคมาตลอด ตนและเพื่อน สส.จึงมั่นใจและให้เสียงสนับสนุนณัฐพงษ์ เพราะมีคุณสมบัติพร้อมในการนำพรรคสู้ศึกเลือกตั้ง 2570
ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน
อ่านประกอบ