‘เศรษฐา’ ยอมรับกังวลวันที่ 14 ส.ค.นี้ ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยกรณีตั้ง ‘พิชิต ชื่นบาน’ เป็นรัฐมนตรีฯ ทั้งที่รู้ว่าขาดคุณสมบัติ ไม่ตอบเอกชนห่วงเสถียรภาพทางการเมืองไทย ไม่อยากชี้นำ โต้แถลงการณ์สหรัฐฯ ชี้ไม่มีใครยอมให้ประเทศอื่นก้าวก่าย เพราะไทยเป็้นประเทศเอกราช
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 8 สิงหาคม 2567ิ จากกรณีที่นายแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ถึงกรณีการยุบพรรคก้าวไกลในประเทศไทย ระบุว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไทยในวันนี้ ลิดรอนสิทธิ์ของชาวไทยกว่า 14 ล้านคนที่ลงคะแนนเสียงให้พรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566
และทำให้เกิดคำถามว่าพวกเขาสามารถเลือกผู้แทนของตนในระบบการเลือกตั้งของไทยได้หรือไม่ คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญยังเสี่ยงต่อการบั่นทอนกระบวนการประชาธิปไตยของไทย และขัดกับความปรารถนาของชาวไทยต่ออนาคตที่มั่นคงและเป็นประชาธิปไตยนั้น
ล่าสุด ช่วงเช้าวันนี้ (8 ส.ค.67) ที่ท่าอากาศยานกองบิน 2 บน. 6 ดอนเมือง นายเศรษฐา ทวีสิน กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า คิดว่าไทยเราเป็นประเทศที่มีเอกราช เรื่องการออกมาคัดค้านอะไร มันไม่มีความหมายอะไรหรอก เพราะเราเป็นประเทศที่มีเอกราช เรามีวิถีทางที่จะพัฒนาเรื่องของการเมือง เรื่องของระบอบประชาธิปไตย ของเราให้เป็นไปตามขั้นตอน ที่มันถูกต้อง สิ่งที่เราไม่เห็นด้วยก็แก้กฎหมายกันไปตามวิถีของรัฐสภาอยู่แล้ว
"ผมมั่นใจว่าคนไทยทุกคนเข้าใจตรงนี้ เราคงไม่มีใครยอมให้ประเทศอื่นมาก้าวก่าย เรื่องอธิปไตยของเราหรอก ทั้งนี้อย่าใช้คำว่าก้าวก่ายดีกว่า ผมว่าเขาอาจจะมาเสนอแนะ เราอยู่ด้วยกันในโลกที่มีความเปราะบาง ฉะนั้นเราก็ต้องบริหารกันไป "นายกฯกล่าว
เมื่อถามว่า กระทรวงการต่างประเทศจำเป็นจะต้องชี้แจงให้เขาเข้าใจในบริบทของประเทศไทย หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยววันนี้ในช่วงบ่ายกระทรวงการต่างประเทศก็จะมีการแถลงข่าว ซึ่งตนได้ดูแล้วก็เป็นถ้อยคำที่โอเค ไม่ก่อให้เกิดการระหองระแหง ขอใช้คำนี้ดีกว่า เขาก็เป็นประเทศที่ใหญ่ ก็มีความเป็นห่วง และเป็นความปรารถนาดี ส่วนเราก็มีวิธีการเดินของเรา
@ยอมรับกังวล วันพิพากษา 14 สิงหา
เมื่อถามต่อว่า ภาคเอกชนแสดงความเป็นห่วงการเมืองช่วงเดือนสิงหาคม นายกฯ กล่าวว่า แน่นอน แต่ก็จบไปแล้วเมื่อวานอันหนึ่ง แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอน ยังมีความเป็นห่วงเป็นใยอยู่ของตนเอง วันที่ 14 สิงหาคม อย่างที่ตนเรียนไปแล้วว่าได้ส่งเรื่องไปที่ศาลเรียบร้อย ก็ไม่อยากจะมาพูดอะไร ด้วยความเคารพเชื่อว่าทางศาลรัฐธรรมนูญก็เตรียมการพิจารณาอยู่ วันที่ 14 สิงหาคม ก็คงจะทราบเรื่อง ส่วนวันนี้ตนก็ยังทำงานอยู่ตามปกติ และในวันที่ 14 สิงหาคม ก็ยังทำงานปกติ
เมื่อถามว่า ยิ่งใกล้วันที่ 14 สิงหาคม ไม่ได้ทำให้การทำงานต้องลังเลใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวยอมรับว่า ตนกังกล แต่ก็ไม่ได้ลดหรือเลื่อนตารางการทำงาน ยังคงทำงานอยู่ตลอด
เมื่อถามอีกว่า ภาคเอกชน ไม่ได้เป็นห่วงคดีพรรคก้าวไกล เท่ากับคดีของนายกฯ เพราะเป็นห่วงเรื่องความเชื่อมั่นที่จะมีผลต่อภาคเอกชน นายกฯ กล่าวว่า อันนี้ไม่ทราบ ไม่อยากจะไปพูดอะไรที่เป็นการชี้นำ ให้คณะทำงานต้องเป็นห่วง แต่ละองค์กร แต่ละคนมีหน้าที่ ตนขอให้ทุกคนทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่ยังต้องทำอยู่
เมื่อถามว่า หากดูจากตารางงานนายกฯ ยาวเลยวันที่ 14 สิงหาคม นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการอะไรทั้งสิ้น การทำงานต้องมีการแพลนล่วงหน้า ไม่ได้เป็นการชี้นำหรือคาดหวังอะไร ตรงนี้ต้องขอให้เข้าใจด้วย
เมื่อถามต่อว่า จะฝากอะไรไปถึงประชาชนให้มั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของไทย นายกฯ กล่าวว่า ตนคิดว่าทุกท่านมีการสื่อสารกันดีอยู่แล้ว และรู้หน้าที่ของตนเองอยู่แล้ว การตัดสินของศาลเราเคารพการตัดสินใจของศาลอยู่ ซึ่งตนพูดมาโดยตลอดตรงนี้
เมื่อถามว่า ตำแหน่งรองประธานสภาที่ว่างลง จะให้พรรคภูมิใจไทยหรือไม่ ได้คุยกับพรรคเพื่อไทยหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องตรงนี้ เป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลที่ต้องไปคุยกัน