ปปง.ตามยึดทรัพย์ได้ 53 รายการ 2.1 ล้าน คดีโรแมนซ์สแกมปั้นโพรไฟล์ หลอกให้หลงรัก ลวงหญิงวัย 79 ปี โอนเงินให้ 42.8 ล. ส่วนอีกรายถูกแชตไลน์อ้างเป็นแพทย์ปฏิบัติหน้าที่ประเทศอัฟกานิสถาน ขอค่าทำเอกสารช่วยออกประเทศ โดน 9 ครั้ง 62,000 บาท กลุ่มผู้ต้องหาชาวไทย ต่างชาติ 11 ราย ถูกฟ้องกราวรูด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) มีคำสั่งคณะกรรมการธุกรรมที่ 124 / 2567 ลงวันที่ 9 ก.ค. 2567 เรื่อง ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว รายนายเล็ก จันทร์อำไพ กับพวก ซึ่งเป็นกรณีมีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ และความผิดฐานฟอกเงิน
กรณี หญิงอายุ 79 ปี (ผู้เสียหาย) ถูกคนร้ายที่รู้จักกันทางเฟซบุ๊ก และต่อมาได้เป็นเพื่อนกับคนร้ายผ่านแอปฟลิเคชันไลน์ มีการพูดคุยกับคนร้ายรูปโปรไฟล์เป็นผู้ชาย ชื่อบัญชีไลน์ dr barls Cakr, Always be Optimistic, U.S Vacation Board was Happiness is my love กลุ่มคนร้ายมีหลายคนและแบ่งหน้าที่กันทำเพื่อหลอกลวงผู้เสียหายโดยการใช้กลอุบายให้ผู้เสียหายหลงรัก (โรแมนซ์สแกม) จนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายถูกหลอกลวงให้โอนเงินเข้าไปยังบัญชีเงินฝากธนาคารของกลุ่มคนร้าย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 42,876,4550 บาท
และกรณี หลอกลวง หญิงสาว อายุ 35 ปี (ผู้เสียหาย) กลุ่มคนร้ายใช้บัญชีอินสตราแกรมชื่อว่า sengy_seng1234 ทักทักข้อความทำนองเชิงชู้สาวและมีการพูดคุยกับคนร้ายทางแอปพลิเคชันไลน์ อ้างว่าเป็นแพทย์มาปฏิบัติหน้าที่ ณ ประเทศอัฟกานิสถาน สัญญาการปฏิบัติหน้าที่ของแพทย์จะสิ้นสุดลงต้องมีเงินค่าดำเนินการด้านเอกสารทำธุรกรรมเพื่อจะช่วยเหลือให้ออกมาจากประเทศดังกล่าวได้ เป็นเหตุให้ผู้เสียหายให้โอนเงินเข้าไปยังบัญชีของกลุ่มคนร้ายจำนวน 9 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 62,000 บาท
สำหรับ ทรัพย์สินที่คณะกรรมการธุรกรรม ปปง.มีคำสั่งยึดและอายัดจำนวน 53 รายการ ประกอบด้วยเงินสด ทองรูปพรรณ กระเป๋า ตู้เซฟ และนาฬิกา รวมมูลค่าทั้งสิ้น 2,129,068.54 บาท (ดูรายละเอียดในเอกสารท้ายข่าว)
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ก่อนหน้านี้ ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 19 ก.ค. 2567 เผยแพร่ ประกาศสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เรื่อง ให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องเพื่อขอรับคืนหรือชดใช้คืนซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดหรือชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐานคดีฉ้อโกงประชาชนและคดีฟอกเงิน คดีนายเล็ก จันทร์อำไพ ยื่นคําร้องเพื่อขอรับคืนหรือชดใช้คืนซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดหรือชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน ภายใน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ทั้งนี้ รายละเอียดการยื่นคําร้องปรากฏตามเอกสารแนบท้ายประกาศนี้
ดูประกาศในลิงก์: https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/37075.pdf
(ข่าวเกี่ยวข้อง: ปปง.ให้ผู้เสียหายยื่นขอรับคืนทรัพย์คดีโรแมนซ์สแกมปั้นโปรไฟล์หลอกให้หลงรักโอนเงิน)
กล่าวสำหรับ คำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย. 124 /2507 เรื่อง ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราวรายนายเล็กกับพวกมีรายละเอียดดังนี้
ที่มาคดี : เหตุเกิดเมื่อ พ.ค.2566 ผู้เสียหาย 2 รายแจ้งความ ตร.
ด้วยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ได้รับรายงาน จากกองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 ตามหนังสือสื่อที่ ตช 0039.35(สส)/3903 ลงวันที่ 3 ก.ค. 2566 เรื่อง รายงานการดำเนินคดีความผิดมูลฐาน รายนายเล็ก จันทร์อำไพ กับพวก ซึ่งเป็นกรณีมีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกุฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ และความผิดฐานฟอกเงิน กล่าวคือ
เมื่อประมาณปลายเดือน พ.ค.2566 หญิงอายุ 79 ปี (ผู้เสียหาย) ถูกคนร้ายที่รู้จักกันทางเฟซบุ๊ก และต่อมาได้เป็นเพื่อนกับคนร้ายผ่านแอปพลิเคชันไลน์ มีการพูดคุยกับคนร้ายรูปโปรไฟล์เป็นผู้ชาย ชื่อบัญชีไลน์ dr barls Cakr, Always be Optimistic, U.S Vacation Board was Happiness is my love กลุ่มคนร้ายมีหลายคนและแบ่งหน้าที่กันทำเพื่อหลอกลวงผู้เสียหายโดยการใช้กลอุบายให้ผู้เสียหายหลงรัก (โรแมนซ์สแกม) จนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายถูกหลอกลวงให้โอนเงินเข้าไปยังบัญชีเงินฝากธนาคารของกลุ่มคนร้าย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 42,876,4550 บาท
นอกจากนี้ เมื่อเดือน ก.พ. 2566 หญิงสาวอายุ 35 ปี (ผู้เสียหาย) ได้ถูกคนร้ายใช้บัญชีอินสตราแกรมชื่อว่า sengy_seng1234 ทักทักข้อความทำนองเชิงชู้สาวและมีการพูดคุยกับคนร้ายพางแอบพลิเคชันไลน์เรื่อยมา อ้างว่าเป็นแพทย์มาปฏิบัติหน้าที่ณ ประเทศอัฟกานิสถาน สัญญาการปฏิบัติหน้าที่ของแพทย์จะสิ้นสุดลงต้องมีเงินค่าดำเนินการด้านเอกสารทำธุรกรรมเพื่อจะช่วยเหลือให้ออกมาจากประเทศดังกล่าวได้ เป็นเหตุให้ผู้เสียหายรายนี้ถูกหลอกลวงให้โอนเงินเข้าไปยังบัญชีของกลุ่มคนร้ายจำนวน 9 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 62,000 บาท
ซึ่งต่อมาผู้เสียหายทั้งสองรายได้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 ให้ดำเนินดดีกับนายเล็ก จันทร์อำไพ ผู้ต้องหาที่ 3 กับพวก ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง เป็นคดีอาญาที่ 122/2566 ลงวันที่ 21 มิ.ย. 2566 เหตุเกิดที่ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ และแขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร เกี่ยวพันกัน ระหว่างวันที่ 22 ม.ค. - 18 มิ.ย. 2566 ต่อเนื่องกัน
หลังจากมีการรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนการสอบสวนว่า ทางคดีมีพยานหลักฐานเพียงพอจึงเห็นควรสั่งฟ้องนายเล็ก จันทร์อำไพ ผู้ต้องหาที่ 1 นายนราธิป ผู้ต้องหาที่ 2 นายทรงพล ผู้ต้องหาที่ 3 นายสุรเชษฐ ผู้ต้องหาที่ 4 นายพุดตาล ผู้ต้องหาที่ 5 นางบัวแก้ว ผู้ต้องหาที่ 6 และนายไชยอรรถ ทผู้ต้องหาที่ 7 ในความผิดฐานเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินเอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน
ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด และสนับสนุนการกระทำความผิดหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิดในความผิดฐานฟอกเงิน และเห็นควรสั่งฟ้องนางอังคณา ผู้ต้องหาที่ 8 MRBIGHT (สัญชาติไนจีเรีย) ผู้ต้องหาที่ 9 นางสาวอณกตา ผู้ต้องหาที่ 10 และ MR.MBEMA (สัญชาติโกติวัวร์) ผู้ต้องหาที่ 11 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และร่วมกันกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (3) และ (18) และความผิดฐานพ่อกเงินตามมาตรา 5 แห่งพระระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุอันควรชื่อได้ว่า นายเล็ก จันทร์อำไพ กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว
จากการตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด รวมทั้งจากการรวบรวมพยาบหลักฐาน ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 53 รายการ พร้อมดอกผล และเนื่องจากทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีนี้ ประกอบด้วย สังหาริมทรัพย์ประเภทเงินสด อันเป็นทรัพย์สินที่มีสภาพคล่อง สามารถปกปิดซ่อนเร้น หรือโอนเปลี่ยนมือได้โดยง่าย สังหาริมทรัพย์ประเภททองรูปพรรณ กระเป๋า ตู้เซฟ และนาฬิกา อันเป็นทรัพย์สินที่ไม่ปรากฏหลักฐานในทางทะเบียน โดยเจ้าของหรือผู้ครอบครองสามารถโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นได้โดยง่าย และเป็นสังหาริมทรัพย์ประเภทเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร อันเป็นทรัพย์สินที่สามารถโอน ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้น ได้โดยง่าย
หากมิได้มีการออกคำสั่งให้ยึดและอายัตทรัพย์สินดังกล่าวไว้ชั่วคราว เมื่อเจ้าของหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีสิทธิในทรัพย์สินดำเนินการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าวไปเสีย และหากต่อมาศาลได้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน สำนักงาน ปปง. อาจไม่สามารถติดตามทรัพย์สินดังกล่าวกลับคืนมาได้ จึงเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรชื่อได้ว่า นายเล็ก จันทร์อำไพ กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และอาจมีการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้น จึงมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินดังกล่าวไว้ชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน นับแต่วันที่ คณะกรรมการธุรกรรมมีมติ คือ นับแต่วันที่ 9 ก.ค. - 6 ต.ค.2567
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า ผู้เสียหายวัย 79 ปี คนดังกล่าว มีชื่อคล้ายอดีตกรรมการในองค์กรอิสระแห่งหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียง