ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล พร้อมตัดสิทธิกรรมการบริหารช่วง 25 มี.ค.64 - 31 ม.ค.2567 เป็นเวลา 10 ปี ปมหาเสียงแก้ ม. 112 ยกเหตุนำสถาบันไปหาผลประโยชน์ทางการเมือง มีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายชัดเจน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญได้มีอ่านคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคพรรคก้าวไกล พร้อมตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคซึ่งดำรงตำแหน่งในช่วงเวลา 24 ม.ค. 2564-31 ม.ค.2567 เป็นเวลา 10 ปี กรณีหาเสียงว่าจะแก้ไขมาตรา 112 ในช่วงปี 2566 โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญซึ่งลงมติเป็นเอกฉันทน์ได้ให้เหตุผลว่าการหาเสียงเพื่อแก้ไขมาตรา 112 นั้นเป็นการล้มล้างการปกครอง
ทั้งนี้ การเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรค ชุดที่ 1 และ 2 ดำรงตำแหน่งระหว่างวันที่ 25 มีนาคม 2564 - 31 มกราคม 2567 เป็นช่วงเวลาที่มีการกระทำอันเป็นเหตุให้ยุบพรรคการเมือง เป็นช่วงที่กระทำความผิด 10 ปี พร้อมห้ามกรรมการบริหารพรรคชุดดังกล่าว ไปจดทะเบียนหรือมีส่วนรวมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่อีกเป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งยุบพรรค
สำหรับคำวินิจฉัย ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีการระบุว่า ข้อเท็จจริงในการพิสูจน์ในคดีนี้นั้นเป็นที่สิ้นสงสัยแล้วว่าการกระทำของพรรคก้าวไกลนั้นมีการสนับสนุนกิจกรรมที่มีลักษณะกระทบต่อสถาบันเรื่อยมา ถ้าหากปล่อยให้ดำเนินการต่อไปอาจจะส่งผลนำไปสู่การล้มล้างการปกครองได้ อีกทั้งสมาชิกพรรคผู้ถูกร้องยังมีการทำตัวเป็นนายประกันผู้ที่ต้องคดี 112 มาโดยเสมอ ทั้งๆที่พรรคการเมืองควรจะควบคุมผู้ที่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญยังได้อ่านคำวินิจฉัยด้วยว่าการนำเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้หาประโยชน์เพื่อหวังผลคะแนนเสียง นั้นเป็นการมุ่งหวังให้สถาบันอยู่ในฐานะคู่ขัดแย้งกับประชาชน ดังนั้น จึงถือว่าพรรคมีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันจนนำไปสู่การล้มล้างได้
สำนักข่าวอิศรารายงานเพิ่มเติมว่าผลการตัดสิทธิ์ดังกล่าวยังส่งผลทำให้นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ต้องออกจากตำแหน่งด้วย เพราะว่าเป็นหนึ่งในกรรมการบริหารพรรคที่ถูกตัดสิทธิ์