'บิ๊กเต่า' ยืนยันจับอัยการนครศรีธรรมราชเป็นไปตามพยาน หลักฐาน ไม่มีกลั่นแกล้ง แจงตอนนี้กำลังหารือ ป.ป.ช. ถกแนวทางตรวจสอบย้อนหลัง เชื่อเรื่องนี้ไม่ความสัมพันธ์องค์กร ขณะโฆษกอัยการเผย อสส.สั่งย้ายเข้าส่วนกลาง ก.อ.เดินหน้าสอบวินัยแล้ว ต้องรอสอบข้อเท็จจริงกรอบ 30 วันก่อน จึงพิจารณาพักราชการได้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงกรณีจับกุม นายชาตินรินทร์ เกตุกำพล อายุ 53 ปี อัยการผู้กลั่นกรอง สำนักงานอัยการจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวานที่ผ่านมา ว่า เป็นกรณีที่ก่อนหน้ามีผู้เสียหายมาร้อง ป.ป.ช. ว่าถูก เจ้าหน้าที่รายนี้เรียกรับทรัพย์สินอ้างช่วยเหลือเรื่องคดี ทาง ป.ป.ช. จึงส่งเรื่องมาที่ตำรวจ บก.ปปป. ตรวจสอบข้อเท็จจริง จนนำมาสู่การบูรณาการกำลังร่วมกันเก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆขออำนาจศาลออกหมายจับ
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ยืนยันว่าทำตามพยานหลักฐาน ไม่มีกลั่นแกล้ง เรายึดถือกฎหมาย ให้ความยุติธรรมกับทุกคน ต้องทำให้กฎหมายศักดิ์สิทธ์ เคสนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่เกี่ยวกับองค์กร ทุกองค์กรมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ต้องแยกแยะ ส่วนขณะเข้าจับกุม ผู้ต้องหาไม่ได้ขัดขืน ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แม้จะให้การปฏิเสธ เราก็ไม่ได้หนักใจ เพราะมีพยานหลักฐานมากพอที่จะเอาผิด
“เรื่องตรวจสอบย้อนหลัง อยู่ระหว่างหารือร่วม ป.ป.ช. ว่าจะวางแนวทางดำเนินการอย่างไร และ ต้องทำทุกอย่างให้โปร่งใส ยอมรับว่าเคสจับอัยการครั้งนี้เป็นเคสแรก ตั้งแต่ทำงานตรวจสอบคดีทุจริตมายังไม่เคยพบส่วนจะมีเหยื่อรายอื่นเพิ่มไหม ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูล” พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าว
เมื่อถามว่าหวั่นใจหรือไม่ว่าในอนาคตจะทำงานยากขึ้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า ไม่หวั่นใจ เพราะทุกองค์กรมีทั้งคนดีและคนไม่ดี พร้อมเชื่อว่า อัยการดีๆมีมากกว่า ส่วนคนที่ไม่ดีเป็นแค่ส่วนน้อย และ เชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่กระทบองค์กร เพราะสิ่งที่เราทำ เราทำตามพยานหลักฐานข้อเท็จจริง ปล่อยผ่านไม่ได้ ซึ่งหลังจับกุมผู้ต้องหารายนี้ ก็มีอัยการที่รู้จักโทรมาชื่นชมหลายคน ส่วนใหญ่เห็นด้วย แม้กระทั่ง อสส. เอง หลังทราบเรื่องท่านก็ไม่ลังเลที่จะดำเนินการกับผู้กระทำผิดสั่งย้ายทันที
ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกันนายประยุทธ เพชรคุณ โฆษก อสส. กล่าวถึงกรณีการจับกุม นายชาตินรินทร์ ว่าขณะนี้ระหว่างที่อัยการสูงสุดรอรับรายงานจากนายฉัตรชัย ใจดี อธิบดีอัยการภาค8 เกี่ยวกับข้อเท็จจริงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจวางแผนบุกจับ นายชาตินรินทร์ ภายในห้องทำงานสำนักงานอัยการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมเงินของกลาง 2 แสนบาทในการเรียกรับผลประโยชน์นั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อนายนายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุดทราบเรื่อง ได้สั่งย้ายนายชาตินรินทร์มาส่วนกลางทันที เพื่อสะดวกในการสอบสวน โดยได้ย้ายประจำสำนักงานคดีแรงงาน สำนักงานอัยการสูงสุด โดยมีผลวันนี้ ขณะเดียวกันทางสำนักงานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.)ได้ดำเนินการสอบสวนเบื้องต้นด้านวินัยด้วยเเล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความผิดที่กระทำชัดเจน นอกจากให้ย้ายมาแล้ว สามารถให้ออกจากราชการไว้ก่อนได้หรือไม
นายประยุทธกล่าวว่า ตาม พรบ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการปี 53 มาตรา 80 กำหนดให้อัยการสูงสุดมีคำสั่งพักราชการได้เมื่อมีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายเเรง หรือมีการฟ้องคดีอาญาพนักงานอัยการคนนั้นเเล้วดังนั้น กรณีนี้ยังอยู่ในขั้นตอนสอบข้อเท็จจริงขั้นต้นซึ่งตามมาตรา 74 ต้องดำเนินการให้เเล้วเสร็จใน 30 วันจึงต้องรอขั้นตอนดังกล่าว
นายประยุทธยังกล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีความผิดชัดเเจ้ง เเต่กฎหมายไม่ให้พักราชการทันทีซึ่งในประเด็นนี้ นายอำนาจ อัยการสูงสุดเเละผู้บริหารได้มีการเสนอเเก้กฎหมายในประเด็นข้อนี้ ซึ่งทางนายอำนาจได้มีการเสนอเเก้กฎหมายในประเด็นนี้มาก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์นี้เพื่อให้สามารถสั่งพักราชการในกรณีความผิดชัดเเจ้งได้ เเละร่างกฎหมายนี้ได้ผ่านประชาพิจารณ์เรียบร้อยเเล้ว
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประชาชนที่ต่อองค์กรอัยการ แต่อย่างไรก็ตามอัยการสูงสุดได้ให้ความมั่นใจ ให้ความสำคัญ มีมาตรการเด็ดขาดการดำเนินคดี และการสอบสวนวินัย ซึ่งทุกครั้งที่เกิดคดีทำนองนี้จะบังคับใช้กฎหมายโดยเด็ดขาดเป็นมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง"นายประยุทธย้ำ