เผยมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตีตกคดี 'จีรศักดิ์ มาแก้ว' อดีตรองนายก อบต.ป่าเซ่า อุตรดิตถ์ ร่ำรวยผิดปกติ บัญชีเงินฝากธนาคารคู่สมรส เพิ่มขึ้น 9,725,098.51 บาท ไม่สัมพันธ์กับรายได้ หลังพิจารณาสำนวนไต่สวนพบเป็นยอดเงินที่ได้มาจากทำธุรกิจร้านขายทองคำ ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ตกไป
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. เสียงเอกฉันท์ตีตกคดี นายจีรศักดิ์ มาแก้ว เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลป่าเซ่า อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ร่ำรวยผิดปกติ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นไม่สัมพันธ์กับรายได้ บัญชีเงินฝากธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) คู่สมรส เพิ่มขึ้น 9,725,098.51 บาท อ้างเป็นเงินขายทองคำแท่ง แต่มีรายได้เล็กน้อย
หลังพิจารณาสำนวนไต่สวนเบื้องต้น ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่า นายจีรศักดิ์ มาแก้ว ร่ำรวยผิดปกติตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป เงินฝากในธนาคารที่เพิ่มขึ้นจึงเป็นยอดเงินที่ได้มาจากการขายทองคำจริง
สำนักงาน ป.ป.ช.ระบุพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่ากระทำผิดโดยสรุป ว่า จากการตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่งกับกรณีเข้ารับตำแหน่ง พบว่า ผู้ถูกกล่าวหามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นไม่สัมพันธ์กับรายได้ โดยประเด็นสำคัญคือ บัญชีเงินฝากธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ของคู่สมรส เพิ่มขึ้น 9,725,098.51 บาท ซึ่งผู้ยื่นชี้แจงว่าเป็นยอดเงินที่ได้จากการที่คู่สมรสขายทองคำแท่ง จึงมีประเด็นว่าผู้ยื่นและคู่สมรสนำเงินได้จากแหล่งใดมาซื้อทองคำ เพราะรายได้ตามสำเนาแบบ ภ.ง.ด. มีจำนวนเพียงเล็กน้อย กรณีจึงมีเหตุอันควรสงสัยว่า มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า ทางไต่สวนได้ความว่า เมื่อพิจารณาจากรายการความเคลื่อนไหวทางบัญชีของผู้ถูกกล่าวหา คู่สมรส และร้านทอง ประกอบกับเส้นทางการเงินของสำนักงาน ป.ป.ง. แล้ว รับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาและคู่สมรสมีการทำธุรกรรมซื้อ-ขาย ทองคำกับร้านทองจริง เป็นจำนวนหลายครั้ง
ดังนั้น เงินฝากในธนาคารที่เพิ่มขึ้นจึงเป็นยอดเงินที่ได้มาจากการขายทองคำจริง โดยผู้ถูกกล่าวหานำเงินทุนจากการประกอบธุรกิจไฟแนนซ์ไปซื้อทองคำไว้ ซึ่งเป็นการลงทุนเก็งกำไรการซื้อขายทองคำปกติ ผู้ถูกกล่าวหาประกอบธุรกิจไฟแนนซ์ ดำเนินกิจการซื้อขายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์ ย่อมมีเงินทุนหมุนเวียนจำนวนมาก ตามรายการเคลื่อนไหวทางบัญชีของผู้ถูกกล่าวหา
อีกทั้ง กรณีเข้ารับตำแหน่งผู้ถูกกล่าวหามีบัญชีเงินฝากมากถึง 19 บัญชี รวมแล้วเป็นจำนวน 11,054,861.48 บาท คู่สมรส มีบัญชีเงินฝาก 12 บัญชี รวมแล้วเป็นจำนวนเงิน 3,201,498.90 บาท จึงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหามิได้มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ อันมีลักษณะเป็นการร่ำรวยผิดปกติแต่อย่างใด
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 6 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นว่า จากการไต่สวนเบื้องต้น ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่า นายจีรศักดิ์ มาแก้ว ร่ำรวยผิดปกติตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป