กลุ่มผู้สมัคร สว. 4 คน ร้องศาลแพ่งสั่ง กกต. นับคะแนนเลือก สว.รอบประเทศใหม่ หลังพบข้อพิรุธการฮั้วเลือก สว. จาก Master Mind ขณะเดียวกันกลุ่มผู้สมัคร สว.บุรีรัมย์ประมาณ 15 คน ร้อง กกต.จังหวัดตรวจสอบการนัดเปิดห้องโรงแรม-เลี้ยงบุฟเฟ่ต์ เข้าข่ายจัดเลี้ยงฮั้วเลือก สว.ระดับจังหวัดหรือไม่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 3 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) 4 คน ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะจำเลย ขอให้ศาลสั่งให้จำเลยดำเนินการเปิดหีบนับคะแนนใหม่ ทั้งในส่วนภาคเช้า 20 กล่อง และภาคบ่าย 20 กล่อง พร้อมทั้งสามารถให้มีการเครื่องมือกลและอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อจะได้ทราบว่าบัตรใดมีลักษณะลงคะแนนที่สอดคล้องกับโพยและเป็นแบบเดียวกัน แม้ผู้อยู่ในกลุ่มเดียวกันหรือต่างกลุ่ม ทำให้การเลือกลงคะแนน สว. ครั้งนี้ไม่สุจริตและเที่ยงธรรม อันเป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 30 (6) ดังนั้นเพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของโจทก์ทั้งสี่และผู้สมัครอื่นที่ดำเนินการโดยสุจริต
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า คำฟ้องของโจทก์ทั้ง 4 รายงานพฤติการณ์ว่า ก่อนหน้านี้โจทก์ทั้ง 4 คน ได้ร้องคัดค้านผลการเลือกสมาชิกวุฒิสภาต่อเลขาธิการและคณะกรรมการ กกต. เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 67 โดยคัดค้านการประกาศรับรองการลงคะแนน ของผู้ได้รับลำดับ 1-10 และตัวสำรองลำดับ 11-15 ของทุกกลุ่มเพราะมีการจัดตั้งระบบผู้สมัครด้วยกัน เพื่อเป็น Voterอย่างเป็นระบบ ทำให้การลงคะแนน(การเลือก) ตาม มาตรา 30 (6) ของ พ.ร.ป.สว. 2561 ไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
@เลือกรอบแรก ล็อกเลือก ยอมไม่เลือกตัวเอง
โดยการเลือกรอบแรกภายในกลุ่มในช่วงเช้า เพื่อคัดเหลือกลุ่มละ 4 รายเป็นไปในลักษณะการจับคู่กันอย่างเป็นระบบภายในกลุ่ม 10 คน โดยผู้สมัครในลำดับ 1-10 ภายในกลุ่ม ลงคะแนนให้แก่กันวนเวียนภายในกลุ่ม แล้วมี Voter มาลงคะแนนสนับสนุนให้ผู้สมัครเป็นการเฉพาะราย สำหรับเป้าหมายที่ต้องการให้ผ่านการคัดเลือกในรอบนี้ โดยบางรายยอมที่ตัวเองไม่ได้คะแนนเลย และไม่ลงคะแนนให้ตัวเองด้วย ซึ่งโจทก์ทั้ง 4 มองว่า ขัดเจตนารมย์ของการมาสมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา
นอกจากนี้ บางกรณีการจับคู่อาจจับเป็นเฉพาะกลุ่ม 5 คน คือ 1-5 ลงคะแนนให้แก่กันวนเวียน แล้วอาจไปจับคู่กันอีก 5 คนอื่น เพื่อให้ครบ 10 คน ของแต่ละคน แล้วจะมี Voter ไปลงคะแนนให้ผู้สมัครเป็นการเฉพาะราย สำหรับเป้าหมายที่ต้องการให้ผ่านการเลือกในรอบนี้เช่นเดียวกรณีข้างต้น
โจทก์เห็นว่า การทำตาม 2 กรณีข้างต้นมีหลักฐานชัดเจนอยู่แล้วในบัตรลงคะแนนของทุกคน 155 คน/กลุ่ม ซึ่งเก็บไว้ที่สำนักงาน กกต.อยู่แล้วในขณะนี้ หากจะนำมาตรวจนับคะแนนใหม่ โดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามมาตรา 43 โดยใช้โปรแกรม ไอทู ก็จะสามารถแสดงและเห็นถึงความเชื่อมโยง
ของการลงคะแนนตาม 2 กรณีข้างต้นได้ และอาจสามารถกำหนดขอบเขตของกลุ่มจัดตั้งแต่ละกลุ่ม และมีผู้บงการ (Master Mind) ที่อยู่ข้างหลังได้ โดย Master Mind ที่ว่าระดับองค์กรนั้น จะมีการจัดระบบขององค์กรย่อยของแต่ละกลุ่มไว้ครบ
@รอบบ่ายวุ่น Voter ไม่ดู สว.3 ทำบัตรเสียเพียบ เลือกเลขเดียวกัน
ส่วนการเลือกไขว้ในรอบบ่ายนั้น ทางโจทก์ระบุสาเหตุว่า เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายที่ Master Mind ต้องการให้ผ่านการเลือกนั้น ถูกวางตัวไว้ตั้งแต่การเลือกภายในกลุ่มของแต่ละกลุ่มแล้วตามข้อสังเกตข้างต้น ดังนั้นในรอบนี้ Master Mind จะกำหนดหมายเลขผู้สมัคร ที่ต้องการให้ได้รับเลือกเป็น สว. ตัวจริงให้กับผู้สมัครที่จะทำหน้าที่เป็น Voter ที่อยู่ภายในเครือข่ายเดียวกันได้ทราบ โดยจะมีการกำหนดหมายเลขให้กับผู้สมัครที่เป็นเป้าหมายของตนเองจนครบทั้ง 20 กลุ่ม ให้ Voter ชุกซ่อนเข้าไป เพราะยังไม่ทราบว่ากลุ่มตนเองจะจับสลากคู่กับกลุ่มใด จึงต้องเขียนโพยให้ทั้ง 20 กลุ่ม
เมื่อมีการจับสลากแล้ว ผู้สมัครรวมทั้ง Voter ก็จะทราบชื่อกลุ่มไขว้ และจะลงคะแนนให้กับผู้ใดในกลุ่มใด และสามารถลงคะแนนให้กับเป้าหมายของตนอย่างถูกต้องไม่ผิดพลาด แต่เนื่องจาก ก่อนการไปห้องลงคะแนนทางผู้อำนวยการเลือกตั้งได้ประกาศด่วน ห้ามนำเอกสารใด ๆ ติดตัวเข้าไปในห้องลงคะแนนด้วย จึงทำให้ Voter บางคนที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนจดข้อมูลไปด้วยหรือจดด้วยอาการรีบร้อนทำให้จดผิดจดถูก ประกอบกับผู้สมัครบางรายไม่ได้ศึกษาข้อมูลแบบข้อมูลแนะนําตัว (แบบ สว.3) ที่ทางกองอำนวยการฯ แจกใหม่อย่างทั่วถึง มีบางรายแอบดูโพยที่จดเข้าไป แล้วเข้าไปลงคะแนนในคูหาโดยไม่ได้ดูข้อมูลที่แท้จริง จึงทำให้เกิดบัตรเสียเป็นจำนวนมาก ส่วนมากไปลงคะแนนหมายเลขที่ไม่มีสิทธิในการลงคะแนน เพราะไม่ดู แบบสว.3 แต่ลงไปตามโพย หรือบางรายลงคะแนนแบบไม่ปราณีต (ลงแบบลวกๆ โดยลงเบอร์เดียวกันช้ำใน 2 ช่อง โดยมีข้อสังเกตว่าในบัตรเสียเกือบทั้งหมด มักเป็นบัตรที่ลงเลขหมายชุดเดียวกันกับบัตรดีของผู้ที่ได้คะแนนสูงของแต่ละกลุ่มที่ได้รับ
และการลงคะแนนในรอบไขว้นี้ กลุ่มที่จัดตั้งมาที่ไขว้กันได้เกือบทุกกลุ่มนั้น จะมีการลงคะแนนให้กับเป้าหมายของตนอย่างสอดคล้องกัน เช่น บัตรผู้ลงคะแนนจากกลุ่ม 14 สตรี ลงให้กลุ่ม 2 กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ใน 5 ช่องมักจะมีเลข เช่น20 55 124 110 124 / 20 54 124 110 125 136 ก็จะมีบัตรลงคะแนนหลายบัตร ลงคะแนนในหมายเลขเดียวกัน เพียงแต่บางบัตร อาจสลับที่ของหมายเลขเท่านั้น
และเช่นเดียวกับกลุ่ม 2ไปไข้ว้กับกลุ่ม 14 ในคราวเดียวกัน Voter จากกลุ่ม 19 ผู้ประกอบกิจการอื่น จะลงคะแนนให้เป้าหมายในกลุ่ม 2 ในหมายเลขชุดเดียวกัน เช่น 20 55 129 110 124 / 20 55 110 124 136 การดำเนินการเพื่อที่จะหาเครือข่ายความเชื่อมโยงเชิงสัมพันธ์กันของผู้สมัครแต่ละรายสามารถดำเนินการได้โดยใช้การดำเนินการเช่นเดียวกับการเลือกรอบเช้า แล้วผลที่ได้ นี้ ให้ไปเปรียบเทียบกับแผนผังความเชื่อมโยงที่ได้จากการดำเนินการในการเลือกกลุ่มเดียวกัน แล้วจะพบว่าองค์การที่เป็น Master Mind นี้ มีลักษณะเป็นเช่นใดและใครที่ทำหน้าที่ Voter
ทีั้งนี้ Voter ที่พบตาม สามารถดูได้จาก แบบ สว. 3 ว่าคือใคร ส่วนมากพิจารณาจากแบบ สว. 3 แล้วเขียนประสบการณ์ เพียง 1 บรรทัด พร้อมกับการสืบสวนไปถึงภูมิลำเนา ก็อาจขยายผลไปถึงผู้บงการได้
โดยผู้ที่ผ่านการลงคะแนนว่าอยู่ในจำนวน 10 คน ของแต่ละกลุ่มนั้น รวมทั้งผู้ที่เป็นลำดับสำรองนั้นบางราย ส่วนมากมีลักษณะการได้มาชื่งคะแนนตามที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งขัดต่อ พ.ร.ป. สว. 2561 มาตรา 30 (4)
@คนได้เป็นตัวจริง เขียนคุณสมบัติเพียงบรรทัดเดียว
นอกจากนี้ ยังมีข้อพิจารณาถึงคุณสมบัติที่เหมาะสมของผู้ที่ผ่านการลงคะแนนได้ลำดับ 1-10 ซึ่งจะไปทำหน้าที่เป็น สว. โดยให้ข้อมูลส่วนตัวและประวัติการศึกษาน้อยมาก และเขียนประสบการณ์ทำงานเพียงแค่บูรรทัดเดียว หากปราศจากการลงคะแนนโดยไม่มีการจัดตั้งเป็นระบบดังที่กล่าวแล้ว ไม่สามารถพิจารณาเดียวกันหรือต่างกลุ่ม ทำให้การเลือกลงคะแนน สว. ครั้งนี้ไม่สุจริตและเที่ยงธรรม
@บุรีรัมย์ ร้องฮั้วเลือก สว. บุรีรัมย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อีกด้านหนึ่ง กลุ่มผู้สมัคร สว.บุรีรัมย์ 15 คน ยื่นหนังสือถึงผู้อำนวยการคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดบุรีรัมย์ ขอให้ตรวจสอบผลการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาระดับจังหวัด ย้อนหลังเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2567 ว่ามีการฮั้วการเลือกตั้งหรือไม่ และให้ตรวจสอบการเข้าพักที่โรงแม เทพนครและที่โรงแรมสกายวิวรีสอร์ทในวันที่ 14-15 มิถุนายน 2567 ที่มีการจองที่พักจำนวนมากโดยชื่อจองคนๆเดียว
ผู้ร้องทั้ง 15 คน บรรยายพฤติการณ์ว่า เห็นความผิดสังเกตจากการจองที่พักจำนวนหลายสิบห้องโดยบุคคลคนเดียวกันในช่วงก่อนวันเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในระดับจังหวัดจะมาถึงในช่วงวันที่ 14-15 มิถุนายน 2567 หลังจากการเลือกตั้งระดับจังหวัดเสร็จสิ้นได้สังเกตเห็นความผิดปกติ ที่น่าสงสัย อันเป็นเหตุแห่งการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในระดับจังหวัดครั้งนี้สอไปในทางฮั่วและสมยอมโดยมีบุคคลมีคะแนนเป็น 0 จำนวนมากในรอบแรก การเลือกกันเองในกลุ่มโดยไม่เลือกตัวเองยอมเทคะแนนให้คนอื่นทั้งหมดซึ่งผิดปกติวิสัย
ข้อสังเกตจากการเทคะแนนให้บุคคลแค่สองคนในกลุ่มที่ได้คะแนนสูงสุดในกลุ่มคือลำดับที่ 1 และ 2ของกลุ่มในรอบแบ่งกลุ่ม และเมื่อการเลือกสมาชิกวุฒิสภาเข้าสู่รอบไขว้ ซึ่งการไขว้ต้องจับฉลากเพื่อแบ่งสายจะไม่รับรู้ล่วงหน้าได้เลยว่า แต่ละกลุ่มแต่ละสายไหนจะมาเจอกันเพราะเป็นการจับฉลากที่หน้าหน่วยเลือกตั้งเท่านั้น เมื่อจับนฉลากเสร็จจึงจะได้รู้ตอนนั้นว่าจากการจับฉลากกลุ่มของตนเองแต่ละกลุ่มอยู่สายไหนบ้าง และเมื่อมีการเลือกไซว้ต่างสายต่างกลุ่มและได้ผลการเลือกตั้งผู้ที่ผ่านการเลือกเป็นตัวแทนในระดับจังหวัดเพียงแค่สองคนเท่านั้นคือระดับผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดลำดับที่ 1 และ 2 เท่านั้น
ทั้งนี้ บุคคลแต่ละกลุ่มที่ผ่านการเลือกเป็นตัวแทนในระดับจังหวัดกลุ่มละ 2 คนรวม 20 คน มีผลปรากฏว่า ที่ได้ลำดับที่ 1 และ 2 มีผลไปตรงกับการคัดเลือกกันเองในกลุ่มที่ไห้คะแนนลำตับสูงสุดที่ 1 และ 2 ทั้งหมดทั้ง 20 กลุ่มโดยไม่มีผิดเพี้ยนไปแต่ประการใดเลย ทั้งที่ได้มีกระบวนการเลือกไขว้มาเป็นการกระบวนการเลือกใหม่ในระดับกลุ่มแล้วผลไม่มีเปลี่ยนแปลง ยังมีผลการเลือกผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดในระดับกลุ่มที่ 1 และ2 เช่นเดิม
ดังนั้น ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเมื่อเหตุเป็นเช่นนี้ ชี้ชัดได้ว่ามีการฮั้วและสมยอมกันในการเลือกตั้งแต่ระดับกลุ่มระดับเลือกไขว้ทั้งหมด เป็นที่น่าสังเกตว่าทำไมในรอบไขว้จึงมีการเลือกได้ตรงกันทั้งหมดทั้งที่ไม่ได้รับรู้มาล่วงหน้าว่าจะจับฉลากเจอกันในกลุ่มไหน ในคูหาการเลือกตั้งไม่มีผู้ใดจะถือโทรศัพท์อุปกรณ์สื่อสารอื่นเข้าไปได้เลย มีเพียงเจ้าหน้าที่แต่ละจุดแต่ละหน่วยเท่านั้น ที่เกี่ยวข้องและน่าสงสัย
เพื่อให้การทำงานของกกต.เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อเหตุแห่งความยุติธรรมและเพื่อให้การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดบุรีรีมย์ ในครั้งนี้ มีความโปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม ตรรจสอบได้จึงร้องเรียนให้คณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดบุรีวัมย์ ปฏิบัติ และดำเนินการสอบสวนและสืบสวน ตรวจสอบดังนี้
1. ตรวจสอบว่าการจอง ห้องพักที่โรงแรมเทพนคร และโรงแรมสกายวิววีสอรัท ตั้งแต่วันที่ 14-15 มิถุนายน 2567 เหตุใดคนเพียงคนเดียวจองห้องชุดเป็นสิบห้องเพื่อให้บุคคลเข้าพักจำนวนมากก่อนการเลือกตั้งระดับจังหวัดในวันที่ 16 มิถุนายน2567 และในวันเลือกตั้งระดับจังหวัดมีการจัดกินเลี้ยงที่ห้องอาหารแบบบุฟเฟ่ต์พร้อมๆกันในช่วงเวลา 8. 00 น.ที่ชั้นล่างคล้ายการจัดงานเลี้ยงกันหรือไม่
2. ให้กกต.ตรวจสอบบุคคลที่มีคะแนนเป็น 0 จากการเทคะแนนให้บุคคลอื่นทั้งหมดซึ่งมีผลตรงกันจนถึงรอบเลือกไซว้ เป็นการสมยอมเป็นการฮั้วการเลือกตั้งหรือไม่
3. ให้กกต.ตรวจสอบผู้ ที่ได้คะแนนสูงสุด อันตับที่ 1 และ 2 ว่ามีท่านใดบ้างและเหตุใดบุคคลเหล่านี้จึงมีคะแนนมากกว่าคนอื่นในกลุ่ม และบุคคลที่ได้คะแนน ในอันดับ ที่ 1 และ 2 ของทุกกลุ่มที่ผ่านเข้าสู่การเลือกในระดับจังวัดไปสู่การคัดเลือกระดับประเทศ โดยให้การเปรียบเทียบว่าคะแนนตรงกันคือได้คะแนนที่ 1 และที่ 2 ตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มและเลือกไขว้ โดยไม่มีข้อผิดเพี้ยนใดเลย
4. จากผลแห่งการสมยอมฮั่วกันในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาในครั้งนี้ให้ กกต.จังหวัดประกาศให้การเลือกเป็นโมฆะ