ครม.รับทราบข้อเสนอแนะ ‘ป.ป.ช.’ ป้องกัน-แก้ไขปัญหาการทุจริตในอุตสาหกรรมแร่ แนะรัฐบาลจ้างเอกชน ‘สำรวจแร่’ แทนการให้ ‘อาชญาบัตรสำรวจแร่’ จัดทำข้อมูล 'สิ่งแวดล้อม-สุขภาพประชาชน' รอบเหมือง ก่อนอนุญาต 'ประทานบัตร'
..........................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในอุตสาหกรรมแร่ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เสนอ พร้อมทั้งมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับเรื่องนี้ไปพิจารณา และส่งเรื่องกลับมาให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน 30 วัน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2567 ป.ป.ช. มีมติเห็นชอบให้เสนอมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในอุตสาหกรรมแร่ต่อ ครม. เนื่องจากที่ผ่านมา ป.ป.ช. ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาสุ่มเสี่ยงต่อการทุจริตในอุตสาหกรรมแร่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ และสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก จึงได้ศึกษาวิเคราะห์สภาพปัญหาการทุจริตในอุตสาหกรรมแร่ ภายใต้บริบทตาม พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2560 เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในอุตสาหกรรมแร่ โดยครอบคลุมตั้งแต่การขออาชญาบัตรเพื่อสำรวจแร่ จนถึงการปิดเหมือง
สำหรับมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในอุตสาหกรรมแร่ ประกอบด้วย
1.ช่วงการสำรวจแร่ (ตั้งแต่การขออาชญาบัตร การสำรวจแร่ และภายหลังสำรวจแร่) มีข้อเสนอแนะ ดังนี้
1) ประกาศหรือกำหนดระเบียบ ให้พื้นที่ที่รัฐจัดสรรหรือออกให้ประชาชนเพื่อทำการเกษตรกรรม เช่น ที่ดิน ส.ป.ก. หรือที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 ให้เป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับทำการสำรวจแร่ และทำเหมืองทุกชนิด
2) ให้การสำรวจแร่เป็นอำนาจและหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ทำการสำรวจแร่ ทั้งนี้ รัฐอาจจ้างภาคเอกชนดำเนินการ แทนการให้ภาคเอกชนรับอาชญาบัตรสำรวจแร่จากรัฐเหมือนเช่นที่ผ่านมา
3) ให้มีการดำเนินการกำหนดคำนิยามของคำว่า “พื้นที่แหล่งต้นน้ำหรือป่าน้ำซับซึม” ที่ชัดเจนไว้เป็นแนวทางสำหรับการปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง พร้อมกำหนดหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
4) พิจารณาเสนอเพิ่มเติมกฎหมายให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในช่วงการขออาชญาบัตร เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนอย่างแท้จริง
5) ขอประกาศหรือกำหนดระเบียบ โดยกำหนดว่า พื้นที่ใดจะมีการทำเหมือง พื้นที่นั้นควรได้รับ การรับรองเส้นแนวเขตในโซนเป็นที่ยุติของปัญหาการทับซ้อนกันของพื้นที่แล้ว
6) พื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้ทำการสำรวจแร่ ให้เปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนรับทราบและตรวจสอบได้ และติดป้ายประชาสัมพันธ์แบบถาวรในพื้นที่เป็นจุดๆ โดยแสดง รายนามผู้ได้รับอนุญาต จำนวนพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต ระยะเวลาเริ่มต้น - สิ้นสุดการสำรวจแร่ วิธีการสำรวจ และชนิดแร่ที่ได้รับอนุญาตให้ทำการสำรวจ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการในลักษณะเดียวกันกับพื้นที่ที่อนุญาตให้ทำเหมืองด้วย
2.ช่วงการประทานบัตร (ตั้งแต่ก่อนทำเหมืองแร่ ระหว่างทำเหมือง และหลังปิดเหมือง) มีข้อเสนอแนะ ดังนี้
1) การรับฟังความเห็นของชุมชนในพื้นที่ไม่ครอบคลุมทุกภาคส่วน มีรัศมีครอบคลุมพื้นที่ไม่เหมาะสม ให้หน่วยงานพิจารณาแก้ไขประกาศ ระเบียบ ที่เกี่ยวข้องกับการรับฟังความเห็น โดยกำหนดให้ประกาศเผยแพร่ให้ประชาชน นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนภายนอกพื้นที่ สามารถเข้าร่วมรับฟังความคิดเห็นและคัดค้านได้
2) ให้ดำเนินการติดตามและตรวจสอบการเข้าร่วมลงทุนของนักลงทุนต่างชาติโดยพิจารณาการลงทุนทั้งจากหุ้นโดยตรง หุ้นแฝง และการโอนเงินของผู้เกี่ยวข้องที่มีลักษณะของธุรกรรมอำพรางอย่างเคร่งครัด
3) การจัดทำรายงาน EIA/EHIA ควรให้มีการเผยแพร่รายงานเป็นระยะๆ และนำรายงานฉบับสมบูรณ์ลงเว็บไซต์ เพื่อให้ประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบ พร้อมทั้งควรกำหนดรอบเวลาให้โครงการทำการทบทวน EIA/EHIA และปรับปรุงมาตรการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที
ที่เป็นปัจจุบัน
4) การรายงานผลประกอบการ ควรพิจารณาแก้ไขระเบียบและแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการแจ้งรายงานการทำเหมือง โดยกำหนดให้ผู้ถือประทานบัตรใช้การรังวัดแสดงพิกัดการทำเหมืองเพื่อรายงานปริมาณการผลิตแร่ ด้วยการใช้ระบบแสดงพิกัดการทำเหมืองโดยใช้ GPS (Global Positioning System) ควบคู่กับการใช้อากาศยานไร้คนขับ Drone
5) เสนอแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กำหนดอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานในการเฝ้าระวังดูแล หรือตรวจสอบผลกระทบอันอาจเกิดจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ ทั้งภายในและภายนอกพื้นที่ประทานบัตรให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
6) ให้มีการจัดทำข้อมูลพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน (Base Line Data) โดยรอบเหมืองเป็นฐานข้อมูลไว้ก่อนอนุญาตประทานบัตร
7) ให้มีการจัดทำรายงานการประเมินสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนโดยรอบเหมือง ทุก 6 เดือน
8) ควรจัดให้มีป้ายประกาศ ณ บริเวณพื้นที่ทำเหมืองในพื้นที่ที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ให้ประชาชนได้รับทราบว่าการทำเหมืองนั้น ทำในพื้นที่ของหน่วยงานใด เริ่มต้นและสิ้นสุดลงเมื่อใด และทำการส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคประชาชนและภาคส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง สอดส่องดูแลมิให้มีการทำเหมืองแร่โดยผิดกฎหมาย
9) ควรกำหนดแผนการใช้ประโยชน์พื้นที่เหมืองแร่หลังปิดเหมืองกลับมาใช้ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจที่ชัดเจน
3.การใช้กระบวนการอนุญาโตตุลาการในการแก้ไขปัญหาการทุจริตของนักลงทุนต่างประเทศ
กรณีคำจำกัดความของคำว่า “นโยบายสาธารณะ” ยังไม่มีความชัดเจน เห็นควรทำการหารือร่วมกับนานาประเทศ เพื่อผลักดันให้มีคำนิยามที่ชัดเจนว่า “การขัดต่อนโยบายสาธารณะ” มีความหมายครอบคลุมถึงกรณีที่นักลงทุนต่างประเทศมีการทุจริต หรือมีการดำเนินการใดที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม หรือสุขภาพอนามัยของประชาชน
พร้อมทั้งเสนอให้มีการเพิ่มเติมคำนิยามดังกล่าวลงในภาคผนวกของอนุสัญญานิวยอร์ก และข้อตกลงการลงทุนระหว่างประเทศประเภทต่างๆ ให้ชัดเจนไว้เป็นเงื่อนไขของการที่จะให้ต่างประเทศที่เข้ามาลงทุน นั้น ไม่มีสิทธิมาฟ้องร้องกรณีมีการทุจริต หรือมีการดำเนินการใดที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม หรือสุขภาพอนามัยของประชาชน