ป.ป.ช.ชี้มูลอดีต นายกฯ อบต.หนองไผ่ล้อม ใน จ.นครราชสีมา เหตุนำรถหลวงไปใช้ส่วนตัว เผยพฤติการณ์ปลายปี 57-ต้นปี 58 เจ้าตัวใช้ลูกน้องขับพาไปทำธุระส่วนตัวช่วงวันหยุดในพื้นที่โคราช กรุงเทพฯ พร้อมเบิกค่าน้ำมัน 3 พันบาท
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวว่าเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด นายไพบูลย์ พฤกษ์พนาเวศ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลหนองไผ่ล้อม อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา นำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวโดยมิชอบ
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า นายไพบูลย์ พฤกษ์พนาเวศ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลหนองไผ่ล้อม อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา สั่งการและอนุญาตให้พนักงานจ้างซึ่งทำหน้าที่ขับรถยนต์ส่วนกลาง ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ หมายเลขทะเบียน กน 2936 นครราชสีมา จัดทำบันทึกลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2556 ขออนุญาตเก็บรักษารถยนต์ส่วนกลางไว้ที่บ้านพักของพนักงานจ้างรายดังกล่าว ทั้งที่ไม่ได้มีราชการจำเป็นเร่งด่วน และเทศบาลตำบลหนองไผ่ล้อม มีสถานที่เก็บรักษาปลอดภัยเพียงพอและในช่วงระหว่างวันที่ 13 – 14 ธันวาคม 2557 และวันที่ 14 – 15 กุมภาพันธ์ 2558 ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ นายไพบูลย์ พฤกษ์พนาเวศ ได้มีคำสั่งให้พนักงาน จ้างนำรถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าว ขับพาตนเองไปทำธุระส่วนตัว ในเขตจังหวัดนครราชสีมาและในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และอนุมัติให้เบิกจ่ายเงินค่าน้ำมันเชื้อเพลิงจากเทศบาลตำบลหนองไผ่ล้อม รวมเป็นเงินจำนวน 3,235 บาท เป็นเหตุให้เทศบาลตำบลหนองไผ่ล้อมได้รับความเสียหาย
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีเห็นว่า การกระทำของนายไพบูลย์ พฤกษ์พนาเวศ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งสำนวนการไต่สวน และเอกสารหลักฐาน พร้อมความเห็นไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน เพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณี และให้แจ้งผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไปตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด