เผยมติ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด พันตำรวจตรี วรภาส หรือ นพรัตน์ บุญศรี อดีตรองอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิฯ จังหวัดสระบุรี กรณีติดสินบนเจ้าพนักงานศุลกากรประจำสำนักงานศุลกากร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ช่วยเหลือกลุ่มบุคคลลักลอบนำนอแรด 12 ชิ้น มูลค่ากว่า 170 ล้านบาท เข้ามาในราชอาณาจักร ไม่ให้ต้องถูกดำเนินคดีอาญา -หลังโดนโทษจำคุก 4 ปี ไปแล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.2567 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ข่าวชี้มูลความผิด กรณีกล่าวหา พันตำรวจตรี วรภาส หรือนายนพรัตน์ บุญศรี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดสระบุรี ให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงานศุลกากรประจำสำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อช่วยเหลือให้ไม่ต้องเปิดกระเป๋าเดินทางที่ภายในบรรจุนอแรด มูลค่ากว่า 170 ล้านบาท
นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2560 พันตำรวจตรี วรภาส หรือนายนพรัตน์ บุญศรี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดสระบุรี ได้เสนอให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงานศุลกากร ประจำสำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อช่วยเหลือกลุ่มบุคคลผู้ลักลอบนำนอแรดคละขนาด จำนวน 12 นอ/ชิ้น น้ำหนักรวม 49.4 กิโลกรัม เข้ามาในราชอาณาจักร ไม่ให้ต้องถูกดำเนินคดีอาญา
การกระทำของพันตำรวจตรี วรภาส หรือ นายนพรัตน์ บุญศรี จึงเป็นการให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่า การกระทำของพันตำรวจตรี วรภาส หรือนายนพรัตน์ บุญศรี มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/5 วรรคหนึ่ง (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 176) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญา ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) สำหรับมูลความผิดทางวินัย เนื่องจากคณะกรรมการอัยการ ได้มีคำสั่งลงโทษไล่ออกพันตำรวจตรี วรภาส หรือนายนพรัตน์ บุญศรี เหมาะสมตามควรแก่กรณีแล้ว จึงไม่มีเหตุ ให้ต้องส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยอีก
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
สำหรับคดีนี้ เคยปรากฏเป็นข่าวดังในช่วงปี 2560 เจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ร่วมกับตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เข้าตรวจยึด “นอแรด” จำนวน 21 ชิ้น น้ำหนักเกือบ 50 กิโลกรัมที่ถูกนำใส่กระเป๋าสัมภาระ ได้ที่สนามบินสวุรรณภูมิมูลค่า 170 ล้านบาท โดยพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย เจ้าหน้าที่ระดับสูงสังกัดกระทรวงยุติธรรมคนหนึ่งเดินประกบกระเป๋าพร้อมกับผู้หญิงอีก 2คน แต่หลบหนีไป
จากนั้น สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ออกเอกสารข่าวระบุว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นหนึ่งในบุคคลที่ปรากฎคือ พันตำรวจตรีวรภาส บุญศรี รองอัยการจังหวัด คุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมาย และการบังคับคดีจังหวัดสระบุรี โดยร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริการ อัยการสูงสุด ในขณะนั้น เห็นว่าการจับกุมดังกล่าวเป็นขบวนการที่สำคัญ ทางพนักงานสอบสวนเชื่อว่าเป็นขบวนการลักลอบขนนอแรดจำนวนมาก มีมูลค่าสูง และเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ซึ่งจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของสำนักอัยการสูงสุด จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมปรับย้าย พันตำรวจตรี วรภาส เป็นอัยการประจำสำนักสูงสุด สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีแพ่งกรุงเทพใต้ 3 สำนักงานคดีแพ่งกรุงเทพใต้ ให้มีผลตั้งแต่ 3 เม.ย.2560 (อ้างอิงข่าวส่วนนี้จาก https://www.thaipbs.or.th/news/content/260913)
ต่อมาเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2561 ศาล จ.สมุทรปราการ พิพากษา จำคุก นางฐิติรัตน์ อาราอิ น.ส.กานต์สินี อนุตรานุศาสตร์ และนายวรภาส บุญศรี (หรือ พันตำรวจตรี วรภาส หรือ นพรัตน์ บุญศรี) คนละ 4 ปี ไม่รอลงอาญา ในคดีร่วมกันนำหรือพาของต้องจำกัดหรือของต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือเกี่ยวข้องด้วยประการใด ๆ ในการหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียค่าภาษีศุลกากร และร่วมกันนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งซากสัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันนำซากสัตย์เข้ามาในราชอาณาจักร ไปแล้ว
ส่วนการชี้มูลความผิด พันตำรวจตรี วรภาส หรือ นพรัตน์ บุญศรี อดีตรองอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิฯ จังหวัดสระบุรี ของป.ป.ช.ในคดีนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการให้สินบนเจ้าพนักงานศุลกากรประจำสำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อช่วยเหลือให้ไม่ต้องเปิดกระเป๋าเดินทางที่ภายในบรรจุนอแรด ดังกล่าว