'จิรภพ'สั่งย้าย 4 ตำรวจน้ำเข้า บช.ก. หลังเหตุเรือเก็บน้ำมันเถื่อน 3 ลำหายที่ชลบุรี คิดเป็นปริมาณ 3.3 แสนลิตร ด้าน 'บิ๊กเต่า' คาดเรือข้ามไปกัมพูชา เพราะมีเป้าหมายกบดานอยู่ เตรียมฟัน ม. 157 จนท.ผู้รับผิดชอบ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันี่ 13 มิ.ย. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ลงนามคำสั่งในหนังสือคำสั่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ 131/2567 ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.รน. จำนวน 4 นาย โดยให้ทั้ง 4 นายย้ายมาช่วยราชการ ปฏิบัติหน้าที่ประจำศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ ศปก.บช.ก. โดยให้ขาดจากต้นสังกัด มีผลนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.รน. ทั้ง 4 นาย ที่ถูกสั่งให้มาประจำการอยู่ที่ ศปก.บช.ก. นั้น ประกอบด้วย พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.5 บก.รน., พ.ต.ท.กอบชัย โตอ่อน สว.ส.รน.3 กก.5 บก.รน., ส.ต.อ.ธรรมรัตน์ เล็กมนตรา ผบ.หมู่ ส.รน.3 กก.5 บก.รน., ส.ต.ท.อภิชาติ จันทร์หนู ผบ.หมู่ ส.รน.3 กก.5 บก.รน.
สำหรับการเซ็นคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำทั้ง 4 รายดังกล่าว สืบเนื่องมาจากกรณีเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.2567 ได้ตรวจพบว่า เรือของกลางพร้อมน้ำมันเถื่อนของกลางบรรจุภายในเรือ จำนวน 3 ลำ ประกอบด้วย 1.เรือ เจ.พี. บรรจุน้ำมันเถื่อน ประมาณ 80,000 ลิตร พร้อมลูกเรือจำนวน 7 คน 2.เรือซีฮอด บรรจุน้ำมันเถื่อน ประมาณ 150,000 ลิตร พร้อมลูกเรือจำนวน 6 คน 3.เรือดาวรุ่ง บรรจุน้ำมันเถื่อน ประมาณ 100,000 ลิตร พร้อมลูกเรือจำนวน 5 คน ได้หายไปจากจุดทิ้งสมอ ใน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งกองบังคับการตำรวจน้ำ มีคำสั่งที่ 731/2567 ลงวันที่ 12 มิ.ย.2567 แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นแล้ว
ต่อมา พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้มีลงนามคำสั่ง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ 132/2567 ให้ พ.ต.อ.ขจรยศ ทรงประดิษฐ์ ผบ.เรือ(สบ.4) กรต.บก.รน. มารักษาราชการ ผกก.5 บก.รน. เช่นเดียวกับให้ พ.ต.ท.สมมาตร เสือบัว สว.ส.รน.4 กก.5 บก.รน. รักษาราชการตำแหน่ง สว.ส.รน.3 บก.รน. และ ให้ พ.ต.ต.ณัฐพงศ์ จิตสุวรรณ สว.ประจำ บก.รน. มารักษาราชการในตำแหน่ง สว.ส.รน.4 กก.5 บก.รน. จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
สำนักข่าวอิศรารายงานข่าวเพิ่มเติมว่าก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.จิรภพได้เซ็นคำสั่งย้าย พ.ต.ท.อาจินต์ วังวรรธนะ รอง ผกก.5 บก.รน.ด้วย ก่อนที่จะถอนคำสั่งย้าย พ.ต.ท.อาจินต์ ออกเพราะ ไปราชการต่างประเทศ
ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ จเรตำรวจ (สบ.8) พร้อมด้วย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการ ตำรวจสอบสวนกลาง พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.5 บก.รน. ได้เดินทางตรวจสอบรับทราบข้อเท็จจริง และติดตามผลความคืบหน้า กรณีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนสูญหายที่ชลบุรี
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ ได้รับมอบหมายจาก ผู้บัญชาการ ตำรวจสอบสวนกลาง ให้ตั้งคณะทำงาน ดูแลในเรื่องนี้ โดยให้ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกับ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เข้ามาดำเนินการสืบสวน สอบสวน ติดตามผู้กระทำความผิด ซึ่งเชื่อว่า มีผู้บงการสั่งการอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน ซึ่งแนวทางการสอบสวน เรือทั้ง 3 ลำ ที่ถูกโจรกรรมไปนั้น เป็นเรือผิดกฎหมาย ไม่มีทะเบียนเรือทั้งหมด และมีน้ำมันของกลางอยู่ในลำเรือรวม 330,000 ลิตร เชื่อว่า ผู้เป็นเจ้าของตัวจริง คือ เสี่ยโจ้ อยู่ระหว่างการสอบสวนว่า มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พร้อมดำเนินคดีตามกฏหมายกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกราย ไม่ว่าจะเป็นผู้ก่อเหตุ หรือเจ้าหน้าที่รัฐ และเตรียมออกหมายจับผู้อยู่ในเรือทั้งหมด ยังไม่แน่ชัดว่ากี่ราย
ส่วนสาเหตุที่คาดการณ์ว่าเรือทั้ง 3 ลำ จะหลบหนีมุ่งหน้าไปทางจังหวัดตราด ข้ามไปยังฝั่งชายแดนกัมพูชานั้น เนื่องจากว่า มีข้อมูลของบุคคลเป้าหมายกบดานอยู่ที่นั่น ตลอดจน พื้นที่น่านน้ำกัมพูชา ห่างจากชายฝั่งอำเภอสัตหีบ ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ ออกไปเพียงแค่ 120 ไมล์ทะล หรือ 240 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 ชม. ยังไม่มีรายงานการพบเรือที่แน่ชัด ยังคงดำเนินการค้นหาในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของการทำงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจน้ำ 3 ชุดที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลของกลาง ยอมรับว่า มีความบกพร่อง ผู้ที่ละเลยไม่ปฏิบัติตาม ก็จะเข้าข่ายมาตรา 157 แต่หากพบมีส่วนเกี่ยวข้องช่วยเหลือสนับสนุนผู้กระทำความผิด ก็จะเข้าข่ายความผิดมาตรา 147 ด้วย