ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'เดชาวัต แสงเพียงจันทร์' อดีตผอ.กองสาธารณสุขสิ่งแวดล้อม เทศบาลตำบลนครชุม กำแพงเพชร เบิกจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงรถบรรทุกขยะเป็นเท็จ ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 6 พิพากษาลงโทษจำคุก 15 ปี 20 เดือน พวก 1 ราย โดน 10 ปี 10 เดือน 200 วัน ชดใช้เงิน 1,314,795.76 บาท
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายเดชาวัต แสงเพียงจันทร์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลตำบลนครชุม จังหวัดกำแพงเพชร กับพวก คือ นายประเสริฐ อิ่มมาก เบิกจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรถบรรทุกขยะของเทศบาลนครชุมเป็นเท็จ ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทาง อาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 151 และ 157 ประกอบมาตรา 86 และ 91 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 ส.ค.2565
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 28 ก.พ.2567 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 มีคำพิพากษาว่า นายเดชาวัต แสงเพียงจันทร์ จำเลยที่ 1 นายประเสริฐ อิ่มมาก จำเลยที่ 2 มีความผิดตามกฎหมาย
ลงโทษ จำคุก นายเดชาวัต แสงเพียงจันทร์ จำเลยที่ 1 กระทงละ 3 ปี 4 เดือน รวม 5 กระทง คงจำคุก 15 ปี 20 เดือน
จำคุก นายประเสริฐ อิ่มมาก จำเลยที่ 2 กระทงละ 2 ปี 2 เดือน 40 วัน รวม 5 กระทง คงจำคุก 10 ปี 10 เดือน 200 วัน
ให้จำเลยทั้งสอง รวมกันคืนน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดดีเซล จำนวน 47,121.71 ลิตร หรือชดใช้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเงินจำนวน 1,314,795.76 บาท แก่เทศบาลตำบลนครชุมผู้เสียหาย
อย่างไรก็ดี คดีนี้ยังไม่สิ้นสุดจำเลยทั้งสอง มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2567 ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบตามความเห็นอัยการสูงสุด (อสส.) ที่จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษา
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ