ราชกิจจานุเบกษา แพร่ประกาศเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 6 อดีตดาบตำรวจ เหตุกระทำผิดขณะรับราชการ ถูกลงโทษทางวินัย-อาญา
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2567 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา แพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่อดีตข้าราชการตำรวจสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 6 ราย ได้รับพระราชทานทุกชั้นตรา เนื่องจากได้กระทำความผิดในขณะรับราชการและถูกลงโทษทางวินัยและอาญา ตามข้อ 6 ข้อ 7 (2) และ (4) ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. 2548 ดังนี้
1. นายปพนเดช นวลสี ขณะดำรงชั้นยศดาบตำรวจ ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ (งานคดี)
(สอบสวน) สถานีตำรวจนครบาลบางมด กองบัญชาการตำรวจนครบาล ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2563 เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่าสิบห้าวัน โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรและไม่กลับมาปฏิบัติหน้าที่อีกเลยตามมาตรา 79 (2) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเบญจมาภรณ์มงกูฎไทย และเหรียญทองช้างเผือก
2. นายศิริมงคล กองสุข ขณะดำรงชั้นยศดาบตำรวจ ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ งานจราจร
สถานีตำรวจนครบาลธรรมศาลา กองบัญชาการตำรวจนครบาล ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2561 เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 79 (5) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 และเป็นผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2562 ฐานฆ่าผู้อื่น ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นฐานบุกรุกโดยมีอาวุธปืนในเวลากลางคืน และฐานพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยเปิดเผยและโดยไม่มีเหตุสมควร ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย เหรี่ยญทองช้างเผือก และเหรียญจักรมาลา
3. นายสุพจน์ บุญทิพย์ ขณะดำรงชั้นยศดาบตำรวจ ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ งานป้องกันปราบปราม
สถานีตำรวจนครบาลบุคคโล กองบัญชาการตำรวจนครบาล ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2563 เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ ละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการโดยไม่มีเหตุอันสมควร เป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และกระทำหรือละเว้นการกระทำใด ๆ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรงตามมาตรา 79 (1) (2) (5) และ (6) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 และเป็นผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเหรียญทองช้างเผือก
4. นายปริญญา จิตต์หาญ ขณะดำรงชั้นยศดาบตำรวจ ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ งานสืบสวน
สถานีตำรวจนครบาลบวรมงคล กองบัญชาการตำรวจนครบาล ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2560 เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ และกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงอันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 79 (1) และ (5) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 และเป็นผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2566 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญทองช้างเผือก
5. นายสมคิด กลิ่นบุญแก้ว ขณะดำรงชั้นยศดาบตำรวจ ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ กองร้อยที่ 1
กองกำกับการอารักขา 1 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน กองบัญชาการตำรวจนครบาลถูกลงโทษปลดออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม 2562 เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานกระทำความผิดอาญาจนได้รับโทษจำคุกหรือโทษที่หนักกว่าโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก หรือให้รับโทษที่หนักกว่าโทษจำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ และกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 79 (4) และ (5) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 และเป็นผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2562 ฐานฆ่าผู้อื่น ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และโดยไม่มีเหตุสมควร ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเหรียญทองช้างเผือก
6. นายเอกอนันต์ พันธุวัฒนา ขณะดำรงชั้นยสดาบตำรวจ ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ ฝ่ายอำนวยการ 7
กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2561 เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่าสิบห้าวัน โดยไม่มีเหตุอันสมควรหรือโดยมีพฤติการณ์ อันแสดงถึงความจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ ตามมาตรา 79 (2) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 และเป็นความผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง ตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วยกรณีที่เป็นความผิดที่ปรากฎชัดแจ้ง พ.ศ. 2547 ข้อ 3 (2) ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย เหรียญทองช้างเผือกและเหรียญจักรมาลา
ทั้งนี้ บุคคลทั้ง 6 ราย เป็นผู้ถูกถอนชื่อออกจากรายชื่อผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแล้ว
ประกาศ ณ วันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2567
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
เศรษฐา ทวีสิน
นายกรัฐมนตรี
ดูประกาศฉบับเต็ม: https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/32759.pdf