'สมศักดิ์' ติดตามปัญหาขอใบอนุญาตช้า ด้าน อย.เผยปรับลดขั้นตอนได้แล้ว 58.41% - ม็อบบุกทำเนียบ ค้านดึงกัญชากลับเป็นยาเสพติด ย้ำต้องใช้กฎหมายควบคุมเฉพาะ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า รู้สึกประทับใจที่ได้ร่วมขับเคลื่อนงานกับ อย. เพราะมีบทบาทสำคัญในทางการแพทย์ แต่ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า บางเรื่องที่ อย.ดำเนินการ สังคมภายนอกยังไม่ค่อยเข้าใจ ตนจึงขอให้ช่วยทำความเข้าใจกับสังคมด้วยว่า อย.ขับเคลื่อนงานอะไรแล้วบ้าง เช่น การลดขั้นตอน และระยะเวลาการขอใบอนุญาต ซึ่งจะต้องช่วยกันประชาสัมพันธ์ เพราะจากนี้ นโยบายสำคัญของรัฐบาล คือ ส่งเสริมเศรษฐกิจสุขภาพ เพื่อหารายได้เข้าประเทศ ตนจึงขอมอบหมายให้กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก หารือกับ อย. เพื่อให้ช่วยสนับสนุนผลิตภัณฑ์สมุนไพร จะได้สามารถขับเคลื่อนงาน สร้างเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว
“ส่วนกฎหมายใดที่เป็นอุปสรรคในการขับเคลื่อนงาน ก็ขอให้ช่วยกันปรับแก้ เพราะผมทราบว่า อย.มีกรรมการ คณะทำงานหลายชุด จึงทำให้การทำงานแต่ละเรื่อง ต้องผ่านหลายขั้นตอน ดังนั้น เพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพ ก็ต้องมีการปรับแนวทางการทำงานใหม่ และเร่งสื่อสารให้มากขึ้น โดยขณะนี้ ผมได้รับรายงานว่า กฎหมายด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ ที่อย.รับผิดชอบ มีทั้งหมด 8 ฉบับ และมีบุคลากรทั้งหมด 1,684 คน ซึ่งในช่วง 6-7 เดือนที่ผ่านมา อย.ก็มีการปรับแนวทางการทำงาน แล้ว โดยสามารถลดระยะเวลาลงได้ 58.41% ทำให้ลดระยะเวลาและกระบวนงาน 241 กระบวนงาน พร้อมปรับการให้บริการกระบวนงาน 1-15 วัน ขณะเดียวกัน ยังได้ยกเลิกการเรียกเอกสาร ที่เป็นสำเนา เช่น สำเนาเอกสารนิติบุคคล สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.67 โดยสามารถลดขั้นตอน และอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนได้จำนวนมากแล้ว” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเพิ่มเติมว่า งาน อย.เกี่ยวข้องกับงานด้านอื่นๆหลายด้าน เช่น กรมการแพทย์แผนไทยฯ ที่รัฐบาล ต้องการสนับสนุนการส่งออกสมุนไพร เพราะรัฐบาล มองเห็นว่า เราสามารถส่งออก และส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวได้ โดยตนคิดว่า อย.จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ส่งออกไปต่างประเทศได้ง่ายขึ้น เช่น จีน ตะวันออกกลาง วันนี้ ตนจึงนำงานของแต่ละหน่วยงาน มาบูรณาการร่วมกัน พร้อมได้ติดตามการอนุญาตของ อย. ซึ่งพบว่า สามารถประหยัดเวลาได้แล้วมากกว่า 50%
นายสมศักดิ์ กล่าวถึงกรณีการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์จากกัญชากัญชง จะส่งผลต่อขั้นตอนการปรับกฎหมายนำ 'กัญชา' กลับเป็นยาเสพติดหรือไม่ ว่า ไม่ส่งผลอะไร เรื่องการปรับแก้ประกาศ กัญชาเป็นยาเสพติดนั้น เราต้องมีการเขียนเปิดไว้ว่าทำอะไรได้บ้าง เฉพาะเรื่องทางการแพทย์ หรือการแพทย์เพื่อเศรษฐกิจสุขภาพ และมีระยะเวลาให้ผู้ประกอบการได้มีเวลาในการปรับตัว ก่อนบังคับใช้ ให้มีผลกระทบน้อยที่สุดหรือไม่มีเลย เป็นไปตามที่เราประกาศไว้ ว่าเราจะทำด้านสุขภาพการแพทย์ หรือการแพทย์เศษฐกิจ ซึ่งก็ไม่มีผลกระทบ แต่หากมีการเอาไปทำในมุมอื่น โดยเฉพาะด้านสันทนาการไม่ได้ ส่วนการขอขึ้นทะเบียนปลูกกัญชา ตอนนี้ หากกฎหมายยังไม่ห้าม ก็จะไปทำอะไรที่ค้านกฎหมายไม่ได้ ต้องดูที่ระเบียบกฎหมาย
‘สมศักดิ์’เผยนายกฯ ไม่เรียกคุย-สั่งการ
ส่วนกรณีเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ปักหลักชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การที่ม็อบไปทำเนียบเพราะคงไม่ได้อยากคุยกับตน เพราะการเดินทางไปทำเนียบรัฐบาล ก็อาจจะเป็นการแสดงให้กับผู้ใหญ่ได้เห็น ซึ่งเป็นไปตามสิทธิในระบอบประชาธิปไตย ทำอะไรก็ได้ตราบที่ไม่ไปละเมิดสิทธิผู้อื่น ตนไม่มีปัญหาอะไร ความคิดแต่ละคนเราก็เข้าใจ คงไม่ต้องไปย้ำอะไร การใช้สิทธิอยู่ในขั้นตอนของทางราชการ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีไม่ได้เรียกตนไปคุย หรือว่ากำชับบอะไรกับกรณีที่มีม็อบไปปักหลักที่ทำเนียบ
ในประเด็นการเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด หมายถึง จะไม่มีมีการเดินหน้าจัดทำร่างพ.ร.บ.กัญชง กัญชา พ.ศ....แล้วใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยกัน ไม่ใช่ว่าไปทางไหน 100% ความคิดแต่ละท่าน เราเข้าใจอยู่แล้ว คงยังไม่ต้องไปย้ำอะไร ท้ายสุดก็อยู่ที่ขั้นตอนทางราชการที่ต้องทำให้ครบ
ผลิตภัณฑ์กัญชากัญชง ขอขึ้นทะเบียนกว่า 2.9 พันรายการ
ทางด้าน นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวรายงานในที่ประชุม ว่า รายการขออนุญาตผลิตภัณฑ์จากกัญชากัญชง ทั้งหมด 2,906 รายการ แบ่งเป็นเครื่องสำอาง 2,121 รายการ อาหาร 596 รายการ และสมุนไพร 189 รายการ
ทั้งนี้ สำหรับเครื่องสำอาง 2,121 รายการ แบ่งออกเป็น การใช้น้ำมัน/สารสกัดเมล็ดกัญชง 1,381 รายการ การใช้ส่วนของกัญชง 62 รายการ การใช้ส่วนของกัญชา 166 รายการ การใช้สาร CBD 691 รายการ สถานที่ 296 สถานที่ ผู้ประกอบการ 293 ราย
ส่วนผลิตภัณฑ์อาหาร แบ่งออกเป็น น้ำมัน/โปรตีน/เมล็ดกัญชงและผลิตภัณฑ์ 43 รายการ ผลิตภัณฑ์จากกัญชา กัญชง 428 รายการ ผลิตภัณฑ์จากสารสกัด CBD 125 รายการ และสถานประกอบการ 173 แห่ง
ส่วนผลิตภัณฑ์สมุนไพร แบ่งออกเป็น ยาแผนไทย 80 รายการ ยาพัฒนาจากสมุนไพร 5 รายการ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพ 10 รายการ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ผลิตโดยหน่วยงานรัฐ 74 รายการ และ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ปรุงสำหรับคนไข้เฉพาะรายในสถานพยาบาล 20 รายการ โดยสองส่วนหลังปรับสถานะมาจากยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5
ม็อบบุกทำเนียบ ยื่นข้อเรียกร้องถึงนายกฯ ค้านดึง 'กัญชา' กลับมาเป็นยาเสพติด
จากกรณีเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ปักหลักค้างคืนหน้าทำเนียบรัฐบาล เนื่องในวันกัญชาไทย 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา เรียกร้องให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เร่งหาทางออกในเรื่องนี้โดยเร็ว หลังจากที่นายกฯ ประกาศชัดเจนว่า เป็นนโยบายหลักของรัฐบาลโดยมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขแก้ไขประกาศกระทรวงดึงพืชกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดประเภท 5 และเร่งออกกฎกระทรวง อนุญาตให้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น พร้อมกำหนดไทม์ไลน์การดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้
ความคืบหน้าล่าสุด นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ตัวแทนกลุ่มเครือข่ายกัญชา ได้ยื่นหนังสือเรื่อง ขอให้ควบคุมกัญชาโดยกฎหมายระดับพระราชบัญญัติถึงนายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี โดยสาระหลัก คือ เรียกร้องให้การควบคุมกัญชานั้นต้องมีกฎหมายเฉพาะหรือถูกควบคุมโดยพระราชบัญญัติกัญชา พร้อมเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างภาคประชาชนและภาครัฐเพื่อสํารวจวิจัยข้อมูลในมิติต่าง ๆ เกี่ยวกับกัญชารอบด้านโดยรัฐบาลต้องเลิกตั้งธงว่า กัญชาต้องควบคุมโดยกฎหมายยาเสพติด
สำหรับข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมมีรายละเอียด ดังนี้
สังคมตกผลึกร่วมกันว่ากัญชานั้นต้องควบคุม เราขอให้รัฐบาลใช้ พ.ร.บ.กัญชาควบคุมเพราะมีประสิทธิภาพมากกว่า และขอคัดค้านการควบคุมโดยกฎหมายยาเสพติด โดยเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยขอเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี ดังนี้
1. การควบคุมกัญชาจะต้องใช้กฎหมายเฉพาะหรือพระราชบัญญัติกัญชาจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการควบคุมโดยประมวลกฎหมายยาเสพติด
นายกรัฐมนตรีจึงตระหนักว่า การที่พรรคของท่านเอากัญชากลับสู่ยาเสพติดจะทําให้ผู้ที่ผลิตกัญชาจะเหลือเพียงกลุ่มทุนใหญ่ และเมื่อพูดถึงกัญชาทางการแพทย์ภายใต้กฎหมายยาเสพติด ประชาชนจะไม่ได้ใช้ยากัญชาหรืออาจใช้ได้แต่ต้องจ่ายในราคาสูงมากเหมือนประสบการณ์ช่วงหนึ่งในประเทศอังกฤษ การนํากัญชาสู่ยาเสพติดจะทําให้คนกลุ่มเดียวควบคุมกัญชาที่มีมูลค่านับแสนล้าน
ส่วนการอ้างว่า เมื่อนํากัญชาเข้าสู่ยาเสพติดจะสามารถปกป้องเยาวชนได้ขอให้รัฐบาลสรุปบทเรียนการปกป้องเยาวชนของรัฐบาลภายใต้วิธีคิดแบบเดิมสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่
2. หากรัฐบาลยังไม่ยอมรับในการควบคุมกัญชาด้วยกฎหมายพระราชบัญญัติ ขอให้ตั้งคณะกรรมการร่วม ระหว่างภาคประชาชนและภาครัฐเพื่อสํารวจวิจัยข้อมูลในมิติต่าง ๆ เกี่ยวกับกัญชาโดยใช้ข้อมูลวิทยาศาสตร์จํานวน 2 ชุด มากําหนดสถานะของกัญชา ทั้งนี้ รัฐบาลจะต้องเลิกตั้งธงว่า กัญชาต้องควบคุมโดยกฎหมายยาเสพติด
-
ชุดที่ 1 ข้อมูลเปรียบเทียบในประเด็นข้อดีข้อเสียระหว่างกัญชากับสิ่งที่รัฐบาลอนุญาตให้ประชาชนเข้าถึงแบบง่ายดาย คือ บุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยมีลักษณะที่จะต้องพิสูจน์คือ ข้อดีและข้อเสียต่อร่างกาย ข้อดีและข้อเสียต่อสังคมและ คุณสมบัติในการรักษาโรค หากปรากฏว่าคุณสมบัติทั้งสามประการของกัญชาไม่ได้ร้ายแรงกว่าสุราและบุหรี่ ก็ต้องควบคุม กัญชาโดยกฎหมายระดับพระราชบัญญัติ
-
ชุดที่ 2 ให้ตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างภาคประชาชน ภาครัฐ เพื่อสํารวจวิจัยชุดข้อมูลว่าด้วยผลที่เกิดขึ้นจากการ ปลดล๊อคกัญชา 2 ปี หากผลการวิจัยพบว่ากัญชาก่อประโยชน์มากกว่าและข้อเสียสามารถออกกฎหมายควบคุมได้ก็ให้นํากัญชาไปควบคุมโดยกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติ