เครือข่ายแพทย์ นักวิชาการ และภาคประชาชน ต้านภัยยาเสพติด รวม 66 ราย ยื่นจดหมายเปิดผนึก จี้รัฐบาลนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดประเภท 5 ในระหว่างดำเนินการให้มีกฎหมายกัญชาเป็นการเฉพาะ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2567 เครือข่ายแพทย์ นักวิชาการ และภาคประชาชน ต้านภัยยาเสพติด รวม 66 ราย ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 2 เรื่อง ขอให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดประเภท 5 ในขณะที่ดำเนินการให้มีกฎหมายกัญชา ถึงนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมให้เหตุผลการสนับสนุน 4 ประการ ดังนี้
ตามที่มีผู้เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการให้กฎหมายกัญชาสี่ฉบับที่ถูกเสนอถึงนายกรัฐมนตรีแล้วเข้าสู่การพิจารณา
ของสภาผู้แทนราษฎรโดยเร็ว โดยให้เหตุผลว่ากัญชาไม่ควรถูกน กลับไปเป็นยาเสพติด แต่กัญชาควรถูกควบคุมด้วยกฎหมายกัญชาในระดับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เป็นการเฉพาะนั้น ทางเครือข่ายแพทย์ นักวิชาการ และภาคประชาชน ต้านภัยยาเสพติด ขอเสนอให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ในระหว่างด เนินการให้มีกฎหมายกัญชาเป็นการเฉพาะ ด้วยเหตุผลสี่ประการดังนี้
(1 ) ข้อเสนอให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดโดยการแก้ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 นั้น ไม่ใช่การนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดแบบปี 2522 ที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้เลย แต่กัญชาจะกลับไปอยู่ภายใต้การควบคุมของประมวลกฎหมายยาเสพติด (2564) ซึ่งอนุญาตให้ใช้เพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์และเพื่อการศึกษาวิจัยได้ แต่ไม่สามารถใช้กัญชาเพื่อสันทนาการได้
(2) ด้วยว่าการดำเนินการให้มีกฎหมายกัญชาต้องใช้เวลา ต้องผ่านกระบวนการทางกฎหมายของทั้งสภาผู้แทนราษฎรและของวุฒิสภา อาจใช้เวลาเป็นปีหรือหลายปี การเสนอให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดทันที เป็นการทำให้กัญชาได้รับการคุ้มครองภายใต้ประมวลกฎหมายยาเสพติดในระหว่างการด เนินการให้มีกฎหมายกัญชา หากนายกรัฐมนตรีดำเนินการให้กฎหมายกัญชาเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯขณะที่กัญชาอยู่ภายใต้การควบคุมแบบเสมือนไร้การควบคุมแบบในปัจจุบันนี้ เท่ากับกระทำ ผิดซ้ำรอยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของรัฐบาลก่อน ที่ปลดกัญชาเสรีก่อนที่จะมีกฎหมายควบคุม หากกระทำความผิดแบบเดียวกันแล้ว ปัญหาที่เกิดจากการปลดกัญชาเสรีที่มากมายในปัจจุบันและที่จะมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต จะต้องร่วมรับผิดชอบโดยพรรคการเมืองต้นสังกัดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของรัฐบาลนี้และของรัฐบาลก่อนหน้านี้
(3) พรรคการเมืองที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของรัฐบาลก่อนหน้าสังกัดอยู่นั้น เสนอร่างกฎหมายกัญชาเข้าสู่สภาในวันที่ 26 มกราคม 2565 เพียงหนึ่งวันหลังจากที่คณะกรรมการ ป.ป.ส. มีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข
ฉบับปลดกัญชาเสรีในวันที่ 25 มกราคม 2565 ซึ่งหมายความว่าพรรคการเมืองนี้มีกฎหมายกัญชาในมือแล้ว เพียงแต่จงใจรอให้มีมติปลดกัญชาเสรีก่อนจึงค่อยเสนอกฎหมายกัญชาเข้าสู่สภาฯ จึงเป็นปฐมบทที่ท ให้เกิดปัญหากัญชาเสรีแบบในปัจจุบันนี้ หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในรัฐบาลก่อนและพรรคการเมืองที่ท่านสังกัดเสนอกฎหมายกัญชาเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯก่อนปลดกัญชาเสรี สถานการณ์กัญชาจะไม่อยู่ในสภาวะสุญญากาศแบบในปัจจุบันนี้
(4 ) การที่พรรคการเมืองหลายพรรคทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านของรัฐบาลที่แล้วได้รับหลักการวาระหนึ่งส หรับ พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ.... ที่เสนอโดยพรรคการเมืองต้นสังกัดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของรัฐบาลก่อน ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2565 แล้วต่อมาเกิดสถานการณ์ที่ไม่สามารถพิจารณากฎหมายกัญชาฉบับนี้ได้ทันในสมัยรัฐบาลที่แล้วนั้น ไม่สามารถนับเป็นการหักหลังได้ เนื่องจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของทั้งพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้านในสมัยนั้นต่างเป็นห่วงสถานการณ์กัญชาเสรีในสภาวะสุญญากาศ จึงต้องการให้รีบรับหลักการในวาระที่หนึ่ง เพื่อหวังให้มีกฎหมายกัญชาออกมาใช้โดยเร็ว เนื่องจากวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 9 พฤษภาคม 2565 จะเป็นวันที่กัญชาจะเสรีโดยไร้การควบคุมแล้ว แต่เมื่อเข้าสู่การพิจารณาในชั้นกรรมาธิการและในวาระที่สองของสภาผู้แทนราษฎรในเวลาต่อมาซึ่งมีเวลามากขึ้นในการพิจารณา จึงพบว่าร่างกฎหมายกัญชาฉบับแรกนั้นมีมาตรการควบคุมการใช้กัญชาในทางที่ผิดน้อยมาก ทำให้มีการแก้ไขร่างกฎหมายให้มีมาตรการควบคุมกัญชาที่เข้มข้นขึ้น จากที่เดิมมีเพียง 45 มาตรา กลายเป็น 90 มาตราในเวลานั้น ดังนั้นจึงไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นการหักหลัง แต่เป็นการถูกทำ ให้หลงเชื่อว่าต้องรีบผ่านกฎหมายในวาระที่หนึ่งโดยเร็วเพราะมีเวลาพิจารณาเพียงไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงก่อนกัญชาจะเสรี ทั้งนี้ประชาชนและสื่อมวลชนควรตั้งข้อสังเกตด้วยว่าเป็นความจงใจที่ท ให้เกิดการเสนอร่างกฎหมายกัญชาล่าช้า เพื่อให้สภาฯพิจารณาอย่างเร่งรีบเพียงหนึ่งวันก่อนวันที่กัญชาจะเสรีหรือไม่
เครือข่ายแพทย์ นักวิชาการ และภาคประชาชน ต้านภัยยาเสพติด จึงส่งจดหมายเปิดผนึกฉบับที่สองนี้มาเพื่อขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรียังไม่ควรดำเนินการให้กฎหมายกัญชาเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ในขณะที่ยังไม่นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในผู้ดูแลสำนักงาน ป.ป.ส. ควรรีบดำเนินการแก้ไขประกาศกระทรวงนำกัญชากลับเป็นยาเสพติดทันที เพื่อให้กัญชากลับไปอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของประมวลกฎหมายยาเสพติด สามารถใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และการวิจัยได้ ในขณะที่กำลังดำเนินการให้มีกฎหมายเพื่อควบคุมกัญชาเป็นการเฉพาะออกมาใช้