‘เศรษฐา’ ยืนยันการแต่งตั้ง ‘พิชิต ชื่นบาน’ เป็นรัฐมนตรีได้ปรึกษา ‘กฤษฎีกา’ แล้ว ชี้ไม่ได้เมินเสียงค้าน ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยที่ว่างลงหลัง ‘กฤษฎา’ ลาออก ยังเป็นของ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ แย้มมีบริษัทอิตาลีสนใจสร้างกระเช้าลอยฟ้า สบช่องปั้นที่ภูกระดึง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 19 พฤษภาคม 2567 ที่สาธารณรัฐอิตาลี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีที่มีสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เข้าชื่อยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้วินิจฉัยความสิ้นสุดลงของตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีของนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หลังมีพฤติกรรมเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 170 (4) และ (5)
โดยนายกรัฐมนตรีย้อนถามกลับว่า สว.ยังไม่หมดอายุใช่หรือไม่ ผู้สื่อข่าวระบุว่ายังไม่หมด แต่ก็ใกล้แล้ว ต้องรอได้ สว. ชุดใหม่มาก่อน ชุดเก่าถึงจะพ้นหน้าที่ ทำให้นายเศรษฐา ถึงกับร้องอ๋อ
@ยันตั้ง ‘พิชิต’ ได้สอบถาม ‘กฤษฎีกา’ แล้ว ปัดเมินเสียงค้าน
"ผมคิดว่าท่านต้องทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ เพราะถือเป็นหน้าที่ของสว. ส่วนผมต้องพิสูจน์ว่าเรื่องที่ทำไปว่า เป็นเรื่องที่ชอบธรรม และถูกต้องตามกฎหมาย ผมเคยบอกแล้วว่า ก่อนที่จะมีการแต่งตั้งให้นายพิชิต ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีการสอบถามไปคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ซึ่งผมมั่นใจว่าสามารถตอบคำถามได้ เพราะอยู่บนหลักการของความถูกต้อง แต่แน่นอนว่า ฝ่ายตรวจสอบก็มีหน้าที่ตรวจสอบ ผมก็ต้องยอมรับ และต้องดูว่ามีเหตุและผลหรือไม่ ซึ่งเป็นหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ขออนุญาตไม่พูดเพราะถือว่าเป็นไปตามกลไกการปกครองของประเทศไทยอยู่แล้ว“ นายเศรษฐา กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทาง สว. ระบุว่านายกฯ เมินเสียงคัดค้านในการแต่งตั้งนายพิชิต นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นธรรมดาในการที่ตนจะแต่งตั้งรัฐมนตรี ตนไม่ได้ถามทางกฤษฎีกาในทุก ๆ กรณีไป แต่กรณีของนายพิชิต ยืนยันว่าตนไม่ได้เมิน และยืนยันว่าทุกๆเสียงที่มีการท้วงติงเข้ามาตนพิจารณาตลอด ตรงนี้ตนมั่นใจ กรณีของนายพิชิตนั้นตนได้ถามกฤษฎีกาไปโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นเรื่องที่สมควรจะต้องทำอยู่แล้ว
“ยืนยันไม่เคยเมินเสียงคัดค้าน และไม่เคยที่จะไม่ให้ความสำคัญ และไม่รับฟังเสียงท้วงติง ซึ่งผมได้บอกมาตลอดว่า เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่สำคัญ" นายกรัฐมนตรีกล่าวอีก
@1 รมช.ที่ว่าง ยังเป็นของ รทสช.
ส่วนกรณีตำแหน่งรัฐมนตรีที่ว่างลงในสัดส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายเศรษฐากล่าวว่า ก็เก็บไว้ให้พรรครวมไทยสร้างชาติ แต่ถึงวันนี้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังไม่ได้มีการติดต่อมา หากมีการเสนอก็ต้องมีการพูดคุยกันต่อไป แต่ยืนยันว่าเป็นโควต้าของพรรครวมไทยสร้างชาติ
เมื่อถามว่า โควต้าดังกล่าวหมายถึงจะยังคงเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเดิมใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่เราอยู่ด้วยกัน เราต้องรับฟังความคิดเห็นกันก่อน โดยเฉพาะความคิดเห็นจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ท่านอยากได้อะไร หรือมีความคิดอย่างไร ตนเชื่อว่าทั้งตนและนายพีระพันธุ์ ก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน หากคิดว่ากระทรวงที่ท่านเสนอมาจะทำงานได้อย่างเหมาะสม คิดว่าเราพูดคุยกันได้ และหากไปกระทบกับพรรคอื่นก็ต้องพูดคุยกันในวงกว้างขึ้นก็เท่านั้นเอง
@บริษัทอิตาลี อยากทำกระเช้าลอยฟ้า
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังเปิดเผยถึงการพบและหารือกับผู้บริหาร บริษัท Leitner (แล็กเนอร์) เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ว่า ทางบริษัทฯ ดังกล่าวติดต่อเข้ามาเสนอขายกระเช้าลอยฟ้าซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะเป็นบริษัท ที่อยู่มานาน และให้ความสำคัญกับความยั่งยืน เพราะกระเช้าลอยฟ้าดังกล่าวใช้ไฟฟ้าพลังงานสะอาดอย่างครบวงจร และหากนับรวมเวลาในการขออนุญาตทางสิ่งแวดล้อม จะใช้เวลาสร้างกระเช้าลอยฟ้าเพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น และสิ่งสำคัญคือการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะเมื่อสร้างกระเช้าลอยฟ้า จำเป็นต้องสร้างผ่านภูเขาและป่าสงวน และพื้นที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ
“หากมองตรงไปตรงมา ไทยกำลังให้ความสนใจการสร้างกระเช้าฯขึ้นอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ทางบริษัทฯจึงมาเสนอศึกษาว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ โดยขั้นตอนต่อไป จะจ้างที่ปรึกษาโครงการ มาศึกษาความเป็นได้ และการลงทุนจะต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ เชื่อว่าเป็นเรื่องที่ดี จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้” นายกฯ กล่าว
นายเศรษฐา กล่าวว่า ทั้งนี้ บริษัท Leitner มีแนวคิดจะทำธุรกิจในประเทศไทยมานานแล้ว เพราะประเทศไทยมีจุดเด่นด้านการท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ก็ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ และจังหวัดเลย ถือเป็นเมืองรองที่รัฐบาลต้องการยกระดับ จึงมีแนวคิดอยากจะทำเรื่องนี้ขึ้นมา ดังนั้นเมื่อมีบริษัทต่างชาติอยากมาลงทุนก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับผลการศึกษา และต้องพิจารณาอีกครั้งว่าออกมาเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่า เรื่องกระเช้าขึ้นอุทยานแห่งชาติภูกระดึง บริษัทดังกล่าวให้ความสนใจมาก่อนหน้านี้แล้วหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวยอมรับว่า บริษัทนี้ให้ความสนใจอยู่แล้ว และได้รับการประสานมาจาก สส. ในพื้นที่ด้วยว่าอยากดำเนินโครงการนี้ ซึ่งต้องยอมรับว่า โครงการนี้ มีแนวคิดมานานมากแล้ว เชื่อว่าจะมีผู้สนใจอยากจะเข้ามาลงทุน จนกระทั่งตนเดินทางมาอิตาลี บริษัทนี้ตั้งอยู่แถวประเทศออสเตรีย ขับรถมาประมาณ 3 ชั่วโมง เพื่อหารือเรื่องนี้ ยอมรับว่า น่าสนใจและเชื่อว่าเรื่องนี้สามารถดำเนินการได้เร็ว
เมื่อถามว่า นอกจากอุทยานแห่งชาติภูกระดึงแล้ว บริษัทดังกล่าวสนใจ ลงทุนในพื้นที่ไหนอีกหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องมาพิจารณาร่วมกัน และต้องดำเนินการไปทีละขั้นตอน เชื่อว่ายังมีอีกหลายจังหวัด ที่ต้องการการส่งเสริมให้มีการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม