บิ๊กโจ๊กยื่นขอถอนฟ้อง ผบช.น. พร้อมพวกรวม 30 คน คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ปมกลั่นแกล้ง โยงเว็บพนันออนไลน์ ให้เหตุผลถอนฟ้องเพราะ เจ้าตัวยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนแล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง ถ.เลียบทางรถไฟ ศาลได้มีคำสั่งในคดีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผบ.ตร.ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีหมายเลขดำ อท.60/2567 ที่ ได้ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กับพวกรวม 30 คนฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ โดยเหตุผลของการยื่นขอถอนฟ้องนั้น เนื่องจากโจทก์ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ดำเนินการไต่สวนกับคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนไว้เเล้ว จึงขอถอนฟ้องคดี
ศาลพิจารณาคำร้องเเล้วอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้
สำหรับคำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่าจำเลย์ที่ 1เป็นผบช.น.และเป็นผู้ออกคำสั่งแต่งตั้ง จำเลยที่ 2-27เป็นคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งที่ 58/2567ลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์2567 โดยจำเลยที่2-28ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้า รองหัวหน้า พนักงานสืบสวน และพนักงานสอบสวน ซึ่งข้อเท็จจริงแห่งคดีอาญาที่ 724(คดีเว็บพนันมินนี่มีเส้นการเงินของบัญชีทั้งสามชื่อ ได้แก่ น.ส.เบญจมิน แสงจันทร์ นายสมพงษ์ ชิตวิลัย พยานในคดีและนายพุฒิพงษ์ พูนศรี ผู้ต้องหาในคดีเว็บมินนี่) ต่อมา คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ได้ส่งสำนวนในคดีอาญาเลขที่ 724/2566 ของกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (บก.สอท.1) กรณีการกล่าว หา พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รองผบก.สส.ภ. 4 กับพวกในข้อหาเรียกรับผลประโยชน์จากเว็บไชต์การพนันออนไลน์ กระทำความผิดฐานฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ตาม พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2561 มาตรา 61
โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่าเรื่องกล่าวหาอยู่ในหน้าที่และอำนาจของ ป.ป.ช.แต่ผู้ถูกกล่าวหามิได้ดำรงตำแหน่งสูงและยังไม่เข้าข่ายความผิดร้ายแรง จึงมีมติให้ส่งเรื่องดังกล่าวคืนคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ เเล้วรายงานผลให้ ป.ป.ช.ต่อไปและคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ได้สรุปสำนวนการสอบสวนส่งพนักงานอัยการสำนักงานปราบปรามการทุจริตสำนักงานอัยการสูงสุด แล้วต่อมาในระหว่างที่มีการดำเนินคดีอาณาที่ 724/2566 คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้มอบหมายให้จำเลยที่29และ 30ผู้กล่าวหา มาร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีต่อจำเลยที่ 16 ที่ สน.เตาปูน มีการกล่าว หา พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ,น.ส.เบญจมิน แสงจันทร์,นายพุฒิพงษ์ พูนศรี และ น.ส.พิมพ์วิไล ปล้องอ่อน กับพวกรวม 7 คน ในความผิดฐาน "สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน นั้น จึงเป็นกรณีที่จำเลยที่ 29 และจำเลยที่ 30 ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อจำเลยที่ 16
โดยนำข้อเท็จจริงส่วนหนึ่งที่อยู่ในคดีอาญาที่ 724/2566 หรือเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาจากการสืบสวนสวนสวนขยายผลในคดีอาณาที่ 724/2566 ของบก.สอท.อันเป็นความผิดต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องกันในท้องที่ต่าง ๆ เกินกว่าท้องที่หนึ่งขึ้นไป และเป็นความผิดซึ่งมีหลายกรรม กระทำลงในท้องที่ต่างกัน และยังเป็นความผิดหลายเรื่องเกี่ยวพันกันโดยปรากฏว่าความผิดหลายฐานได้กระทำลงโดยผู้กระทำผิดคนเดียวกัน หรือผู้กระทำผิดหลายคนเกี่ยวพันกันในการกระทำความผิดฐานหนึ่งหรือหลายฐาน จะเป็นตัวการผู้สมรู้ร่วมคิดก็ตาม มาดำเนินคดีเป็นคดีขึ้นใหม่กับโจทก์ จึงเป็นการ กระทำที่มีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้ถูกกล่าวหา ถูกกล่าวหาในหลายท้องที่ และเป็นการหลีกเลี่ยงที่จะไม่ส่งสำนวนนี้ไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายใน 30 วัน ตาม พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทจริต พ.ศ.2561 มาตรา 61
ต่อมาวันที่ 27ธันวาคม2566 คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้ส่งสำนวนในกรณีกล่าวหาโจทก์กับพวกรวม 5 คน ไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในความผิดฐาน "'เป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดฯ ,เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ฯสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน
ต่อมาวันที่ 4 มีนาคม2567 ป.ป.ช.ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 26/2567ได้พิจารณาแล้วเห็นว่ารัฐธรรมนูญฯ มาตรา 234 (2) ได้กำหนดให้ ป.ป.ช.มีหน้าที่และอำนาจไต่สวนและวินิจฉัยว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ป.ป.ช.จึงมีมติเสียงข้างมากรับเรื่องกล่าวหาโจทก์กับพวกรวม 5 นาย กรณีเรียกรับผลประโยชน์จากเว็บไชต์การพนันออนไน์ เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งสูงกว่า ผู้อำนวยการระดับสูงและเทียบเท่า และพฤติการณ์มีการได้รับผลประโยชน์เป็นเงินจำนวนมาก อีกทั้งเป็นคดี ที่สำคัญอยู่ในความสนใจของสื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปอันเข้าลักษณะเป็นความผิดร้ายแรงหรือเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลกระทบอย่างกว้างขวางประกอบกับสำนวนการสอบสวนคดีพ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัยกับพวก เป็นคดีที่มีการกระทำความผิดเกี่ยวข้องเป็นเรื่องเดียวกัน จึงให้เรียกสำนวนการสอบสวนเรื่องกล่าวหาพ.ต.อภาคภูมิ กับพวก และเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดคืนมาเพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไx
การกระทำของจำเลยที่ 1 ในการออกคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนรับผิดชอบคดีอาญาที่ 391/2566 ของ สน.เตาปูน โดยมีจำเลยที่ 2 - 28 เป็นคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากคดีนี้เกี่ยวข้องเป็นส่วนหนึ่งของคดีอาญาที่ 724/2566 และเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาจากการสืบสวนสวนสวนขยายผลในคดีอาณาที่ 724/2566 ของบก.สอท. 1 จึงเป็นคดีความผิดเกี่ยวเนื่องและกระทำต่อเนื่องกันในท้องที่ต่าง ๆ
ที่พนักงานสอบสวนแสวงหาข้อเท็จจริง รวมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้นแล้วส่งให้คณะป.ป.ช. ภายใน30วันนับแต่วันที่ได้รับการร้องทุกข์กล่าวโทษคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนจึงไม่มีอำนาจในการสืบสวนสอบสวน รวมตลอดถึงการขอ ศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับพ.ต.ท.คริษฐ์กับพวก7คน ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องเดียวกันกับธุรกรรมการโอนเงินในคดีอาญาที่ 724/2566โดยในคำร้องขอออกหมายจับต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ของจำเลยที่ 17 ผู้ร้อง ได้กล่าวถึงบัญชีธนาคารของน.ส.พิมพ์วิไล ปล้องอ่อน ผู้ต้องหาในคดีที่ 391/2566ไว้ในคำร้องแล้ว
แสดงให้เห็นว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบัญชีธนาคารของน.ส.พิมพ์วิไล ที่จำเลยที่ 29และจำเลยที่ 30 นำมาแจ้งข้อกล่าวหาและรับเป็นคดีใหม่ที่ สน.เตาปูนนั้น เป็นข้อเท็จจริงเดิมในคดีอาณาที่ 724/2566 ซึ่ง ป.ป.ช.ได้มีมติเรียกสำนวนไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่แล้ว
จึงเป็นกรณีแสดงให้เห็นแล้วว่า จำเลยทั้งสามสิบคน ร่วมกันวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้ถูกกล่าวหา ในหลายท้องที่ และเป็นการหลีกเลี่ยงที่จะไม่ส่งสำนวนนี้ไปยัง ป.ป.ช. ภายใน 30 วัน และส่งผลให้พ.ต.ท.โทคริษฐ์ ถูกออกหมายจับถูกจับกุม และถูกแจ้งข้อกล่าวหา จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง สิทธิ และเสรีภาพ
ต่อมาโจทก์ทราบว่าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 593/2566 ซึ่งรับผิดชอบสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 724/2566 โดยมีพล.ต.อ. ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน มีการนำข้อเท็จจริงจากการทำธุรกรรมการเงินและพยานหลักฐานเดิมที่มีการดำเนินคดีกับพ.ต.ท.คริษฐ์ในคดีอาญาที่ 724/2566 ไปร้องทุกข์กล่าวโทษเป็นคดีใหม่ที่สน.เตาปูน เป็นคดีอาญา391/2566 ว่ากระทำความผิดฐาน "ฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน"
โดยจำเลยที่ 1 ได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมีหน้าที่รับผิดชอบสำนวนการสอบสวนคดีอาญาจึงย่อมต้องทราบข้อเท็จจริงมาตลอดว่าธุรกรรมการเงินและพยานหลักฐานที่มีการแจ้งข้อกล่าวหาคดีอาญาที่ 391/2566 เป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องเดียวกันกับธุรกรรมการโอนเงินในคดีอาญาที่
729/2566
การที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนซึ่งรับผิดชอบสำนวนการสอบสวนคดีอาณาที่ 729/2566 แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีกับพ.ต.ท.คริษฐ์ กับพวก ที่เตาปูนในคดีอาญาที่ 391/2566 จึงเป็นการกระทำที่ไม่มีอำนาจและไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะ ป.ป.ช. ได้มีมติที่จะรับคดีดังกล่าวไว้พิจารณา
อีกทั้ง พรบ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 กำหนดว่าคดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน คดีความผิดที่มีบทกำหนดโทษตามมาตรา 60 และมาตรา 61 แห่งพรบ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ ที่เป็นคดีอาญาอื่นที่มีมูลน่าเชื่อว่ามีทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดที่มีมูลค่าตั้งแต่สามร้อยล้านบาทขึ้นไป การที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนแจ้งความร้องทุกข์กล่าวหาพันตำรวจโทคริษฐ์ ปริยะเกต. กับพวก ในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินฯเเละปรากฎยอดเงินจำนวน400ล้านบาท ซึ่งอยู่ในอำนาจของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษกรมสอบสวนคดีพิเศษ
การกระทำของจำเลยทั้ง30คน จึงเป็นการร่วมกันกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 83 และ พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทจริต พ.ศ.2561 มาตรา 4 มาตรา 171 และมาตรา 172
เหตุเกิดที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล,สถานีตำรวจนครบาลเตาปูน และศาลอาญา ภายหลังยื่นฟ้อง ศาลได้นัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาในชั้นตรวจคำฟ้อง ในวันที่ 27 พฤษภาคม นี้
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลย
ศาลพิจารณาคำร้องเเล้วอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้
อนึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวว่าชุดตำรวจที่ไปพัวพันคดีเว็บพนันเเละถูกจับกุมซึ่งเป็นตำรวจที่มีความใกล้ชิดกับพล.ต.อ สุรเชษฐ์ ได้ยื่นฟ้องชุดพนักงานสอบสวนเเละชุดจับกุมหลายคดีเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในศาลอาญาคดีทุจริตฯซึ่งศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องมาโดยตลอด.