เผยมติ ป.ป.ช.เสียงแตกตีตกคดี 'ขนิษฐา ฤทธิศาสตร์' อดีตปลัดเทศบาลตำบลบางเมือง ปากน้ำ แสดงข้อความอันเป็นเท็จ ปกปิดความจริงขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ปี 2558 กรรมการ 2 ราย ชี้มีมูลความผิดวินัยร้ายแรง ก่อนยึดเสียงส่วนใหญ่ รอดหวุดหวิด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2566 เสียงส่วนใหญ่ตีตกข้อกล่าวหา นางสาวขนิษฐา ฤทธิศาสตร์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ปลัดเทศบาลตำบลบางเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ และสิบเอกวีระ หรือนายพลเอกวีระ ภู่ระหงษ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง หัวหน้าฝ่ายปกครอง 6 เทศบาลตำบลบางเมือง แสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง ในรายงานข้อมูล เพื่อขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ปี 2558
หลังพิจารณาสำนวนไต่สวนเบื้องต้น ความเห็นแตกเป็น 2 ฝ่าย ก่อนยึดมติเสียงข้างมาก เห็นว่าไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จะฟังได้ว่ากระทำผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
สำนักงาน ป.ป.ช.ระบุพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่ากระทำผิดโดยสรุป ว่า นางสาวขนิษฐา ฤทธิศาสตร์ ปลัดเทศบาลตำบลบางเมือง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลบางเมือง ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 85/2557 ลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2557 โดยเริ่มปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลบางเมือง เมื่อประมาณเดือนตุลาคม 2557 มีอำนาจหน้าที่ในตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลบางเมืองตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 ได้รายงานการตรวจสอบไปยังอำเภอเมืองสมุทรปราการเพื่อดำเนินการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตามที่ได้มีหนังสืออำเภอเมืองสมุทรปราการ ด่วนที่สุด ที่ สป 0023.6/4785 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2558 แจ้งให้เทศบาลตำบลบางเมืองตรวจสอบและแจ้งรายชื่อผู้ขอรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประจำปี 2558 ซึ่งขาดคุณสมบัติในการเสนอขอพระราชทาน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ที่ระเบียบฯ กำหนด และกรณีอยู่ระหว่างการสอบสวนคดีอาญาของพนักงานสอบสวน
โดยรายงานว่ามีนายประทีป ยั่งยืน อดีตนายกเทศมนตรีตำบลบางเมือง เป็นผู้ขาดคุณสมบัติเพียงผู้เดียว ทั้งที่ สิบเอกวีระ ภู่ระหงษ์หัวหน้าฝ่ายปกครอง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้เคยถูกเทศบาลตำบลบางเมืองแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีอาญาต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2551 ในความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารสิทธิและเอกสารราชการ และใช้เอกสารปลอมดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันคดีอยู่ในระหว่างการสอบสวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามที่สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการได้ส่งเรื่องสำนวนให้พิจารณาดำเนินการ เป็นผลทำให้มีการรายงานข้อมูลดังกล่าวไปตามลำดับชั้น และเป็นเหตุให้สำนักนายกรัฐมนตรีได้ประกาศชื่อ สิบเอกวีระ ภู่ระหงษ์ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ในส่วนของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ชั้น ตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.) ตามราชกิจจานุเบกษา เล่ม 133 ตอนที่ 14ข ลำดับที่ 1691 ลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2559
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณารายงานการไต่สวนเบื้องต้น แล้วมีมติในกรณีกล่าวหานางสาวขนิษฐา ฤทธิศาสตร์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 โดยที่ประชุมลงคะแนนเสียง แยกเป็นสองฝ่าย ดังนี้
ฝ่ายเสียงข้างมาก ประกอบด้วย กรรมการ ป.ป.ช. จำนวน 3 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นว่า จากการไต่สวนเบื้องต้น ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จะฟังได้ว่า นางสาวขนิษฐา ฤทธิศาสตร์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
ฝ่ายเสียงข้างน้อย กรรมการ ป.ป.ช. จำนวน 2 เสียง เห็นว่า การที่นางสาวขนิษฐา ฤทธิศาสตร์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ปลัดเทศบาลตำบลบางเมือง ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลบางเมือง แสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง ในรายงานข้อมูลเพื่อขอรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ปี 2558 โดยลงนามในหนังสือเทศบาลตำบลบางเมือง ที่ สป 52601/3835 ลงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2558 เรื่อง การตรวจสอบและแจ้งรายชื่อผู้ขาดคุณสมบัติในการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประจำปี 2558 แล้ว แต่สั่งการให้มีการแก้ไขใหม่เป็นผลให้ สิบเอก วีระ ภู่ระหงษ์ หรือ นายพลเอกวีระ ภู่ระหงษ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.) ประจำปี 2558 ทั้งที่ไม่มีคุณสมบัติในการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประจำปี 2558 นั้น มีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรีหรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง
ประธานฯ จึงสรุปว่า ผลการลงคะแนนเสียงเพื่อมีมติของที่ประชุมในกรณีนี้ ต้องถือตามความเห็นของกรรมการ ป.ป.ช. ฝ่ายเสียงข้างมาก จำนวน 3 เสียง ซึ่งเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ว่า จากการไต่สวนเบื้องต้น ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จะฟังได้ว่า นางสาวขนิษฐา ฤทธิศาสตร์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้กระทำผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป