เทียบความเห็นกฤษฎีกา 'กฤษฎา จีนะวิจารณะ' แจ้งนายกฯ ขอลาออกตำแหน่ง รมช. คลัง ถือว่ามีผลสมบูรณ์แล้ว - 'เศรษฐา' ยับยั้งไม่ได้ ชี้เปลี่ยนใจยิ่งทำให้เกิดปัญหามากขึ้น เสี่ยงถูกยื่นตรวจสอบคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงหลังการลาออกแล้วหรือไม่
จากกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยื่นหนังสือลาออกตำแหน่งว่า ได้โทรหานายกฤษฎา ทางนายกฤษฎาบอกว่าใบลาออกกำลังมา ซึ่งได้บอกว่าให้คิดไว้ก่อนคืนหนึ่งเดี๋ยวค่อยว่ากันใหม่ พร้อมยืนยันว่า ได้แจ้งให้ นายกฤษฎา ระงับการลาออกไว้ก่อนแล้ว
ล่าสุด แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า การลาออกของนายกฤษฎา ถือว่ามีผลสมบูรณ์แล้ว ตั้งแต่นายกฤษฎา แสดงเจตนาว่าจะลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และได้แจ้งให้ นายเศรษฐาทวีสิน นายกมนตรีทราบ แม้จะไม่ได้มีการส่งหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร ให้กับ นายเศรษฐาก็ตาม ดังนั้น การที่นาย เศรษฐาให้สัมภาษณ์ว่าได้เบรก การลาออกและให้นายกฤษฎา ไปทบทวน ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงอะไร เพราะถือว่า นายเศรษฐา รับทราบเจตนาการลาออกของนายกฤษฎาแล้ว
แหล่งข่าวกล่าวว่า กรณีคล้ายๆ กันดังกล่าว เคยเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จนสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเคยทำเรื่องหารือคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งที่ประชุมใหญ่คณะกรรมการกฤษฎีกาเคยวินิจฉัยเรื่องนี้ไว้เป็นบรรทัดฐานว่า รัฐมนตรีเพียงแต่แสดงเจตนาว่าจะลาออกอย่างชัดเจนก็ถือว่ามีผลแล้วไม่จำเป็นต้องทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร เพราะในรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดขั้นตอนหรือรายละเอียดในการลาออกของรัฐมนตรีเหมือนกับกฎหมายฉบับอื่นๆ
“ ในกรณีนี้นายเศรษฐายอมรับในการให้สัมภาษณ์ว่านายกฤษฎา ขอลาออกออกจากตำแหน่ง เพียงแต่ นายเศรษฐาแจ้งว่าโทรไปบอก ให้ไม่ต้องส่งหนังสือลาออกมาก็แสดงว่านายกฤษฎาได้แสดงเจตนาว่าจะลาออกอย่างชัดเจนแล้วซึ่งเป็นไปตามการตีความของคณะกรรมการกฤษฎีกา ไม่สามารถยับยั้งการลาออกได้” แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า หากนายกฤษฎา เกิดเปลี่ยนใจไม่ยอมลาออกจะยิ่งทำให้เกิดปัญหามากยิ่งขึ้น เพราะจะทำให้เกิดการยื่นตรวจสอบคุณสมบัติของนายกฤษฎา ว่า ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงการลาออกแล้วหรือไม่