เผยมติ ป.ป.ช. เสียงเอกฉันท์ตีตกคดี 'สุขุม กาญจนพิมาย' อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข-พวก กลั่นแกล้งมิให้ข้าราชการได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ กองแบบแผน หลังพิจารณาสำนวนไต่สวนเบื้องต้น ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงพยานหลักฐานเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่ากระทำความผิด ไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2567 เสียงเอกฉันท์ ตีตกข้อกล่าวหานายสุขุม กาญจนพิมาย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงสาธารณสุข และพวก กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีกลั่นแกล้งมิให้ข้าราชการได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ กองแบบแผน ซึ่งเป็นตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทอำนวยการ ระดับสูง สังกัดกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข
หลังพิจารณาสำนวนไต่สวนเบื้องต้น ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่ากระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
คดีนี้ มีผู้ถูกกล่าวหา 3 ราย คือ 1. นายสุขุม กาญจนพิมาย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงสาธารณสุข, 2. นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, 3. นายประภาส จิตตาศิรินุวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า คณะไต่สวนเบื้องต้นพิจารณาแล้ว ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานใดว่า นายสุขุม กาญจนพิมาย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้โทรศัพท์ไปสั่งการให้ นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ให้ยกเลิกการเสนอชื่อ นาย ช. เพื่อกลั่นแกล้งให้ไม่ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองแบบแผนแต่อย่างใด
สำหรับการกระทำของนายณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสนับสนุน บริการสุขภาพ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า หลังจากที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้ลงนามในบันทึกข้อความ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สำนักบริหาร ที่ สธ 0701.7.3.1/1055 ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2561 เห็นชอบเสนอชื่อ นาย ช. เป็นผู้เหมาะสมให้ได้รับการเสนอชื่อเพื่อคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองแบบแผนแล้ว ก็ได้ความจากถ้อยคำของผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ที่ได้ให้ถ้อยคำต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2564 คำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และคำพิพากษาศาลปกครองกลาง รับฟังได้ว่า นาย ส. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้แจ้งว่าต้องการที่จะปฏิรูปกองแบบแผน โดยประเด็นการปฏิรูปกองแบบแผนนี้ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้มอบหมายให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ซึ่งเป็นรองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพที่กำกับดูแลกองแบบแผน จัดเตรียมข้อมูล และเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการปฏิรูปกองแบบแผนเพื่อรายงานต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จากนั้นวันที่ 9 มกราคม 2562 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ก็ได้นำเสนอเรื่องการปฏิรูปกองแบบแผนต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขก็ได้มอบนโยบายโดยให้ยึดหลักธรรมาภิบาล และให้ดำเนินการโดยคำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมาจากการปรับเปลี่ยน กฎหมายว่าด้วยสิ่งแวดล้อม
ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าได้มีนโยบายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับการปฏิรูปกองแบบแผนจริง
ประกอบกับก่อนที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 จะให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปรับเอกสารที่มีการเสนอชื่อ นาย ช.กลับคืนมานั้น ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ก็ได้โทรศัพท์ไปสอบถามนาย ส. ตำแหน่ง ผู้อำนวยการกองบริหารทรัพยากรบุคคล สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลงานด้านทรัพยากรบุคคลในส่วนข้าราชการประจำของกระทรวงสาธารณสุข ว่าสามารถดำเนินการทบทวนการเสนอชื่อข้างต้นได้หรือไม่ ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่าสามารถดำเนินการทบทวนได้ ซึ่งก็สอดรับกับถ้อยคำของนาย ส. ที่ให้ถ้อยคำต่อคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้น และในรายงานการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนสามัญ เพื่อเลื่อนและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทอำนวยการ ระดับสูง และประเภทบริหาร ระดับสูง สังกัดกระทรวงสาธารณสุข (คลข. กระทรวง สาธารณสุข) ครั้งที่ 1/2562 วาระที่ 3 เลขานุการก็ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า กรมสนับสนุนบริการสุขภาพได้ขอถอนเรื่องการเสนอชื่อข้าราชการ เพื่อเข้ารับการคัดเลือกให้แต่งตั้งและดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองแบบแผน เนื่องจากมีความประสงค์ขอทบทวนผลการคัดเลือกและได้ ขอรับเรื่องคืนเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2562 จึงมิได้เรื่องนำเข้าวาระการประชุมในครั้งนี้ อันเป็นการแสดงให้เห็นว่าได้ดำเนินการไปโดยเปิดเผย และในประเด็นนี้ นาย ส. ก็ให้ถ้อยคำต่อคณะไต่สวนเบื้องต้นว่า ในวันประชุม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ก็ได้ถามต่อที่ประชุมว่าสามารถทบทวนการเสนอชื่อ นาย ช.ได้หรือไม่ ซึ่งที่ประชุมก็ได้ให้คำตอบว่าสามารถกระทำได้ อนึ่ง กรณีนี้คณะไต่สวนเบื้องต้นได้สอบถามนาง ว. ตำแหน่ง นักทรัพยากรบุคคลเชี่ยวชาญ สำนักงาน ก.พ. ก็ได้ความว่าสำนักงาน ก.พ. ไม่ได้กำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติในเรื่องดังกล่าวไว้ แต่อย่างใด
คณะไต่สวนเบื้องต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้ยกเลิกการเสนอรายชื่อ นาย ช.ก็มาจากความเข้าใจของผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ว่าสามารถกระทำได้ เพราะได้สอบถามนาย ส. แล้ว ประกอบกับการเสนอรายชื่อข้าราชการเพื่อให้ดำรงตำแหน่งประเภทอำนวยการ ระดับสูง ต้องผ่านการกลั่นกรองจาก คลข. กระทรวงสาธารณสุข ก่อนที่จะเสนอรายชื่อไปยังปลัดกระทรวงสาธารณสุขเพื่อให้ความเห็นชอบ จึงยังไม่เป็นที่ยุติว่า คลข. กระทรวงสาธารณสุข จะให้ความเห็นชอบให้นาย ช. เป็นผู้เหมาะสมให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองแบบแผน หรือไม่ จึงถือว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้ดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว ประกอบกับมีคำพิพากษาศาลปกครอง ว่าไม่มีความเสียหาย จึงเห็นว่าการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ไม่ได้มีเจตนาที่จะกลั่นแกล้งนาย ช. เพื่อไม่ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองแบบแผน แต่อย่างใด
สำหรับการกระทำของนายประภาส จิตตาศิรินุวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงใดว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการยกเลิกการเสนอชื่อ นาย ช. แต่อย่างใด สำหรับกรณีที่ได้ลงนามในบันทึกข้อความ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กลุ่มบริหารทรัพยากรบุคคล ด่วนที่สุด ที่ สธ 0701.7.3.1/614 ลงวันที่ 19 สิงหาคม 2562 ที่เสนอชื่อนาย ถ. เป็นผู้เหมาะสมให้ได้รับคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองแบบแผน ก็เนื่องจากวันดังกล่าวเป็นวันสุดท้ายที่กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้ส่งรายชื่อ ประกอบกับ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้ติดราชการที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี อีกทั้งวันคัดเลือกในครั้งที่ 2 ก็มีระยะเวลาห่างจากการคัดเลือกในครั้งที่ 1 ถึง 8 เดือนเศษ และผู้สมัครรับการคัดเลือกก็ต้องยื่นผลงานใหม่ ประกอบกับบุคคลที่เป็นคณะกรรมการคัดเลือกก็แตกต่างกัน จึงรับฟังได้ว่า ข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนแปลงไปดังกล่าวได้ส่งผลต่อการให้คะแนน
กรณีจึงไม่ปรากฏพยานหลักฐานและพฤติการณ์ใดว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ได้กระทำการกลั่นแกล้งนาย ช.หรือให้คะแนนไม่เป็นธรรม แต่อย่างใด
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติเอกฉันท์ ด้วยคะแนน 5 เสียง ว่าจากการไต่สวนเบื้องต้น ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่านายสุขุม กาญจนพิมาย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 และนายประภาส จิตตาศิรินุวัตร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
สำหรับนายณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงษ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้กระทำตามนโยบายที่ได้รับคำสั่งมาให้ดำเนินการ และได้สอบถามในส่วนงานที่เกี่ยวข้องแล้วว่าดำเนินการได้หรือไม่ และได้รับคำยืนยันว่าดำเนินการได้ ถือว่าเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว ประกอบกับมีคำพิพากษาศาลปกครอง ว่าไม่มีความเสียหาย จึงเห็นว่าการกระทำของนายณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงษ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ไม่ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป