ราชกิจจาฯแพร่ประกาศปลดล็อกยาเสพติด ประเภท 5 ให้เสพเพื่อรักษาโรค-ศึกษาวิจัย เฉพาะตำรับยาที่มี 'ฝิ่น-เห็ดขี้ควาย' เป็นส่วนผสม ไม่รวมสารสกัดกัญชา 'ชลน่าน'ย้ำหากไม่ออกประกาศก็เปิดทางใช้รักษา-วิจัยไม่ได้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่มิใช่สารสกัดจากกัญชาหรือกัญชง ที่ให้เสพเพื่อการรักษาโรคหรือเสพเพื่อการศึกษาวิจัยได้ พ.ศ. 2567 ลงนามโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 21 มี.ค.2567 ระบุว่า
ดยที่เป็นการสมควรกำหนดยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่มิใช่สารสกัดจากกัญชาหรือกัญชง ที่ให้เสพเพื่อการรักษาโรคหรือเสพเพื่อการศึกษาวิจัยได้ เป็นไปตามหลักวิชาการ มีความปลอดภัยและเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 24 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 และมาตรา 58วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า "ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่มิใช่สารสกัดจากกัญชาหรือกัญชง ที่ให้เสพเพื่อการรักษาโรคหรือเสพเพื่อการศึกษาวิจัยได้ พ.ศ. 2563"
ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ 3 ให้ยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ซึ่งมีลักษณะเป็นตำรับยาที่มียาเสพติดให้โทษ ในประเภท 5 ผสมอยู่ และได้รับอนุญาตให้ผลิตเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5ที่ให้เสพเพื่อการรักษาโรคได้
ข้อ 4 ให้ยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ซึ่งมีลักษณะเป็นตำรับยาที่มียาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ผสมอยู่ และได้รับอนุญาตให้ผลิตเพื่อการศึกษาวิจัย เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5ที่ให้เสพเพื่อการศึกษาวิจัยได้
อ่านประกาศได้ที่: https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/26156.pdf
เมื่อวันที่ 24 เม.ย. นพ.ชลน่าน ให้สัมภาษณ์ถึงการออกประกาศฉบับนี้ว่า ปัจจุบันยาเสพติดให้โทษประเภท 5 คือ พืชฝิ่น เห็ดขี้ควาย และสารสกัดกัญชากัญชาที่มีสาร THC เกิน 0.2% โดยน้ำหนัก ซึ่งประกาศฉบับนี้หมายถึงให้ใช้ตำรับยาที่มียาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ผสมอยู่ด้วย ใช้เพื่อการรักษาและใช้เพื่อการศึกษาวิจัยได้ ยกเว้นสารสกัดกัญชากัญชง โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย. 2567 เป็นต้นไป
“ยาเสพติดประเภท 5 คือวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ถือเป็นยาเสพติดที่มีประโยชน์ทางการแพทย์ จึงต้องมีประกาศนี้ออกมารองรับอนุญาตให้สามารถนำไปใช้ประโชน์ทางการแพทย์และการศึกษาวิจัยได้ ในกรณีนำไปปรุงยาเข้าเป็นตำรับยาเพื่อการรักษาโรคหรือใช้เพื่อการศึกษาวิจัย เพราะหากไม่มีประกาศนี้ออกมาก็ไม่สามารถใช้เพื่อการรักษาโรคและศึกษาวิจัยได้” นพ.ชลน่านกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2566 ครม.อนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดพื้นที่ทดลองเพาะปลูกและสกัดสารสำคัญจากฝิ่น และกำหนดพื้นที่ทดลองปลูกและสกัดสารสำคัญจากพืชเห็ดขี้ควาย เพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจัยการนำพืชฝิ่น หรือเห็ดขี้ควาย ไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ที่เป็นยาเพื่อใช้ในการบำบัดรักษาผู้ป่วยมะเร็ง ยาต้านการซึมเศร้า หรือผู้ป่วยที่จำเป็นอื่น ภายใต้มาตรการควบคุม และลดการนำเข้ายาประเภทมอร์ฟีนจากต่างประเทศในอนาคต ซึ่งฝิ่น ในอดีตทางการแพทย์ใช้เป็นยาระงับอาการปวด แก้ท้องเสีย และแก้ไอ ขณะที่เห็ดขี้ควายมีงานวิจัยว่าสารซีโลไซบิน (psilocybin) สามารถรักษาผู้ที่มีอาการซึมเศร้าได้ เมื่อใช้ร่วมกับจิตบำบัด