อนุกมธ.ข้อมูลคดี ในกมธ.พ.ร.บ.นิรโทษกรรม สแกนคดีการเมืองเริ่มนับ 1 ม.ค. 48 - ปัจจุบัน จ่อรายงานกรรมาธิการชุดใหญ่ 18 เม.ย.67 นี้ พบกลุ่มพันธมิตรฯ-นปช.-กปปส.-ม็อบเยาวชนตั้งแต่ปี 63 ถึงปัจจุบัน จ่อได้อานิสงค์ เว้นคดีม.110 และม.112 ปัด ‘ยิ่งลักษณ์’ ได้ด้วย ชี้พิจารณารายบุคคลไม่ได้ ต้องเป็นกลุ่มคดี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 17 เมษายน 2567 นายนิกร จำนง ประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาศึกษาข้อมูลและสถิติคดีความผิดอันเนื่องมาจากแรงจูงใจทางการเมือง ในคณะ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม และคณะร่วมแถลงข่าว
สรุปสาระสำคัญของรายงานผลการพิจารณาที่คณะอนุ กมธ. ได้พิจารณาศึกษาเสร็จแล้ว ในประเด็น อาทิ การนิยามความว่า แรงจูงใจทางการเมือง หมายถึง การกระทำที่มีพื้นฐานมาจากความคิดที่เกี่ยวพันกับเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง หรือต้องการบรรลุเป้าหมายทางการเมือง อย่างใดอย่างหนึ่งในช่วงเวลาที่มีความขัดแย้ง หรือเหตุการณ์ความไม่สงบ ประเด็นการใช้ข้อมูลและสถิติคดีความผิดอันเนื่องมาจากแรงจูงใจทางการเมือง จากหน่วยงานของรัฐ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ประเด็นฐานความผิดที่เกี่ยวเนื่องกับประเด็นการนิรโทษกรรม และประเด็นข้อมูลและสถิติคดีความผิดอันเนื่องมาจากแรงจูงใจทางการเมืองฐานความผิด จากเหตุการณ์การชุมนุมครั้งสำคัญ เป็นต้น
นายนิกร จำนง กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะอนุ กมธ.เห็นว่า ช่วงเวลาที่เหมาะสมในกรณีที่จะมีการนิรโทษกรรม คือ ช่วงเวลาตั้งแต่ 1 ม.ค. 2548 จนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ขั้นตอนต่อไป จะได้เสนอรายงานต่อ คณะ กมธ. วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมให้ความเห็นชอบ ในวันที่ 18 เม.ย. นี้ ต่อไป
@พธม.-นปช.-กปปส.-ม็อบปี 63 อยู่ในพ.ร.บ.นิรโทษฯ ไม่รวมคดี ม.110 / 112
สำหรับฐานความผิดอันเนื่องมาจากแรงจูงใจทางการเมือง จะประกอบด้วย
1. การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กลุ่มพันธมิตรฯ) ปี 2548-2551
2. การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ปี 2550-2553
3. การชุมนุมกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ปี 2556-2557
4. การชุมนุมกลุ่มนักเรียน นักศึกษา เยาวชน และประชาชน ปี 2563 ถึงปัจจุบัน
ส่วนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 110 และมาตรา 112 นั้น อนุฯ กมธ.ไม่มีการชี้ชัดว่าจะอยู่ใน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา มีการตั้งคณะกรรมการศึกษาเกี่ยวกับการปรองดอง สมานฉันท์และนิรโทษกรรมในหลายคณะ แต่คณะกรรมการเหล่านั้นไม่ได้พิจารณาเกี่ยวกับความผิดมาตรา 110 และ 112 เนื่องจากเป็นประเด็นอ่อนไหว และเป็นเรื่องความมั่นคงแห่งรัฐ ดังนั้น ความผิดทั้ง 2 มาตรา ยังเป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหวอยู่ อนุฯ กมธ.ยังไม่มีความเห็นในประเด็นดังกล่าว
นายนิกร กล่าวว่า อนุฯ กมธ.มีความเห็นเพิ่มเติมว่าควรพิจารณาสั่งไม่ฟ้องในคดีอาญาที่ไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณะ โดยอาศัยมาตรา 21 พ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. 2553 ที่ให้อำนาจพิจารณาสามารถส่งเรี่องให้อัยการสูงสุดพิจารณายุติคดีหรือถอนฟ้องคดีเหล่านี้ได้ เพื่อกรองคดีออกไปก่อนที่จะมีการนิรโทษกรรม อาทิ คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินปี 2548 ที่มีอยู่ 73,009 คดี ในช่วงสถานการณ์โควิด หรือคดีความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.จราจรทางบก ปี 2522 ที่มี 2.6 ล้านคดี
ทั้งนี้ นอกจากจะเสนอรายงานเหล่านี้ต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญฯแล้ว ก็จะส่งรายงานให้คณะอนุกรรมาธิการจำแนกการกระทำเพื่อประกอบการพิจารณาแนวทางตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่มี นายยุทธพร อิสรชัย นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ในฐานะประธานอนุฯ กมธ. ไปพิจารณาแนวทางจำแนกฐานความผิดต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมต่อไป คาดว่า จะเสนอรายงานต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาได้ในช่วงเปิดประชุมสภาสมัยหน้า
@คดีอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ยังไม่ได้คุย
ผู้สื่อข่าวถามว่า การนิรโทษกรรม นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะอยู่ในเกณฑ์ได้รับการนิรโทษกรรมหรือไม่ นายนิกร ตอบว่า อนุฯ กมธ.ไม่ได้พิจารณาประเด็นนี้ เพราะไม่สามารถพิจารณาเป็นรายบุคคลได้ ประเด็นที่อนุฯ กมธ.พิจารณา คือ
1. อยู่ในระยะเวลาปี 2548 ถึงปัจจุบันหรือไม่
2. ฐานความผิด 25 ฐาน กรณี นางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่ได้อยู่ใน 25 ฐานความผิดนี้
3. เป็นความผิดที่มีแรงจูงใจทางการเมืองหรือไม่ ทั้งหมดนี้จะอยู่ในการพิจารณาของคณะอนุฯ กมธ.ที่มี นายยุทธพร จะพิจารณากำหนดรายละเอียด จำแนกความผิดในการนิรโทษกรรมอีกครั้ง
เมื่อถามย้ำว่า คดีจำนำข้าวนี้ไม่ได้อยู่ในฐานความผิดที่จะพิจารณาได้ใช่หรือไม่ นายนิกร ตอบว่า ไม่ได้พิจารณาเป็นรายบุคคล หรือรายเคส แต่พิจารณาเป็นฐานความผิด ทุกเคสทุกคดีพิจารณาจาก 3 ประเด็นที่ว่ามา ส่วนตัวไม่มีความเห็นคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ในเงื่อนไขของอนุฯ กมธ.หรือไม่ ยังไปไม่ถึงจุดนั้น แต่ยืนยันไม่มีใครส่งสัญญาณอะไรมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ 25 ฐานความผิดที่อนุฯ กมธ.พิจารณาศึกษาข้อมูลและสถิติคดีความผิดอันเนื่องจากแรงจูงใจทางการเมือง อาทิ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท มาตรา 107-112 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ มาตรา 113-129 ความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย ความผิดฐานเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร มาตรา 211-214 ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง มาตรา 215-216 ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดเพลิงไหม้ มาตรา 217-220 ความผิดต่อร่างกาย มาตรา 295-300 ความผิดต่อเสรีภาพ มาตรา 309-321 ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ มาตรา 358-361 ความผิดฐานบุกรุก มาตรา 362-366 ความผิดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ปี 2548 ความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกปี 2522 ความผิด พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ ปี 2558 ความผิด พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมืองปี 2535