ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'พรหมมินทร์ พรรณผิว' อดีตนายกเทศมนตรีตำบลบ้านแพรก อยุธยา ตรวจรับเบิกจ่ายเงินก่อสร้างอาคารพัฒนาศูนย์เด็กเล็กทั้งที่งานยังไม่แล้วเสร็จ ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 1 พิพากษาลงโทษจำคุก 5 ปี - พวก 3 ราย โดนคนละ 2 ปี แต่ได้รอลงอาญาหมด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายพรหมมินทร์ พรรณผิว เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลบ้านแพรก อำเภอบ้านแพรกจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กับพวก คือ นางสาวศิริธน หรือมิ่งขวัญ สุทธิบูรณ์, นายธนกร ชิศากรวณิช , นางสาววัฒนีย์ กวินฐิตาพันธ์ หรือนางนันทิดา บุญสังข์ ตรวจรับและเบิกจ่ายเงินในโครงการก่อสร้างอาคารพัฒนาศูนย์เด็กเล็กโรงเรียนเทศบาลวัดหลวงพ่อเขียวให้ผู้รับจ้างทั้งที่งานยังไม่แล้วเสร็จและไม่เป็นไปตามแบบรูปรายการตามสัญญา ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157 , 162 (1) (4) ตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช.พ.ศ.2561 มาตรา 172) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 มี.ค.2565 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำพิพากษาดังนี้
1. นายพรหมมินทร์ พรรณผิว จำเลยที่ 1 มีความผิดตามกฎหมาย จำคุก 5 ปี
2. นางสาวศิริธน หรือมิ่งขวัญ สุทธิบูรณ์ จำเลยที่ 2 , นายธนกร ชิศากรวณิช จำเลยที่ 3 , นางสาววัฒนีย์ กวินฐิตาพันธ์ หรือนางนันทิดา บุญสังข์ จำเลยที่ 4 มีความผิดตามกฎหมาย ลงโทษจำคุกคนละ 3 ปี และปรับคนละ 30,000 บาท
3. ทางนำสืบของจำเลยที่ 2-4 เป็นประโยชน์ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก คนละ 2 ปี และปรับคนละ 20,000 บาท
ไม่ปรากฏว่าได้รับโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตาม ป.อ. มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อ. มาตรา 29,30
ทั้งนี้ คดียังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งหมด มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 7 ก.พ.2567 ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบในการที่ อัยการสูงสุด (อสส.)จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐเทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท