‘ศิริกัญญา ตันสกุล’ อภิปรายถล่มงานเศรษฐกิจรัฐบาลล้มเหลวหลายด้าน ก่อนปูดแจกเงินหมื่นเปลี่ยนวิธีบ่อยถึง 5 ครั้ง ล่าสุดใช้ช่องเบ่งงบกลาง-งบปี 68-กู้ธกส. ด้าน ‘จุลพันธ์’ แจงเปลี่ยนบ่อยเพราะมีกฎหมายกำกับ ก่อนขอบคุณที่ใหเกำลังใจในการแจกเงิน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 3 เมษายน 2567 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 1 ครั้งที่ 32 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง เป็นพิเศษ ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือการอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 วันแรก
นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ในระยะ 6 เดือนการบริหารประเทศของรัฐบาล การแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจเป็นไปในแนวปัญหาเฉพาะหน้ารอได้ ปัญหาระยะไกลไม่เห็นทาง โดยผลงานของรัฐบาลได้แถลงบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือน หลายเรื่องดำเนินการอย่างรวดเร็ว หลายเรื่องทำไปตั้งแต่เดือนแรกที่เข้ามารับตำแหน่ง โดยเฉพาะเรื่องของการลดรายจ่าย หลายโครงการอยู่ในระดับขับเคลื่อนผลักดันและส่งเสริมเร่งรัด แต่ยังไม่มีผลเป็นรูปธรรม แถมรัฐบาลก็เอาเรื่องที่ยังดำเนินการไม่เสร็จเหล่านี้มาใส่เป็นผลงานรัฐบาลด้วย เช่น การขยายเวลาเปิดสนามบินเชียงใหม่เป็น 24 ชั่วโมง ก็ไม่ทราบว่าผลงานแบบนี้ก็ถือเป็นผลงานของรัฐบาลได้หรือไม่
@ผลงาน 6 เดือน น้อยกว่า 3 เดือน
เมื่อเปรียบเทียบกับการที่รัฐบาลมีแผนจะแถลงผลงานในระยะ 6 เดือน รัฐบาลก็ไม่ได้แถลง แต่มีการออกข่าวว่าผลงาน 6 เดือนของรัฐบาลเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่เป็นการเอาผลงานในระยะ 3 เดือนมาผลิตซ้ำ การลดรายจ่ายไม่มีอะไรใหม่ แถมมีการตัดแผนงานบางอย่างออก เช่น เพิ่มสิทธิบัตรทองในการผ่าตัดแปลงเพศ
ส่วนการเพิ่มรายได้มีเพิ่มมาแค่ 2 ประเด็น คือการกลับลดภาษีสรรพสามิตไวน์และสุราแช่ แต่ไม่พบเรื่องของสุรากลับที่ประชาชนชาวบ้านรออยู่ หรือการปราบปรามสินค้าเถื่อนจำพวกหมู วัว ยาง, แผนงานการดึงดูดนักลงทุนเชิงกรุและการผลักดันให้สนามบินสุวรรณภูมิติด 1 ใน 50 สนามบินดีสุดในโลก ซึ่งการวางเป้าหมายสามารถระบุเป็นผลงานได้หรือไม่?
นางสาวศิริกัญญากล่าวต่อว่า จากข้างต้นแสดงให้เห็นว่าผลงานจาก 3 เดือนเข้าสู่ 6 เดือนนั้นมีผลงานใหม่ๆเกิดขึ้นน้อยมาก ประเด็นการขยายโอกาสให้ประชาชนถูกตัดทิ้ง นโยบาย soft power ของรัฐบาลก็ไม่ถูกบรรจุในผลงาน 6 เดือน รวมถึงการผลักดันนโยบายแลนด์บริดจ์ก็หายไป แบบนี้ เป็นเพราะนายกรัฐมนตรีเป็นนายกแบบพาร์ทไทม์หรือเปล่า เพราะส่วนหนึ่งขอเวลาถูกใช้ไปในการเป็นเซลล์แมนประเทศ ทำให้ไม่มีผู้บริหารประเทศแบบฟูลไทม์ ทำให้สิ่งที่เฝ้ารออย่างการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้เห็นเลย
@จี้ตอบมาตรการลดรายจ่าย เอาไงต่อ?
รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลลงรายละเอียดในแต่ละนโยบายว่า มาตรการการลดรายจ่าย พบว่าทุกมาตรการทยอยหมดอายุ นโยบายค่าไฟ 3.99 บาทต่อหน่วยก็หมดอายุไปแล้ว ตอนนี้ค่าไฟอยู่ที่ 4.18 บาท/หน่วยแล้ว และในเดือนพ.ค. 2567 จะมีภาระจ่ายคืนหนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพิ่ม ส่วนการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซิน 1 บาท หมดอายุมาตรการไปตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค. 2567 ตอนนี้ 2 ลิตร 100 บาทแล้ว ขณะที่การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลก็กำลังจะสิ้นสุดมาตรการในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ซึ่งคาดว่าน้ำมันดีเซลจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 4 บาท และการใช้กองทุนน้ำมันดีเซลอุดหนุนมาตรการต่างๆ ก็ไม่รู้จะใช้เงินจากกองทุนนี้อุดหนุนได้อีกนานแค่ไหน ส่วนราคาแก๊สหุงต้มก็กำลังจะหมดอายุตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค 67
"ทุกวันนี้จะมีคำถามว่ารัฐบาลจะเอายังไงต่อกับมาตรการลดค่าครองชีพ จะเป็นการลดค่าครองชีพแบบชั่วครั้งชั่วคราวแต่ไม่ได้แก้ปัญหาที่ระยะยาวตามมา เพราะสิ่งที่ท่านใช้ในการทำมาตรการลดค่าใช้จ่ายเหล่านี้มันมีต้นทุนที่มันเกิดขึ้น เกิดเป็นภาระที่เกิดขึ้นกับหน่วยงานต่างๆ อาทิกองทุนน้ำมัน เครื่องกองทุนน้ำมันมีภาระในการแบกรับการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งก็ไม่รู้จะแบกรับได้อีกนานแค่ไหน ขณะนี้มาตรการทางด้านภาษีก็น่าจะไม่ได้รับการต่ออายุแล้ว เพราะถ้ามีการต่อมาตรการก็น่าจะต้องผ่านครม.วานนี้ (2 เม.ย. 67) แต่ตอนนี้กรมสรรพสามิตก็มีปัญหาเรื่องของการเก็บรายได้หลุดเป้าอันเนื่องมาจากการเก็บภาษีน้ำมันไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ งานหนักจึงตกมาอยู่ที่กองทุนน้ำมัน" นางสาวศิริกัญญาระบุ
นางสาวศิริกัญญากล่าวต่อว่า สถานะของกองทุนน้ำมันก่อนหน้านี้อยู่ในแดนบวกหลายหมื่นล้านในช่วงที่รัฐบาลมีเข้ามาบริหารประเทศใหม่ๆ แต่ทุกวันนี้อ้างอิงข้อมูลเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 67 สถานะกองทุนติดลบแล้ว 100,000 ล้านบาท ส่วนยอดเงินกู้ก็กู้ไปแล้ว 100,000 ล้านบาทเช่นกัน ซึ่งก็ใกล้จะเต็มเพดานเงินกู้แล้ว
และคาดว่าน่าจะไม่มีธนาคารหรือสถาบันการเงินไหนให้กู้แล้ว หากตัวเลขทางบัญชีติดแดงขนาดนี้ คำถามคือ รัฐบาลจะมีแผนจัดการยังไงกับสถานะของกองทุนน้ำมัน จะมีการออกพระราชกำหนดขยายวงเงินให้กู้ยืมหรือไหม แล้วจะมีพื้นที่ทำทางการคลังหรือไม่ รัฐบาลก็ต้องกันพื้นที่ทางการคลังไว้สำหรับทำนโยบายดิจิทุลวอลเลต
ส่วนเรื่องยางพารา สิ่งที่จะชี้ให้เห็นคือ ยางพาราเถื่อน ที่ผ่านมามีแต่ปลาปลาสร้อยถูกย้ายแต่ยังไม่พบระดับนายด่านถูกย้ายออกไปเลย จะเป็นไปได้อย่างไรในการควบคุมการลักลอบนำเข้ายางเถื่อน จะใช้เพียงกำลังทหารคุมชายแดน แต่ไม่ตรวจด่านศุลกากร ขณะที่รายได้เกษตรกรแม้จะอ้างว่ามีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ก็เป็นผลมาจากการที่ผลผลิตในช่วงนี้ออกมาน้อย จนทำให้รวมราคากับปริมาณรายได้ของเกษตรกรยังติดลบและติดลบเป็นเดือนที่ 4 แล้วด้วย ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายว่ากำลังซื้อของเกษตรกรกำลังตกลง และจำเป็นจะต้องมีมาตรการออกมาพยุงกำลังซื้อ
ดังนั้นจะมีคำถามว่าภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ รัฐบาลจะมีมาตรการอะไรออกมาช่วยพยุงกำลังซื้อระยะสั้นของประชาชนตัวเล็กตัวน้อยและผู้ที่มีบทบาทในเศรษฐกิจฐานราก เพราะงบประมาณก็มีงบไปพลางก่อน แม้จะอ้างว่าใช้ไปในรายจ่ายประจำ แต่ยังมีงบกลางอยู่ซึ่งรัฐบาลก็ใช้ไปเพียง 3,000 ล้านบาทเท่านั้น
@ฟรีวีซ่าวืด คนต่างชาติพฤติกรรมเที่ยวเปลี่ยน
ถัดมา ประเด็นการท่องเที่ยว มาตรการฟรีวีซ่าไม่ได้ผลอีกต่อไป เพราะนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไปแล้ว และสิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่คิดใหญ่ทำเล็ก เพราะผลที่ได้เทียบไม่ได้กับปัญหาที่ใหญ่มาก ไตรมาสแรกของปีนี้ จีนฟื้นฟูการท่องเที่ยวต่างประเทศกลับมาค่อนข้างดี จำนวนที่นั่งในเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 70% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด แต่ไทยยังฟื้นตัวไม่ถึง 60% ถ้ามองว่านักท่องเที่ยวลดลงเป็นปัญหาระยะสั้น ก็ใช้วิธีฟรีวีซ่าไป แต่ถ้ามองปัญหาเชิงโครงสร้างจะพบว่าพฤติกรรมนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไปแล้ว โดยเฉพาะจีน ซึ่งตอนนี้เที่ยวบินต่างประเทศ ญี่ปุ่นแซงไทยไปแล้ว เกาหลีใต้กำลังตามมาติดๆ ดังนั้น ตโยบายการทำ Tourism Hub จะแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างนี้อย่างไรจากการพึ่งพานักท่องเที่ยวจีนมากไป หรือ รัฐบาลจะพยายามทำให้นักท่องเที่ยวจีนกลับมาเหมือนเดิมได้
@จี้ปัญหาขาดดุลการค้ากับ 'จีน'
ต่อมา นางสาวศิริกัญญากล่าวต่อไปว่า ในประเด็นการส่งออกตอนนี้ไทยมีความสามารถแย่กว่าประเทศอื่น จึงขอให้รัฐบาลเริ่มคิดได้แล้วว่า จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างไร โดยเฉพาะเมื่อจีนเริ่มรุกคืบในการผลิตในประเทศมากขึ้นแล้วส่งออกในประเทศใกล้เคียง ซี่งจากข้อมูลพบว่า ไทยเรานำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคจากจีนมากขึ้น จากเดิม 20% เพิ่มเป็น 41% ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม เช่นเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็ถูกประเทศจีนนำสินค้าเข้ามาขายในประเทศจนขาดดุลทางการค้าอย่างหนัก ซึ่งรวมไปถึง ยานยนต์และเหล็กกล้า ในปี 2566 ขาดดุลการค้าไปแล้ว 30,000 ล้านบาท ไม่ได้บอกให้ปิดประเทศ แต่ถ้าเปิดกว้างจนไม่ทำอะไรเลยก็ไม่ได้เหมือนกัน เพราะปัญหาลุกลามไปทั้งห่วงโซ่อุปทานแล้ว โดนหมดทั้งผู้ประกอบการใหญ่จนถึง SMEs ที่ทยอยปิดการ
และเรื่องที่เป็นภาพใหญ่คือ การที่นายกรัฐมนตรีเคยระบุว่า จะเป็น the last man Standing ในการผลิตรถยนต์สันดาป เป็นชาติสุดท้ายของโลก หากรัฐบาลต้องการจะเป็นไปในแนวทางนั้น ก็สามารถเป็นได้ แต่จำเป็นจะต้องเตรียมการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมรถยนต์จากสันดาปเป็นยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะมีแรงงานที่ได้ผลกระทบประมาณ 890,000 คน ที่อาจจะตกงาน ถ้ารัฐบาลไม่มีแผนเปลี่ยนผ่านดังกล่าว รวมถึงการเปลี่ยนผ่านสินค้าในยุคเก่า ทั้งรถยนต์สันดาปและชิ้นส่วน ฮาร์ดดิสก์ไดร์ หรือผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ที่กำลังจะถูกลดความสำคัญลงไป จึงอยากถามว่ารัฐบาล มีนโยบายแผนงานในการเปลี่ยนผ่าน สู่อุตสาหกรรมใหม่ไหม หรือจะจมปลักกับอุตสาหกรรมที่ใกล้ตกยุค
รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวต่อว่า สิ่งที่ยังเป็นโชคดีของประเทศไทยนะขณะนี้ ไม่ว่าจะเจอปัญหาเศรษฐกิจมากมายขนาดไหนก็คือ การที่รัฐบาลเลิกพูดว่าประเทศไทยกำลังเข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจ แต่การผ่านวิกฤตเศรษฐกิจมาได้ ไม่ได้มาจากรัฐบาล ไม่ได้มาจากพระสยามเทวาธิราช แต่มาจากหน่วยงานที่ชื่อว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่มาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยการออกรายงานมา 1 ฉบับมาเป่ากระหม่อมรัฐบาลว่าตอนนี้ไม่มีสภาพเศรษฐกิจวิกฤต ทำให้รัฐบาลเลิกพูดว่ามีวิกฤตเศรษฐกิจทันที
" ที่ผ่านมา การประโคมข่าวร้ายว่าประเทศกำลังวิกฤตก็เป็นเพียงเพื่อ จะได้ใช้กลไกพิเศษในการกู้เงินเท่านั้นเอง ดังนั้นเมื่อพูดถึงปัญหาเศรษฐกิจจะพูดถึงเรื่องที่เป็นหัวใจของปัญหานี้ไม่ได้นั่นก็คือการแจกเงินผ่านดิจิทัลวอลเลต" นางสาวศิริกัญญาระบุ
@เปลี่ยนวิธีหาเงิน 5 รอบ ดิจิทัลวอลเลต
นางสาวศิริกัญญากล่าวว่า โครงการดิจิทัลวอลเลต มีความคืบหน้าล่าสุดคือ การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดรอบที่ 5 แล้ว รัฐบาลยิ่งแถลงยิ่งเปลี่ยนแปลงรายละเอียดได้เรื่อยๆ โดยเฉพาะประเด็นที่มาของเงิน ตอนหาเสียงบอกง่า จะใช้งบประมาณปี 2567 ในการดำเนินการ แต่พอมาเป็นรัฐบาลใหม่ๆ พบว่า งบประมาณดังกล่าวไม่พอ จึงเปลี่ยนไป กู้ธนาคารออมสินแต่ถูกคณะกรรมการกฤษฎีกาห้ามไว้ เพราะผิดพ.ร.บ.ธนาคารออมสิน ที่หากกู้ไปส่อผิดวัตถุประสงค์ของธนาคาร
ต่อมาก็เปลี่ยนไป ใช้วิธีการผูกพันงบประมาณปี 2567-2568 แต่ถูกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตักเตือนว่าจะผิด พ.ร.บ.เงินตรา จึงถอยไปอีก รัฐบาลจึงเปลี่ยนวิธีการอีกครั้งด้วยการ ใช้งบประมาณและพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เงินกู้ แต่เมื่อได้ไปสืบค้นข้อมูลในงบประมาณปี 2567 ก็ไม่พบรายการกู้เงินสำหรับใช้ในนโยบายนี้แต่อย่างใด ถัดมารัฐบาลก็เปลี่ยนวิธีการอีกครั้งหนึ่งด้วยการจะกู้ 100% แต่ถูก ป.ป.ช.ทำรายงานเตือน รัฐบาลจึงพับแผนดังกล่าวลง
ล่าสุด รัฐบาลคิดวิธีการใหม่อีกครั้งหนึ่ง ด้วยการ ใช้แหล่งเงินจาก 3 แหล่งก็คืองบกลางปีของปี 2567 และงบประมาณปี 2568 บวกกับการกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ถือเป็นกลวิธีที่พิสดาร นอกจากนี้ ยังมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดส่วนอื่นๆ ทั้งกลุ่มเป้าหมายและการวางกำหนดเวลา โดยล่าสุดกำหนดเวลาแจกอยู่ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ขณะที่แอปพลิเคชันก็เปลี่ยนไปเรื่อยจาก Super App สู่เป๋าตังค์ แต่เมื่อมีกระแสข่าวภายในธนาคารกรุงไทย เจ้าของแอปไม่ยอมทำ จึงมีกระแสข่าวให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นผู้พัฒนาแอปแทน
นางสาวศิริกัญญา กล่าวถึงแหล่งที่มาของเงินว่า คิดว่ารัฐบาลจะเบ่งงบ 2568 มาทำโครงการดิจิทัลวอลเลตเยอะกว่านี้และคิดว่าจะมีการเก็บภาษีเพิ่มเติมด้วย เพราะเท่าที่ดูก็ไม่น่าจะพอ ส่วนงบกลางปี 2567 นั้น จริงๆ รัฐบาลสามารถออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี หรืองบกลางปีขึ้นมาได้ โดยการกู้เพิ่มหรือกู้ชดเชยขาดดุลเต็มเพดานอยู่ที่ 1 แสนล้านบาท หากท่านงงว่าออกงบกลางปี 2567 แล้วจะไปใช้ปี 2568 ได้อย่างไร ก็จะมีทริคอยู่ว่าให้นำไปใส่ในกองทุนเนื่องจากไม่ต้องส่งคืนคลัง เอาไปใช้ทำอะไรก็ได้ นอกจากนี้ ยังสามารถกู้ ธกส.มาใช้ก่อนได้ ซึ่งตนก็ยังรอคำตอบในเรื่องนี้ว่าตนจะเดาถูกหรือไม่
“ต้องบอกว่าเป็นความพยายามที่เรียกได้ว่าเลือดเข้าตาแล้ว จากเดิมที่พายเรือในอ่างก็ไปเริ่มที่ศูนย์ วันนี้เรากำลังออกทะเลไปไกลแล้ว เพราะมูลค่า 5 แสนล้านบาทที่กำลังจะเกิดขึ้น ก็ต้องบอกว่ามาจากการกู้ กู้ และกู้อยู่ดีเพียงแค่จะเป็นการกู้ที่ทำให้ถูกกฎหมายได้ และที่ยังกังวลกันอยู่คือเรื่องของระบบแต่ก็ยังมีเวลาที่ท่านจะไปสะสางปัญหาว่าจะโอนอย่างไร ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าค่อนข้างเละเทะ จากการที่จะต้องเปลี่ยนแหล่งเงินไปมาประมาณ 5 ครั้ง ยังไม่รู้ว่าจะมีรอบที่ 6 หรือไม่ มีการเลื่อนการแจกอย่างน้อยมาแล้ว 4 ครั้ง มีการเปลี่ยนเทคโนโลยีแอพพลิเคชันที่ใช้ เปลี่ยนเรื่องจำนวนคนตลอดเวลา มันทำให้ชวนคิดเขาว่าสรุปแล้วรัฐบาลนี้มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศมาก่อนจริงใช่หรือไม่ เรื่องความรู้ความเข้าใจการคลังทำให้ดิฉันตกใจว่าทำไมถึงกล้าออกนโยบายเช่นนี้มาได้ และการที่ต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเยอะขนาดนี้ ยิ่งแสดงว่าไม่ได้มีการเตรียมความพร้อมใดๆ มาตั้งแต่เริ่มต้น ถึงต้องขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ เช่นนี้ แล้วท่านก็ขยันแถลงมาก เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้าอาทิตย์เดียว แถลงไปถึง 2 ครั้งโดยที่ไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน” นางสาวศิริกัญญา กล่าว
นางสาวศิริกัญญา กล่าวอีกว่า ประเทศได้รับความเสียหาย เพราะโมเมนตัมหรือพายุหมุนทางเศรษฐกิจที่ท่านอยากให้เกิดขึ้น ก็จะไม่เกิด เนื่องจากต้องได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน จึงเป็นปัญหาที่ตนคิดว่าไม่ใช่เป็นเพราะนโยบายใดนโยบายหนึ่ง จึงอยากเรียกร้องรัฐบาลสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาในระบบเศรษฐกิจได้แล้ว ในฐานะที่ท่านบอกว่าจะอาสามาเข้ามาแก้ไขปัญหาปากท้องให้ประชาชน แต่ตอนนี้ทำได้ไม่กี่นโยบายก็นิ่งสนิท แล้วยังต้องให้ประชาชนรออีกจนถึงไตรมาส 4 โดยที่ยังไม่รู้ว่าโครงการนี้จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่
@รบ.แจงเปลี่ยนเกณฑ์ เป็นไปตามกฎหมายกำหนด
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงว่า ยินดีน้อมรับข้อติติงข้อเสนอแนะข้อแนะนำ แต่สิ่งที่รัฐบาลได้ทำอยู่เป็นสิ่งที่กำลังดำเนินการและเดินหน้าแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้นเด็กเข้าสอบจะตัดเกรดตั้งแต่วันที่ 2 วันที่ 3 เป็นไปไม่ได้ ต้องรอให้จบภาคการศึกษาก่อน ซึ่งการจบภาคการศึกษาของรัฐบาลก็ครบ 3ปี แต่การตรวจสอบการทำงานเป็นระยะอย่างนี้พวกตนยินดีเพราะเป็นประโยชน์ เชื่อว่าเมื่อครบวาระของรัฐบาลชุดนี้ แล้วมาตัดเกรดกันอีกที่ก็หวังว่าจะได้เกรดเอ จะได้เอาการบ้านไปส่งผู้ปกครองคือพี่น้องประชาชน
ส่วนที่นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลถามเรื่องดิจิตอลวอลเลตว่ามีการเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง ยอมรับว่ามีการเปลี่ยนแปลงจริงในหลายมิติ ทั้งเรื่องจำนวนคนเข้าสู่โครงการ เรื่องกลไกลรายละเอียด รวมถึงแหล่งเงิน ซึ่งการเปลี่ยนทุกครั้งไม่ใช่สิ่งที่พวกตนอยากเปลี่ยน แต่เราต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เป็นไปตามกรอบของกฎหมายที่เกิดขึ้น และเปลี่ยนแปลงตามข้อแนะนำ ข้อเสนอแนะของหน่วยงานที่ทำให้กลไกลสามารถเดินหน้าและเป็นประโยชน์ได้ แต่เราไม่ได้เปลี่ยน5-6 ครั้ง หลายครั้งที่ท่านเขียนมาในรายงานที่นำเสนอต่อสภาฯ บางอย่างก็เป็นสิ่งซึ่งท่านผู้อภิปรายก็เป็นผู้คาดเดา แต่ไม่ได้มีการออกมาจากคณะกรรมการ ไม่ได้มีการออกจากนายกฯหรือตน ทำใหสับสนบ้าง แต่ทุกคนก็เป็นห่วง
“ขอขอบคุณในกำลังใจที่อยากให้โครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิตอลวอลเล็ตเดินหน้าได้ ผมก็หวังเช่นเดียวกัน แต่อยากให้ลดการคาดเดาลง เพราะอีกเพียงแค่ไม่กี่วันก็ถึง 10เมย.แต่วันนี้ยังพูดไม่ได้เพราะกลไกลทางกฎหมายจำเป็นจะต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการ ผมมาพูดวันนี้ก็เท่ากับผมชี้นำโดยไม่ถูกขั้นตอน ดังนั้นขอให้รออีกไม่นาน ไม่อยากให้คาดเดาไปต่างๆนานา ผิดมาก็มีหน้าแตกอีก ขอให้รอมติให้ชัดเจนแล้วมาแถลงทุกอย่างจะสมบูรณ์ ยืนยันว่านโยบายนี้ตรวจสอบเข้มข้นแม้ยังไม่ได้แจกเงินให้ประชาชน ”นายจุลพันธ์ กล่าว