'บิ๊กโจ๊ก' ไม่ไปรายงานตัวคดีเอี่ยวเว็บพนัน อ้างยังไม่ได้รับหมาย เผยหลังจากนี้ต้องหารือ 'บิ๊กต่อ' ปมยุติความขัดแย้งใน ตร. ยืนยันจะมีการถอนฟ้องทั้งหมด ยืนยันไม่ใช่สายบ้านจันทร์ส่องหล้า ด้าน 'บิ๊กต่อ' ยอมรับบกพร่องเหตุไม่สามารถทำ ตร.เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้ ขณะชุดสอบสวน บชน.ทำงานตามปกติ เตรียมส่งหมายเรียกบิ๊กโจ๊กไปที่ทำเนียบ-บ้านที่สงขลา ด้านนายกฯย้ำเซ็นสั่งย้ายเพื่อให้เกิดความยุติธรรม
สำนักข่าวอิศรา (www.israenews.org) รายงานข่าวว่าเมื่อวันที่ 21 มี.ค. หลังจากที่ปรากฏเป็นข่าวว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีได้เซ็นคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.เข้าช่วยงานที่ทำเนียบรัฐบาล
เมื่อเวลา 9.55 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้เดินทางเข้ามาทำงานยังสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยไม่ได้ไปมอบตัวรับทราบข้อกล่าวหาคดีฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 (บก.น.2) ในกรณีที่พนักงานสอบสวนอ้างว่าพบความเชื่อมโยงกับคดีเว็บพนันออนไลน์ BNK MASTER ซึ่งมีตำรวจตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ 3 นาย และพลเรือนอีก 1 คน แต่อย่างใด
พล.ต.สุรเชษฐ์ได้ให้สัมภาษณ์สื่อว่ากรณีที่ไม่ได้ไปมอบตัวนั้น ยืนยันว่า ยังไม่ได้รับหมายดังกล่าว รวมถึงคดีอื่นๆที่ยังค้างอยู่ 3 คดี โดยเรื่องนี้จะมีการพูดคุยกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ก่อน แต่ยืนยันว่าจะมีการถอนฟ้องทั้งหมด "ความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติหลังจากนี้ต้องยุติแล้ว ไม่มีใครขัดแย้งกับใคร"
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังให้สัมภาษณ์ ถึงกระแสข่าวที่ถูกมองว่าใกล้ชิดกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เรื่องถึงออกมาเป็นเช่นนี้ ว่า ไม่เกี่ยว ส่วนการไปตอนนั้นเพื่อไปทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยขบวนสำคัญเพราะเขาเป็นอดีตนายกฯ พร้อมย้ำว่าไม่มีเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวอะไรทั้งสิ้น แต่เรื่องนี้เป็นการแก้ไขของนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดความสามัคคีในหน่วย
เมื่อถามย้ำว่า ถูกมองว่าเป็นสายบ้านจันทร์ส่องหล้า ไปแล้ว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ส่ายหัวพร้อมระบุว่า ไม่มีสายไหน มีแต่เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเมื่อตอนนี้ให้มาทำหน้าที่นี้ก็ต้องมาทำ
“วันนี้ทุกคนก็ต้องทำหน้าที่ เพื่อประชาชนและเพื่อส่วนรวม เรื่องส่วนตัวต้องทิ้งไปให้หมด แต่อย่างไรวันนี้ก็ยังไม่มีการพบนายกฯ รวมถึงเลขาธิการนายกฯ ซึ่งวันนี้มารายงานตัวกับปลัดสำนักนายกฯก็ถือว่าเรียบร้อยแล้ว และเดี๋ยวจะไปดูห้องทำงาน พร้อมยืนยันว่าจะมาทำงานทุกวันไม่มาไม่ได้ ตนได้รับมอบหมายให้ดูงานด้านที่ปรึกษากฎหมาย พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารต่างๆ และการกระจายอำนาจ ซึ่งเชื่อว่าจะทำหน้าที่ได้ดี” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าว
เมื่อถามต่อว่ามั่นใจแค่ไหนว่าจะได้กลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ไม่รู้ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี ให้อยู่ไหนก็อยู่ตรงนั้นเพราะทุกที่สบายใจหมดอย่าไปคิดมาก
ขณะที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า ตนได้รับมอบหมายให้ดูงานจิตอาสาซึ่งทำอยู่แล้ว ถึงให้คำปรึกษาเรื่องการดูแลชุมนุมต่างๆ เนื่องจากเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลังจากนี้ก็จะเดินทางเข้ามาทำงานทุกวัน แต่ยังคงต้องเข้าเวรราชองครักษ์อยู่
พล.ต.ต่อศักดิ์ กล่าวต่อถึงนโยบายห้ามไม่ให้มีการแบ่งฝ่ายใน ตร.ของนายเศรษฐาว่า ถ้าเราออกมาแล้ว ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดีขึ้น มันไม่ได้แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เราอยู่กันแบบพี่น้อง พยายามสร้างตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปรับตำแหน่ง ว่า เราจะทำบ้านให้เปลี่ยนแปลง แต่มันออกมาในลักษณะนี้ นายกฯจึงต้องเข้าไปจัดระเบียบ และเชื่อว่าในการบริหารราชการแผ่นดิน ท่านทำหน้าที่บริหารได้อย่างถูกต้อง รับและยินดีอยู่แล้ว ไม่ได้คิดหรือกังวลอะไร อยู่ที่นี่ก็ดี เรื่องรับงานเอกสารก็ทำอยู่แล้ว ขออย่าห่วงว่าจะเครียดหรืออะไร
เมื่อถามว่า หนังสือย้ายเมื่อวานนี้ ใช่คำค่อนข้างรุนแรง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่ายอมรับ ตนเป็นหัวหน้าหน่วย ทำให้องค์กรเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันไม่ได้ มันเป็นความบกพร่อง เมื่อเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ต้องกำกับดูแลในส่วนนี้ ตนยอมรับสภาพ คนรู้ ตนก็คาใจอยู่ ยังบอกกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ว่า เราไม่ได้นั่งคุยกัน ตนพยายามทำสภากาแฟ ให้พี่น้องได้มาคุยกัน เป็นพี่เป็นน้อง ไม่ใช่เจ้านาย ไม่ใช่หัวหน้า ซึ่งก็โอเคในระดับหนึ่ง
สำนักข่าวอิศรารายงานข่าวเพิ่มเติมว่าจากกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ไม่ได้ไปมอบตัวที่ บก.น.2 นั้น มีแหล่งข่าวเปิดเผยว่า ขณะนี้คณะพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) ยังคงทำหน้าที่ตามปกติ เพราะยังไม่ได้หนังสือมีคำสั่งใดออกมาให้ยุติการสืบสวนสอบสวนแล้วให้โอนสำนวนไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนมีความเห็นว่า คดีดังกล่าวเป็นความผิดต่อส่วนตัว และอยู่ในอำนาจของตำรวจนครบาล หากจะส่งสำนวนไป ป.ป.ช.ไต่สวน คณะพนักงานสอบสวนจะต้องพิจารณาว่าเข้าเงื่อนไขข้อกฎหมายหรือไม่
ทั้งนี้ ตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว ตร. จะไม่สามารถส่งสำนวนไปให้ ป.ป.ช.ได้ทันที หาก ป.ป.ช.ยังไม่มีมติเรียกสำนวนพร้อมมีหนังสือส่งมายัง ตร.ดังนั้นถ้าโอนคดีไปทันทีจะถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงต้องรอหนังสือจาก ป.ป.ช.ก่อน แต่ บช.น.ก็เตรียมจะทำหนังสือชี้แจงไปยัง ป.ป.ช.ให้รับทราบว่า สำนวนคดีเว็บพนัน BNK Master นั้นเป็นคนละคดีกับคดีเว็บพนันมินนี่
แหล่งข่าวเผยต่อว่า ถ้า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่มารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก คณะพนักงานสอบสวนจะรอจนครบเวลาราชการ ก่อนไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ทุ่งสองห้อง และจะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 คาดว่าภายในวันพรุ่งนี้(22 มี.ค.) จะให้พนักงานสอบสวนนำหมายเรียกไปส่งที่บ้านพักในซอยวิภาวดี 60 และจะส่งหมายเรียกไปที่ทำงานแห่งใหม่คือทำเนียบรัฐบาล รวมถึงบ้านพักตามภูมิลำเนาที่ จ.สงขลา
@นายกฯย้ำอีกเป็นหน้าที่ เซ็นสั่งย้ายเพื่อให้เกิดความยุติธรรม
อนึ่งก่อนหน้านี้ตั้งแต่เวลา 7.55 น.ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเป็นประธานการประชุมมอบนโยบาย ข้าราชการตำรวจระดับผู้บัญชาการทั่วประเทศ ในการปฏิบัติหน้าที่ โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มารอต้อนรับ
โดยในที่ประชุมนายกรัฐมนตรี ได้พูดถึงเหตุการณ์การเซ็นคำสั่งสั่งย้าย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ขอพูดสั้นๆ ในที่ประชุมเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนการประชุมในเรื่องอื่นๆ ว่า ตำรวจคือที่พึ่งของประชาชน เหตุการณ์เมื่อวานนี้ สั้นๆ ง่ายๆ ซึ่งหากองค์กรตำรวจมีปัญหา นายกรัฐมนตรีต้องเป็นที่พึ่งของตำรวจ ให้เกิดกระบวนการยุติธรรม ที่ยุติธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อให้ทุกอย่างเดินไปข้างหน้าได้ โดยเมื่อไหร่ที่สำนักงานตำรวจตำรวจแห่งชาติเกิดปัญหา ทำให้การดูแลพี่น้องประชาชนอ่อนล้าลงไป ก็ต้องมีการบริหารจัดการเกิดขึ้น ซึ่งเราทุกคนต้องคำนึงถึงหน้าที่ที่มีอยู่ ว่าทำไมต้องมาอยู่ตรงนี้ อยู่เพื่ออะไร เพราะฉะนั้นขอสั่งให้ยุติการให้ข่าวกับทั้ง 2 คน เพื่อให้ความยุติธรรมเกิดข้างหน้าได้
ส่วนการแทรกแซง ยืนยันว่าไม่เห็นด้วย สิ่งเหล่านี้เพื่อให้ทุกท่านได้พิสูจน์ตัวเอง โดยไม่มีการแทรกแซงจากผู้บังคับบัญชา
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้พูดมอบนโยบายในที่ประชุมไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปัญหายาเสพติด การลักลอบนำเข้า ปัญหาชายแดน หนี้นอกระบบ การปราบปรามสินค้าเถื่อน อาวุธเถื่อน อาวุธสงคราม การเผาป่า การท่องเที่ยว ไกด์เถื่อน
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้กำชับเรื่องของ การปราบปรามเว็บพนันออนไลน์ บ่อนพนัน ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นเรื่องที่นำหายนะมาสู่สังคมไทย ตำรวจคนไหนที่ดูแลเรื่องนี้ ขอให้ขมักเขม้นให้ดี
ในช่วงท้ายของการประชุม นายกรัฐมนตรี ได้ฝากถึงผู้ใต้บังคับบัญชา ระบุว่า ขอให้พวกเรากันเองมีความสมัครสมานสามัคคี เชื่อว่าทุกคนก็เป็นคนมีความรักให้ชอบใครต่างๆ กันไป ซึ่งเชื่อว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็เข้าใจถึงปัญหาที่มีมา รวมถึงการสมัครสมานสามัคคี และการเลือกข้าง แบ่งพวก หรือลูกน้องใครต่างๆ นั้น ตนเชื่อว่า เราเก็บความรักนั้นเอาไว้ในใจเองดีกว่า วันนี้ขอให้เอาพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง และทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนให้ดีที่สุด
ส่วนเรื่องคดีความต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาเมื่อวานนี้ ก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเราก็มีคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้แล้วถึง 3 ท่าน และเมื่อมีผลสรุปแล้วก็จะนำเรียนแจ้งขอที่ประชุม ก.ตร. ให้ทราบอีกครั้ง และขอให้ทุกท่านไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย เพราะตนเองก็ไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เราอยู่ตรงนี้เพื่อดูแลพี่น้องประชาชน และขอให้ยึดตรงนี้ไว้ ถ้าเราทำได้ก็เชื่อว่า เราจะทำงานด้วยกันได้ และองค์กรก็จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างสมศักดิ์ศรี