ปปง.ตามอายัดเงินฝากแบงก์ 11 รายการ 302,185 บ. เจ้าพนักงานการเงินฯ เทศบาลตำบลบุณฑริก ยักยอก 31.7 ล.โอนเข้าบัญชีตัวเอง ถูกหน่วยงานต้นสังกัดร้องทุกข์กล่าวโทษ ตร.ฐานทุจริต ฟอกเงิน ศาลอาญาคดีทุจริตฯภาค 3 สั่งจำคุก 70 ปี ให้ชดใช้ 31.65 ล.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) มีคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย. 58/2567 วันที่ 12 มี.ค.2567 อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว รายสิบเอกหญิง มยุรา สุ่มมาตย์ ตำแหน่งเจ้าพนักงานการเงินและบัญชีปฏิบัติงาน ของเทศบาลตำบลบุณฑริก อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา และความผิตต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่นและความผิดฐานฟอกเงิน กรณียักยอกเงินของเทศบาลบุณฑริกในการจ่ายเงินผ่านระบบเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของแผนโครงการ e-Payment โดยโอนเงินออกไปยังบัญชีเงินฝากของตนเอง จำนวนหลายครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 31,700,000 บาท
ต่อมาทางเทศบาลบุณฑริกได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรบุณฑริก ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 มีคำพิพากษา ลงโทษจำคุกจำเลย 70 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วจำคุกจำเลยไม่เกิน 50 ปี กับให้จำเลยคืนเงิน 31,650,000 บาท แก่เทศบาลตำบลบุณฑริก
ทรัพย์สินที่ถูกอายัดเป็นเงินในบัญชีเงินฝากธนาคารในชื่อสิบเอกหญิง มยุรา สุ่มมาตย์ และบุคคลอื่น รวม 11 รายการ เงินทั้งสิ้น 302,185.10 บาท (ดูเอกสารท้ายข่าว)
รายละเอียดคำสั่งอายัดทรัพย์มีดังนี้
ด้วยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ได้รับรายงานจากสำนักงานเทศบาลตำบลบุณทริก ตามหนังสือที่ อบ 53501/362 ลงวันที่ 15 มิถุนายน 2565 เรื่อง เจ้าหน้าที่ทุจริตเงินของทางราชการ ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา และความผิตต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่นและความผิดฐานฟอกเงิน กล่าวคือ
สิบเอกหญิง มยุรา สุ่มมาตย์ ตำแหน่งเจ้าพนักงานการเงินและบัญชีปฏิบัติงาน ของเทศบาลตำบลบุณฑริก ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ไปศึกษาระบบ Kungthai Corporate Online เพื่อให้การรับเงินและการจ่ายเงินผ่านระบบเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของแผนโครงการ e-Payment ภาครัฐ จากนั้นในเดือนมกราคม 2565 เทศบาลตำบลบุณฑริกเริ่มเปิดใช้งานระบบตังกล่าวโดยมี สิบเอกหญิง มยุรา สุ่มมาตย์ เป็นผู้ดูแลระบบ ซึ่งในส่วนสิทธิการใช้งานของ สิบเอกหญิง มยุรา สุ่มมาตย์ จะเข้าระบบได้เฉพาะเพื่อดูยอดเงินเท่านั้น แต่ถ้าจะทำการโอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากธนาคารของเทศบาลตำบลบุณฑริกได้ต้องดำเนินการวางฎีกามาในระบบแล้วเสนอผู้อำนวยการกองคลัง ปลัดเทศบาลตำบลบุณตริก และนายกเทศมนตรีตำบลบุณทริกตามลำดับ ซึ่งบุคคลที่มีหน้าที่รับผิดชอบจะใช้รหัสของตนเองเข้าระบบอนุมัติการเบิกจ่ายตามสิทธิของตน แล้วระบบจะโอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิตามที่ระบุมาในฎีกาเบิกเงิน ซึ่งเมื่อระบบได้โอนเงินเสร็จสิ้นแล้วจะแจ้งเตือนทางจดหมายอิเส็กทรอนิกส์ (E-mail) และส่งข้อความ (sms) เข้าโทรศัพมือถือของผู้อำนวยการกองคลัง ปลัดเทศบาลตำบลบุณฑริก และนายกเทศมนตรีตำบลบุณฑริกทุกครั้ง
ต่อมาเดือนพฤษภาคม 2565 ผู้อำนวยการกองคลัง ได้เร่งรัดให้สิบเอกหญิง มยุรา สุ่มมาตย์ ทำการส่งยอดเงินคงเหลือรายวันให้ทราบ แต่สิบเอกหญิง มยุรา สุ่มมาตย์ บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอดและแจ้งว่าระบบมีความผิดปกติ เทศบาลตำบลบุณฑริกจึงให้ทำหนังสือเพื่อขอรายการเดินบัญชีเงินฝากจากธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) พบว่าบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เลขที่บัญชี 3331-01198-3 ของเทศบาลบุณฑริก มีเงินคงเหลือน้อยกว่าปกติและพบว่ามีเงินโอนออกไปยังบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เลขที่บัญชี 333-0-80531-5 ของสิบเอกหญิง มยุรา สุ่มมาตย์ จำนวนหลายครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 31,700,000 บาท จึงได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบุณฑริกให้ดำเนินคดีกับสิบเอกหญิง มยุรา สุ่มมาตย์ พนักงานสอบสวนได้รับไว้เป็นคดีอาญาที่ 282/2565 และจากการรวบรวมพยานหลักฐานมีความเห็นควรสั่งฟ้องสิบเอกหญิง มยุรา สุ่มมาตย์ ผู้ต้องหา ในความผิตฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำหรือจัดการทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และความผิดฐานฟอกเงิน
ต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ในคดีหมายเลขดำที่ อท 203/2565 หมายเลขแดงที่ อท 215/2565 ได้มีคำพิพากษาว่า สิบเอกหญิง มยุรา สุ่มมาตย์ จำเลย กระทำความผิตฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัตการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริตหรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และความผิดฐานฟอกเงิน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 และมาตรา 157 และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 25t42 มาตรา 3 (5) มาตรา 5 มาตรา 10 และมาตรา 60 ลงโทษจำคุกจำเลย 70 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วจำคุกจำเลยไม่เกิน 50 ปี กับให้จำเลยคืนเงิน 31,650,000 บาท แก่เทศบาลตำบลบุณฑริก ผู้เสียหาย อันเข้าลักษณะเป็นความผิตมูลฐานตามมาตรา 3 (5) และความผิดฐานฟอกเงินตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า สิบเอกหญิง มยุรา สุ่มมาตย์ กับพวกได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว