ทนาย'บิ๊กโจ๊ก' ฟ้องหมิ่นประมาท 'บิ๊กเต่า' เหตุให้สัมภาษณ์ 21-22 ก.พ. มีเนื้อหาเกินเลย ใช้ถ้อยคำในสำนวน ทำ 'บิ๊กโจ๊ก' เสียหาย ลั่นครั้งหน้าแถลงข่าวเรื่องเส้นเงินแน่ ยันมีเอี่ยวโยงถึงหลาย ขรก.ขณะศาลนัดไต่สวน 24 มิ.ย.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อเวลา 14.30 น.ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ นายณัฐกร โตสกุล ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาลรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาที่ศาลอาญากรุงเทพฯใต้ถนนเจริญกรุง เพื่อฟ้อง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เนื่องจากว่า พล.ต.ต.จรูญเกียรตินั้นมีการให้สัมภาษณ์ด้วยถ้อยคำที่ไม่ควรพูดเมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมาที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ทนายความกล่าวต่อไปอีกว่าหลังจากนั้นในวันที่ 22 ก.พ.พล.ต.ต.จรูญเกียรติยังได้ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโทรทัศน์ ช่อง3 โดยมีการนำข้อมูลสำนวนการสอบสวน ของสน. ทุ่งมหาเมฆและสน.เตาปูน ไปเปิดเผย ซึ่งความจริงแล้วข้อมูลที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน และรายการทีวีช่อง 3 สื่อมวลชนสามารถติดตามได้จากข่าว โดยรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางมีการพูดถ้อยคำในสำนวน และเกินเลยออกมาเยอะ ทำให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้รับความเสียหาย จึงได้มอบหมายให้ตน ในฐานะทีมทนายความนำเรื่องมายื่นฟ้องต่อศาล ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ฟ้อง 2 กรรม ซึ่งฝ่ายกฎหมายได้พิจารณาดูแล้วถ้อยคำดังกล่าวเป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
นายณัฐกรกล่าวว่าในส่วนของสำนวนของสน.เตาปูนและพื้นที่อื่นๆ ความจริงแล้วเป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมด ที่มาจากเส้นทางการเงิน ซึ่งทีมทนายความได้มีการแถลงข่าวไปเมื่อวาน (12 มี.ค.) แล้ว ซึ่งในส่วนที่มีการแถลงข่าวว่า ศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอออกหมายจับโดยไม่ได้ขอให้ออกหมายเรียก ทีมทนายความได้รับการยืนยันข้อมูลมาจากแหล่งข่าวจึงมีการแถลง ส่วนเรื่องการคัดคำสั่งศาลกำลังดำเนินการ
“หากมีการออกหมายเรียก ผมเองมองว่าเมื่อศาลไม่มีการออกหมายจับ หมายเรียกก็เป็นอำนาจของพนักงานสอบสวน ซึ่งหากพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คิดว่ามีอำนาจในการออกหมายเรียก ก็สามารถออกได้ ตามอำนาจหน้าที่ แต่ผมคิดว่าพนักงานสอบสวนของตำรวจไม่มีอำนาจแล้ว เนื่องจากเป็นอำนาจของ ป.ป.ช.ซึ่งหากมีการออกหมายเรียกก็จะต้องโต้แย้งไป เพราะอำนาจหน้าที่ใครก็เป็นอำนาจหน้าที่มัน” ทนายความกล่าว
นายณัฐกรกล่าวต่อไปว่าข้อกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ป.ป.ช.ที่ได้มีการแถลงข่าวไปเมื่อวาน ตามมาตรา 30 ประกอบมาตรา 28 ตรงนี้มีความชัดเจน และเส้นทางการเงิน พบเส้นทางการเงิน เส้นเดียว เป็นเรื่องเดียวกันหมด ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของสนเตาปูนและสน.ทุ่งมหาเมฆ มาจากเส้นเงินเส้นเดียว ซึ่งที่มีการขอออกหมายจับเมื่อวาน เป็นเรื่องของการฟอกเงิน แต่เมื่อเส้นทางการเงินมาเส้นเดียว คดีจึงอยู่ในอำนาจของ ปปช.ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“แต่เรื่องคดีฟอกเงินที่ขอออกหมายจับเมื่อวาน มีการพยายามที่จะทำให้เป็นเรื่องของการฟอกเงิน เพื่อให้มีการแยกทำสำนวน ที่ทางทนายความมั่นใจว่าเส้นทางการเงินมีเพียงเส้นเดียว เพราะทีมของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้มีพยานหลักฐานและได้รวบรวมเอาไว้” ทนายความกล่าว
นายณัฐกรกล่าวอีกว่าส่วนพ.ต.ท. คริษฐ์ ปริยะเกตุ ที่เป็นคนทำการเงินให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีการบันทึกเอกสาร ข้อเท็จจริงทุกอย่างไว้ เป็นหลักฐาน ว่า มีเงินเข้าเงินออกอย่างไร และเงินไปที่ไหน จึงกล้ายืนยัน ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ก็ได้รับข้อมูลเช่นกัน และอาจทราบข้อมูลดีกว่าทีมทนายด้วยซ้ำ ขอยืนยันว่า เส้นทางการเงินมีเส้นเดียว และแตกออกมาเป็นกลุ่มๆ แต่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน ก็ไม่ทราบว่า จะมุ่งเน้นเฉพาะเส้นทางการเงินที่มาจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เส้นเดียวหรือไม่ ความจริงมีเส้นเงินไปสายอื่น ที่เงินไปถึงแต่ได้ทำการสอบสวนหรือไม่ ส่วนหากมีการออกหมายเรียกมาทีมทนายความ ก็ไม่ได้แนะนำว่าไม่ต้องไป แต่แค่แจ้งว่าไม่น่าจะถูกต้อง แต่ในทางปฏิบัติค่อยว่ากันอีกที แต่มองว่าเรื่องเส้นทางการเงินเป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมด
“ในส่วนสำนวนที่มีการทำส่งอัยการไปแล้ว ไม่ว่าสำนักงานอัยการปราบทุจริต หรือสำนักงานอัยการคดีพิเศษ ตนมองว่าการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องไปดูว่าอัยการส่งสำนวนมาให้สอบเพิ่มหรือไม่ เท่าที่ทราบมาเป็นอย่างนั้น ต้องไปดูว่าอัยการมีการสั่งให้สอบเพิ่มหรือไม่” ทนายความกล่าว
นายณัฐกรยังกล่าวอีกว่า กังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากเป็นเรื่องภายในของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบเอง อาจไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ ป.ป.ช.เป็นองค์กรอิสระ ก็จะให้ความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้ดีกว่าส่วนถ้าหากป.ป.ช.ไต่สวนแล้ว มีความเห็นให้อัยการสั่งฟ้อง คดีก็ยังถูกฟ้องอยู่ดี ส่วนรายต่อไปจะฟ้องใครหรือไม่นั้น ถ้าหากที่ผ่านมา มีการทำให้เกิดความเสียหาย กับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ทีมทนายความก็ได้รับมอบหมาย ให้เข้าไปดูทุกเรื่อง ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ว่าจะฟ้องใครเพิ่ม
เมือ่ถามว่าเจ้าหน้าที่ที่ไปขอหมายจับจะถูกฟ้องด้วยหรือไม่ นายณัฐกรบอกว่า ยังไม่สามารถตอบได้
นายณัฐกรกล่าวย้ำว่า เรื่องเส้นทางการเงิน เร็วๆนี้จะมีการแถลงข่าวให้สื่อมวลชนทราบ อาจเป็นทีมทนายความแถลงรายละเอียดถึงเส้นทางการเงินทั้งหมด ซึ่งความจริงเส้นทางการเงิน ที่มาทางพล.อ.อ.สุรเชษฐ์มีจำนวนไม่มาก เท่ากับเส้นทางการเงินที่ไปทางอื่น ซึ่งควรต้องโดนสอบเช่นกัน เรื่องเส้นทางการเงินไปที่ไหนเป็นเรื่องที่ประชาชนควรรับทราบ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่งบอกเลยว่าเส้นเงินนั้นไปถึงข้าราชการจำนวนหลายคน
ทนายความกล่าวว่าส่วนเรื่องมีเส้นทางการเงินเอาไปทำบุญ หรือเอาไปจ่ายค่ากรมธรรม์ของคนรอบตัว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ข้อมูลทุกอย่างได้ตรวจสอบแล้ว สามารถอธิบายได้หมดซึ่งการแถลงข่าวครั้งหน้าก็จะมีการชี้แจงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน รวมถึงค่าเครื่องบินของป.ป.ช.ส่วนแฟนของป.ป.ช.หญิงได้บรรจุตำรวจจริงหรือไม่นั้นตรงนี้ไม่มีข้อมูล
เมื่อถามว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เคยพูดว่าถ้าแฉออกมาตายหมู่จริงหรือไม่ ทนายความพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า ประมาณนั้น
นายณัฐกรกล่าวทิ้งท้ายว่าหากมองว่าเส้นทางการเงินที่ไปถึงพล.ต.อ.สุรเชษฐ์เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แล้วเส้นทางการเงินที่ไปที่อื่นก็ไม่ถูกต้องเหมือนกัน ส่วนการยื่นฟ้องวันนี้ได้มีการเตรียมเอกสารพยานหลักฐานแนบมาด้วย
โดยภายหลังทนายความยื่นฟ้องศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 24 มิ.ย.เวลา 09.00 น.