เผยมติ ป.ป.ช. เสียงเอกฉันท์ตีตกข้อกล่าวหา 'สมนึก นามนา' อดีตรองนายก อบต.ดงตะขบ พิจิตร-พวก ร่วมกันเบิกน้ำมันเชื้อเพลิงไปเติมรถส่วนตัวของตนเองกับพวกโดยทุจริต หลังพิจารณาสำนวนรายงานไต่สวนเบื้องต้นพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอฟังได้ว่ากระทำความผิด ไม่มีมูล -มีโดนลงโทษภาคทัณฑ์ไปแล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2567 เสียงเอกฉันท์ตีตกข้อกล่าวหา นายสมนึก นามนา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ดงตะขบ อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร และ นายมัธชานันทน์ มโนฤทธิฌานนท์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม อบต.ดงตะขบ อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร ร่วมกันเบิกน้ำมันเชื้อเพลิงไปเติมรถส่วนตัวของตนเองกับพวกโดยทุจริต
หลังพิจารณาสำนวนรายงานไต่สวนเบื้องต้นพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่ากระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
สำนักงาน ป.ป.ช.ระบุพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่ากระทำผิดโดยสรุป ว่า เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2560 นายมัธชานันทน์ มโนฤทธิฌานนท์ ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลดงตะขบ เติมน้ำมันใส่รถของ นายสมนึก นามนา รองนายก อบต. ดงตะขบ จำนวน 33.16 ลิตร เป็นเงิน 820 บาท โดยให้ลงหมายเลขทะเบียนรถยนต์ส่วนกลาง หมายเลขทะเบียน กง 1496 พิจิตร ขององค์การบริหารส่วนตำบลดงตะขบ จากนั้น นายมัธชานันทน์ มโนฤทธิฌานนท์ ได้สั่งจ่ายน้ำมันดังกล่าว ทั้งๆ ที่ ในวันที่ 12 มิถุนายน 2560 รถยนต์ส่วนกลางขององค์การบริหารส่วนตำบลดงตะขบ ได้ถูกนำไปใช้ในการเดินทางไปจังหวัดนครสวรรค์
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า ข้อเท็จจริงปรากฏในทางไต่สวนรับฟังได้ว่า นายมัธชานันทน์ มโนฤทธิฌานนท์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 มีการขออนุมัติเพื่อใช้สิทธิเบิกจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิงรถส่วนกลางในการเติมใส่รถยนต์ส่วนตัวของ นายสมนึก นามนา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ในวันที่ 12 และ 14 มิถุนายน 2560 จริง แต่เพื่อใช้โดยสารเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลดงตะขบในการเดินทางไปเข้าร่วมโครงการสร้างสานพลังท้องถิ่น ท้องที่ ชุมชน ขับเคลื่อนตำบลสุขภาวะแบบมีส่วนร่วม ณ องค์การบริหารส่วนตำบลอุทัยเก่า อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 12 - 16 มิถุนายน 2560 อันเป็นภารกิจขององค์การบริหารส่วนตำบลดงตะขบ เนื่องจากในวันดังกล่าวรถยนต์ส่วนกลางติดภารกิจจึงไม่สามารถใช้โดยสารเจ้าหน้าที่เพื่อเดินทางไปเข้าร่วมโครงการอบรมที่จังหวัดอุทัยธานีได้
ประกอบกับไม่พบข้อเท็จจริงว่าผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองได้ขออนุมัติใช้สิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการกับทั้งหน่วยงานต้นสังกัดและหน่วยงานที่จัดโครงการอบรม ซึ่ง ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองอาจใช้สิทธิเบิกเงินชดเชยเป็นค่าพาหนะในลักษณะเหมาจ่ายจากการใช้พาหนะส่วนตัวเดินทางไปราชการได้ในอัตรากิโลเมตรละ 4 บาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณารายงานการไต่สวนเบื้องต้น แล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าการกระทำของ นายสมนึก นามนา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 จากการไต่สวนเบื้องต้น พยานหลักฐานยัง ไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่านายสมนึก นามนา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
การกระทำของ นายมัธชานันทน์ มโนฤทธิฌานนท์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 จากการไต่สวนเบื้องต้น ไม่ปรากฏพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่า นายมัธชานันทน์ มโนฤทธิฌานนท์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้กระทำการอันมีมูลความผิดอาญาตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาในทางอาญาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
แต่การกระทำของ นายมัธชานันทน์ มโนฤทธิฌานนท์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เป็นกรณีใช้สิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการไม่ถูกต้อง อันเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น พ.ศ.2555 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2559 ให้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาของ นายมัธชานันทน์ มโนฤทธิฌานนท์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ดำเนินการทางวินัยไปตามหน้าที่และอำนาจ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 64
แต่เนื่องจากองค์การบริหารส่วนตำบลทับผึ้ง ได้มีคำสั่งที่ 464/2565 ลงวันที่ 13 มิถุนายน 2565 ลงโทษภาคทัณฑ์ นายมัธชานันทน์ มโนฤทธิฌานนท์ ในการกระทำความผิดนี้ เหมาะสมแก่ความผิดแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการทางวินัยไปตามหน้าที่และอำนาจ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 64 อีก
ให้มีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้ชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 82 วรรคสอง ต่อไป