มติ ป.ป.ช. เสียงเอกฉันท์ตีตกข้อกล่าวหา 'พิรุณ หน่อแก้ว' อดีตผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม่-พวก ละเว้นไม่ยกเลิกประกวดราคาจัดซื้อเครื่องบริโภคเลี้ยงผู้ต้องขัง เหตุมีขัดขวางยื่นซอง หลังพิจารณาสำนวนไต่สวนเบื้องต้นไม่ปรากฏข้อเท็จจริงพยานหลักฐานฟังได้ว่ากระทำความผิด ไม่มีมูล แต่ให้มีหนังสือแจ้งอธิบดีกรมราชทัณฑ์กำหนดมาตรการป้องกันปัญหาในอนาคตต่อไป
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2567 เสียงเอกฉันท์ตีตกข้อกล่าวหา นายพิรุณ หน่อแก้ว เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม และพวก รวม 8 ราย กรณีรู้หรือมีพฤติการณ์ปรากฏแจ้งชัดว่าในการยื่นซองเอกสารประกวดราคาจัดซื้อเครื่องบริโภคสำหรับเลี้ยงผู้ต้องขัง ผู้ต้องกักขัง และผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ ประจำปี 2555 เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2555 มีการขัดขวางไม่ให้ผู้ประสงค์จะเสนอราคายื่นซองเสนอราคาต่อเจ้าหน้าที่รับซอง แต่ละเว้นไม่ดำเนินการใดๆ เพื่อให้มีการยกเลิกการประกวดราคา
หลังพิจารณาสำนวนไต่สวนเบื้องต้น ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จะฟังได้ว่ากระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป แต่ให้มีหนังสือแจ้งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันการกีดกันหรือขัดขวาง การแข่งขันราคาในการจัดซื้อจัดจ้างของกรมราชทัณฑ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์กีดกันการแข่งขันราคา ในการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานราชการในสังกัดกรมราชทัณฑ์ ในภายหน้า ต่อไป
สำหรับผู้ถูกล่าวหาในคดีนี้ มีจำนวน 8 ราย ได้แก่
1. นายพิรุณ หน่อแก้ว เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1
2. นายสํารวย จันทะวัง นิติกรชํานาญการพิเศษ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2
3. นายวรพงษ์ น้อยสุขเสริม นักสังคมสงเคราะห์ชำนาญการ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3
4. นายยศวัจน์ โชคกิตติธัญญากุล นักทัณฑวิทยาชํานาญการ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4
5. นางสาวขวัญหทัย ศรีนาค นักวิชาการอบรมและฝึกวิชาชีพชํานาญการ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5
6. นางภาวิณี พุดเที่ยง นักสังคมสงเคราะห์นักสังคมสงเคราะห์ปฏิบัติการ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6
7. นายสุชาติ จันทร์ทะวงศ์ เจ้าพนักงานราชทัณฑ์ชํานาญงาน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7
8. นายพิสิษฐ์ พัฒน์เชาวฤทธิ์ เจ้าพนักงานราชทัณฑ์ชํานาญงาน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8
ระบุ พฤติการณ์ที่กล่าวหาว่ากระทำผิดโดยสรุปว่า เมื่อปีงบประมาณ 2555 เรือนจำกลางเชียงใหม่ ได้มีการประกวดราคาจัดซื้ออาหารของเรือนจำกลางเชียงใหม่ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ ราคากลาง 33 ล้านบาทเศษ ปรากฏว่าในการประกวดราคาดังกล่าว มีผู้ซื้อเอกสารประกวดราคา จำนวน 63 ราย กำหนดยื่นซองในวันที่ 25 มกราคม 2555 เวลา 10.00 น. ถึง 11.00 น. ณ อาคารสำนักงานเรือนจำกลางเชียงใหม่ เมื่อถึงกำหนดเวลายื่นซอง ได้มีบุคคลซึ่งมิใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าขัดขวางมิให้ผู้เสนอราคารายอื่นยื่นเอกสารประกวดราคาได้ทันเวลาที่กำหนด จึงทำให้ผู้เสนอราคารายอื่นไม่สามารถเข้าไปยื่นเอกสารต่อเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางเชียงใหม่ได้ทันกำหนดเวลา มีเพียงผู้ยื่นซองเพียง 3 ราย ที่ได้ยื่นซองในการประกวดราคา โดยพฤติการณ์ดังกล่าวนายพิรุณ หน่อแก้ว ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม่ และคณะกรรมการดำเนินการประกวดราคาจัดซื้อเครื่องบริโภคสำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขัง ผู้ต้องกักขัง และผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ เรือนจำกลางเชียงใหม่ ประจำปี 2555 ได้ทราบถึงเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว ว่ามีการขัดขวางไม่ให้ผู้ประสงค์จะเสนอราคายื่นซองเสนอราคาต่อเจ้าหน้าที่รับซอง แต่ละเว้นไม่ดำเนินการใดๆ เพื่อให้มีการยกเลิกการประกวดราคาในครั้งนี้
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาในการประชุมครั้งที่ 18/2567 เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ประชุมพิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉัน ด้วยคะแนนเสียง ๕ เสียง เห็นชอบตาม ความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้น ดังนี้
จากการไต่สวนเบื้องต้น ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จะฟังได้ว่า นายพิรุณ หน่อแก้ว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 นายวรพงษ์ น้อยสุขเสริม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นายยศวัจน์ โชคกิตติธัญญากุล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 นางสาวขวัญหทัย ศรีนาค ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 นางภาวิณี พุดเที่ยง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 นายสุชาติ จันทร์ทะวงศ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 และนายพิสิษฐ์ พัฒน์เชาวฤทธิ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 ได้กระทำ ความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
สำหรับนายสำรวย จันทะวัง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ได้ถึงแก่ความตายแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (1) และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่มีอำนาจดำเนินการไต่สวน เพื่อดำเนินคดีอาญา หรือดำเนินการทางวินัยต่อไปได้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 57 จึงให้จําหน่ายคดีออกจากสารบบ
ให้มีหนังสือแจ้งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันการกีดกันหรือขัดขวาง การแข่งขันราคาในการจัดซื้อจัดจ้างของกรมราชทัณฑ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์กีดกันการแข่งขันราคา ในการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานราชการในสังกัดกรมราชทัณฑ์ ในภายหน้า ต่อไป