’เศรษฐา’ ตรวจงาน กทม. เปรียบคือประเทศไทยจิ๋ว ยกวิสัยทัศน์ 8 ข้อเกี่ยวข้องเต็มๆ ชี้ปัญหาสนับสนุนร่วมมือจากหน่วยงานอื่นยังน้อย มอบ ‘เจ๊แจ๋น’ ประสานงาน ยืนยันไร้ปัญหาขัดแย้ง ‘ชัชชาติ’
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมติดตามความก้าวหน้าในการเร่งรัดการพัฒนากรุงเทพมหานคร โดยมีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ร่วมด้วย
ในระหว่างการประชุม นายกรัฐมนตรีให้นโยบายว่า กรุงเทพฯคือประเทศไทยขนาดเล็ก แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามกระจายความเจริญออกไปสู่จังหวัดอื่นก็ตาม เมื่อวานนี้ (22 ก.พ.67) ก็ได้แถลงวิสัยทัศน์ของประเทศไป 8 ข้อ เกือบทุกข้อเกี่ยวข้องกับ กทม.ทั้งหมด สิ่งที่ผู้ว่าฯกทม.ดำเนินการเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่า การสนับสนุนจากหน่วยงานอื่น ยังไม่เร็วทันใจ ก็ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือให้มากขึ้น ไม่ต้องการต่อว่าใคร แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะได้มาพบปะกัน และหลังจากนี้ แต่ละหน่วยงานจะสั่งการลงไปให้ทำงานร่วมกับ กทม. ในส่วนของรัฐบาลก็ขอมอบหมายให้นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ประสานการทำงานกับ กทม.
สิ่งที่เร่งด่วนในตอนนี้การขุดลอกคูลองต่างๆ ตอนนี้เป็นหน้าร้อนมีเวลา 2-3 เดือน ก่อนเข้าฤดูฝนที่จะทำให้ทัน ทางกองทัพบกโดย พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ.ก็พร้อมให้ความร่วมมือ และความมั่นใจในการช่วยเหลือ พร้อมกับฝ่ายความมั่นคง ก็อยากให้มีการคุยกันในเชิงลึกและกำหนดระยะเวลาดำเนินการกันเลยว่า จะเริ่มต้นกันที่คูคลองใด ซอยไหน แขวงอะไร เขตอะไร ถ้าจะให้รัฐบาลช่วยอะไรก็ยินดี
@แนะกทม.เร่งสื่อสารผลงาน มอบ ‘เจ๊แจ๋น’ ประสานงาน
ขณะที่การจราจร ก็ต้องประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในเรื่องกฎกติกา ถ้าสามารถรักษากฎกติกากันได้ สถานการณ์ก็น่าจะดีขึ้น เชื่อว่า ทุกอย่างที่ทำจะดีขึ้น เพียงแต่การสื่อสารอาจจะยังด้อยอยู่ สิ่งนี้มีการแข่งขันกันในระดับโลก ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มหานครนิวยอร์ก ในสหรัฐอเมริกา ที่มีรถติดมากๆ แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่กรุงเทพฯจะไม่พัฒนา อยากให้ผู้ว่าฯกทม.สื่อสารสิ่งที่ทำไว้ดีๆออกไปบ้าง และนางพวงเพ็ชรสามารถช่วยสื่อสารได้ผ่าน MCOT และ NBT ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเที่ยวมากขึ้น และส่งเสริมวิสัยทัศน์ของรัฐบาลที่ได้ประกาศไปได้
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อถึงการทำระบบรองในการเชื่อมต่อการเดินทาง (Feeder) ว่า ได้พูดคุยกับผู้ประกอบการหลายๆคน ส่วนใหญ่ยังติดขัดตรงนี้ ก็อยากให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และกระทรวงคมนาคมช่วยกันทำเรื่องนี้ให้ดีขึ้น และเรื่องแท็กซี่ไม่กดมิเตอร์ ตนว่าเป้นเรื่องปลายเหตุ เพราะในมุมคนขับถ้ากดมิเตอร์แล้วฝ่าไปตอนรถติด มิเตอร์ไม่ขยับก็ไม่ได้สตางค์ เป็นเรื่องของกระทรวงคมนาคมที่ต้องแก้ไขตรงนี้ ตอนนี้มีเทคโนโลยีใหม่ๆแล้ว ก็ให้เป็นไปตามกลไกแข่งขันสมบูรณ์ ไม่ใช่ให้ไรเดอร์มาได้เปรียบแท็กซี่ และอย่าลืมเรื่องแท็กซี่ผี ไกดืผี เพราะเป็นมะเร็งกัดกร่อนวงการท่องเที่ยวไทย ขอฝาก สตช. เร่งดำเนินการด้วย
ขณะที่การเปิดฝาท่อ 800 จุด ก็อย่าเปิดเยอะไป เปิดน้อยหน่อยแล้วทำให้มันเสร็จจะดีกว่าหรือเปล่า ก็ฝากดูแลตรงนี้ และเรื่องความสะอาดก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะปีนี้เป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระชนมายุครบ 72 พรรษา ก็อยากให้เมืองสะอาดขึ้น นโยบายจัดระเบียบสายไฟสายสื่อสารรวบให้เรียบร้อย และทำเสร็จแล้วก็เผยแพร่ภาพก่อน-หลังให้ประชาชนรับรู้ ขยายผลออกไปได้
@PM2.5 ดีขึ้น กวดขัน WFH ในพื้นที่ใกล้ๆ
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อถึงปัญหา PM2.5 โดยระบุว่า ที่ผู้ว่ากทม.ประกาศ Work From Home เมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็เห็นผลชัดเจน ถ้าดูจุดความร้อนและจุดเผาทั้งหลายแล้ว ก็อาจจะช่วยประสานกันกับพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อประกาศ Work from Home ในจุดอื่นๆ เชื่อว่า PM2.5 รัฐบาลเอาใจใส่และบริหารได้ดีทุกภาคส่วน แต่เรื่องเศณษฐกิจที่กระทบปากท้องประชาชนต้องใช้เงินใส่ลงไปก็ขอบคุณ กทม.ที่ทำรถอัดฟาง ลดมลภาวะ ถ้าช่วยได้อีก ก้เป็นประโยนชน์ต่อประชาชน
ส่วนจุดเผาไหม้จากประชาชนเพื่อนบ้าน มีปัญหาแน่นอน ตอนนี้มีสายตรงกับผู้นำประเทศข้างเคียงทั้งกัมพูชา ที่ทางนั้นยืนยันว่ามีขีดจำกัดจริง ต่อจากนี้ อยากให้มีการประสานงานที่ดีขึ้น ให้ความสำคัญกับหน่วยงานของ กทม.ให้ดีขึ้น มากขึ้น รัฐบาลอยากให้คุยกันบ่อยขึ้น ทำแล้วก็อยากให้สื่อสารให้ดี
@ย้ายท่าเรือกรุงเทพฯ ต้องศึกษาในรายละเอียด
ผู้สื่อข่าวถามถึงนโยบายการย้ายท่าเรืองกรุงเทพ (คลองเตย) ว่าได้ชั่งน้ำหนักระหว่างมูลค่าทางเศรษฐกิจในเรื่องส่งออก กับการแก้ฝุ่น PM2.5 อย่างไร นายกรัฐมนตรีตอบว่า เป็นคำถามที่ดี จะต้องดูให้ครบทั้งองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพัฒนา ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง เฟส 2 และเฟส 3 ถ้าตรงนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว จะต้องล้อกันไป โดยที่จะต้องไม่กระทบกับการส่งออก
ด้านนายชัชชาติกล่าวว่า ท่าเรือคลองเตยอยู่ในแผนวาระฝุ่นแห่งชาติอยู่แล้ว ตั้งแต่ปี 2562 ความจริงแล้วเป็นเรื่องที่อาจจะต้องมีการทบทวนว่าเวิร์กหรือไม่เวิร์กขนาดไหน แต่จะเห็นตัวอย่างจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ท่าเรือที่อยู่ในเมืองย้ายออกข้างนอก เรามีปัญหาเรื่องการควบคุมน้ำทะเลที่หนุนสูง เพราะหากมีเรือใหญ่เข้ามาแล้วน้ำทะเลหนุน จะควบคุมอย่างไร เพราะมีหลายปัจจัย คิดว่านายกรัฐมนตรีจะให้ศึกษารายละเอียดให้รอบคอบอีกครั้ง
@กทม.-รบ.จะทำงานใกล้ชิดมากขึ้น
ต่อมา นายเศรษฐาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ได้รับทราบแผนงานต่างๆจากผู้ว่ากทม.แล้ว หลายๆอย่างก็ล้อไปกับนโยบาย Vision Thailand ที่ได้แถลงไปวานนี้ (22 ก.พ. 67) ประเด็นที่ฝากไว้คือ นายชัชชาติทำมาเยอะมาก แต่ไม่ได้สื่อสารออกไป ก็อยากให้สื่อสารมากขึ้น การสื่อสารไม่ใช่แค่การแถลงผลงาน แต่จะต้องแถลงว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งถ้าเกิดประชาชนได้รับทราบก็นำไปใช้ในชีวิตประจำวันให้ดีขึ้นได้ ฝ่ายรัฐบาลโดยนางพวงเพ็ชร ก็จะประสานงานกับนายชัชชาติให้มากขึ้น และอยากให้ทำให้แน่นเฟ้นมากขุึ้น ถ้ามีอะไรติดขัดก้ประสานกันได้ วันนี้ จะพยายามทำงานให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น
เมื่อถามถึงปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในหมู่เยาวชน นายกรัฐมนตรีระบุว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องจัดการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เพราะพบถึงขั้นทำบุหรี่ไฟฟ้าเป็นรูปกล่องนม ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเยาวชน เป็นเรื่องที่ไม่ควร ทั้งเรื่องการนำเข้า การเข้มงวดศุลกากรก็ต้องตรวจค้นมากยิ่งขึ้น
@ยืนยัน รบ.-กทม.แก้ฝุ่นอยู่ ให้เป็น 0 คงไม่เป็นธรรม
เมื่อถามถึงเรื่องฝุ่น แม้ กทม.จะดำเนินนโยบายป้องกัน แต่หลายฝ่ายมองว่าเป็นเรื่องเดิมๆ ที่เคยทำมาทุกปีในช่วงที่มีฝุ่น จึงมองว่าการแก้ไขควรจริงจังมากกว่านี้หรือไม่ โดยเฉพาะ กทม.ที่มีกฎหมายอยู่แล้ว แม้จะมีการควบคุม แต่เขตก่อสร้าง หรือแม้แต่รถก็ยังมีการดำเนินการอยู่ดี ควรมีนโยบายที่จริงจัง หรือบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดกว่านี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีตอบว่า ต้องแฟร์กับเจ้าหน้าที่กทม.ด้วย เพราะปัญหาฝุ่นมีทุกปีอยู่แล้ว แต่ปีนี้ปริมาณลดลงไปอย่างชัดเจน 2 ปีของนายชัชชาติก็ทำอะไรดีๆหลายอย่าง ไม่ว่าจะให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องโดยร่วมกับรัฐวิสาหกิจและเอกชน, ออกนโยบายรถอัดฟาง ลดการเผา แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ก็ถือเป็นการดูในรายละเอียด ไม่ได้ละเลย ปัญหาฝุ่นมีมานานแล้ว การแก้เชิงโครงสร้างยังมีอีกหลายๆอย่าง รถยนต์ในกทม.เป็นสาเหตุถึง 50% ซึ่งตอนนี้ยอดซื้อรถไฟฟ้า EV ก็เริ่มมีจำนวนมากขึ้น โดยในงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา ก็มียอดจองกว่า 40% และมียอดจดทะเบียน 10%
“ถ้าเราสามารถทำให้คนมาใช้รถไฟฟ้ามากยิ่งขึ้นได้ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี รวมถึงการขนส่งต่างๆ ที่ต้องใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ ในขณะที่มีท่าเรือคลองเตยอยู่ ซึ่งผู้ว่าฯกทม.ก็ได้เสนอเรื่องนี้ ทางรัฐบาลได้มีการพูดคุยกันว่าท่าเรือคลองเตยจะมีการย้ายออกไปหรือไม่ เพราะถ้าไม่มีการย้ายก็จะยังมีการใช้รถบรรทุกขนของต่างๆ ผ่านเข้ามาในเขต กทม.ทำให้เกิดปัญหา PM2.5 ก็ยืนยันว่าทั้งรัฐบาลและกทม.พยายามแก้ไขกันอยู่ แต่จะให้เป็น 0 เลย ก็ไม่เป็นธรรมกับผู้ว่าเท่าไหร่” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ด้านนายชัชชาติกล่าวเสริมว่า เรื่องฝุ่นเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ จะต้องวิเคราะห์ให้ได้อย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นจะแก้ผิดจุด ที่ผ่านมาเราดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดไว้อย่างเข้มข้น อย่างเรื่องไซต์งานก่อสร้างก็มีการตรวจอย่างเข้มข้น ส่วนเรื่องรถยนต์ถ้าเราห้ามรถยนต์วิ่งในกรุงเทพฯมันจะช่วยหรือไม่ อันนี้ต้องคิดให้ดี ยกตัวอย่างที่ผ่านมาฝุ่นเยอะมาก แถวเขตมีนบุรีและหนองจอก ซึ่งทั้ง 2 เขตเป็นเขตที่ไม่มีรถยนต์เลย ถ้าเช่นนั้นก็แสดงว่าถ้าเราห้ามไม่ให้รถยนต์วิ่ง ให้หยุดวิ่งจริง แต่ปรากฏว่าฝุ่นสูง ซึ่งคิดว่าฝุ่นอาจจะมาจากด้านนอกกรุงเทพฯ เรื่องนี้เป็นเรื่องทางวิทยาศาสตร์ ต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบในการออกมาตรการต่างๆ เพราะจะกระทบกับชีวิตของประชาชนจำนวนมาก ซึ่งเรามีการหารือกรมการขนส่งทางบก เรื่องการวางแผนระยะยาว ในการลดจำนวนรถเก่าลง ซึ่งคงจะเป็นเรื่องของกฎหมายที่จะค่อยๆ พัฒนาให้รอบคอบต่อไป
@ยอมรับปัญหารถติด-จราจรต้องดีกว่านี้
ผู้สื่อข่ามถามอีกว่า ในการแก้ปัญหาจราจร รัฐบาลและกทม.จะมีมาตรการอะไรเป็นรูปธรรมว่า รถจะเบาบางลง เพราะถ้าย้อนไปในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทยจนถึงเพื่อไทยที่มีนายทักษิณ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรีและมีนายชัชชาติเป็น รมว.คมนาคมในยุคหนึ่ง ช่วงนั้นเหมือนจะดีขึ้นแต่หลังๆกลับไปเหมือนเดิม นายกรัฐมนตรีตอบว่า ไม่แน่ใจว่าเหมือนเดิมไหม แต่ปัจจุบันมีการบริหารจราจรที่ดีและชัดเจนขึ้น แต่ถามว่าทำได้ดีกว่านี้ไหม ก็ต้องดีกว่านี้ ต้องกวดขันวินัยจราจรให้เข้มงวด และสนับสนุนให้ประชาชนใช้บริการขนส่งสาธารณะมากขึ้น ทั้งรถไฟฟ้าที่สามารถทำได้ดีกว่านี้ ค่าใช้จ่ายต้องลดลง ระบบฟีดเดอร์จากตรอกซอกซอยต่างๆ ก็ต้องทำให้ดี เพื่อลดการจราจรที่หนาแน่นลงได้
ขณะที่ผู้ว่ากทม.เสริมว่า หัวใจของการแก้ปัญหารถติดไม่ใช่การทำถนนเพิ่ม แต่เป็นการทำขนส่งสาธารณะให้ดีขึ้น ซึ่งรัฐบาลหลายๆ รัฐบาลก็ทำเส้นเลือดใหญ่จำนวนมากแล้ว อย่างรถไฟฟ้าสายสีส้ม สายสีเหลือง สายสีชมพู สายสีม่วง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือการที่จะทำอย่างไรให้ประชาชนเดินออกจากบ้านแล้วไปถึงรถไฟฟ้าได้ ก็เป็นสิ่งที่เรากำลังดำเนินการอยู่ ขณะที่ กทม.ทำทางเดินเท้าเพื่อให้ประชาชนเดินทางได้อย่างสะดวก ซึ่งภายใน 4 ปี จะทำทางเดินเท้าให้ดีขึ้น 1,700 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมโยงระบบรถในซอยมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และระบบโครงสร้างหลัก นี่คือสิ่งที่แก้ปัญหาระยะยาว รวมทั้งระเบียบวินัยการจราจรต่างๆ ที่มีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เรื่องสัญญาณไฟจราจร เห็นผลเป็นรูปธรรมภายในปีนี้เป็นต้นไป
เมื่อถามอีกถึงความมั่นคงปลอดภัยทางกรุงเทพฯจะมีการติดกล้อง CCTV นักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นหรือไม่เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า CCTV เป็นแค่ปัจจัยเดียว การเอาระบบและเทคโนโลยีต่างๆ ก็จะมีการพิจารณาเพิ่มเติมให้ดีขึ้น
ขณะที่นโยบายค่าโดยสารรถไฟ 20 บาทตลอดสาย เห็นว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 3 ปีหน้า ไม่ทราบว่ารัฐบาลจะมีการแก้ไขสัญญาสัมปทานอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอให้ รมว.คมนาคมเป็นผู้แถลง
@4 ปี กทม.มีหลายมิติต้องทำ ไร้ปัญหาขัดแย้ง ‘ชัชชาติ’
ช่วงท้าย ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวาระ 4 ปีของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต้องการเห็นอะไรในด้านการพัฒนา กทม. นายเศรษฐาตอบว่า มันมีหลายมิติเหลือเกินที่อยากเห็น ผู้ว่าฯกทม.ก็พูดไปแล้ว ทั้งเรื่องความสะอาด ความปลอดภัย การจราจร เรื่อง PM2.5 และเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของรถแท็กซี่ คนหาบเร่แผงลอย ต่างๆ เหล่านี้ต้องได้รับความเป็นธรรมและทำให้ กทม.เป็นเมืองที่น่าอยู่
ส่วนการทำงานกับนายชัชชาติจะไม่มีความขัดแย้งกัน สามารถทำงานร่วมกันได้ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ผมเชื่อว่าท่านดูจากภาษากาย ท่านคงทราบว่าไม่มีปัญหาอะไรกันเลย ท่านผู้ว่าฯเชิญผมมา ผมก็ยินดีที่มาและขอขอบคุณด้วย ซึ่งเราเองคุยกันตลอดเวลา ไปที่ทำเนียบรัฐบาลเจอกัน 5-6 คน พูดคุยกันตลอดเวลา ยกหูสายตรงได้ตลอด เรื่องนี้ไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้นเลย และไม่เคยมีด้วย”
อ่านประกอบ
‘เศรษฐา’ประกาศ‘Thailand Vision’ ตั้งเป้าผลักดัน‘ไทย’รั้งผู้นำ 8 'ศูนย์กลางฯ'ในภูมิภาค