'เมียศรีสุวรรณ' พร้อมทนาย เข้าพบพนักงานสอบสวน ปปป. รับทราบข้อหา ด้าน 'พล.ต.ต.จรูญเกียรติ' เชื่อมีส่วนรู้เห็นกับขบวนการรีดทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2567 น.ส.ณพัชญ์ปภา จรรยา อายุ 43 ปี ภรรยาของ นายศรีสุวรรณ จรรยา พร้อมทนายความได้เดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก หลังชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวพบพยานหลักฐานที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับเงิน
ต่อมา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงการเข้าพบพนักงานสอบสวนของ น.ส.ณพัชญ์ปภา ว่า เป็นการเชิญมาตามหมายเรียก ซึ่งเจ้าตัวก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยหลังเสร็จสิ้นการสอบปากคำ ก็จะมีการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา ในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินโดยมิชอบ ซึ่งหลังเสร็จสิ้นขั้นตอนแจ้งข้อกล่าวหา เชื่อว่าพนักงานสอบสวนจะอนุญาตให้ประกันตัว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า จากข้อเท็จจริง พบว่า มีการเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเหตุการณ์วันที่ส่งมอบเงิน ทำให้เชื่อว่ารู้เห็นในการรับเงิน 5 แสนบาท แต่จะมีเจตนาหรือไม่ ให้เป็นไปตามพยานหลักฐาน ซึ่ง น.ส.ณพัชญ์ปภา จะให้การอย่างไรก็เป็นสิทธิของเจ้าตัว นอกจากนี้ยังมีพยานหลักฐานว่ามีส่วนรู้เห็นในการส่งมอบเงินจำนวน 1 แสนบาท ในช่วงวันก่อนเกิดเหตุอีกด้วย ส่วนจะมีการรู้เห็นเป็นใจในขั้นตอนการเจรจาหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่พบ และเบื้องต้นพบว่าเข้ามาเกี่ยวข้องในความเสียหายของวงนี้เพียงวงเดียว ส่วนวงอื่นจะต้องตรวจสอบต่อไป
“สำหรับบัญชีม้าอีก 1 ราย ที่ได้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนวานนี้ (14 ก.พ. ) พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะกันไว้เป็นพยาน หรือจะต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหา ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า รับเงินเข้าบัญชีไม่เยอะมาก ขณะที่ในส่วนเรื่องการอายัดทรัพย์กลุ่มผู้ต้องหา ได้มีการประสานงานกับ ปปง. อยู่ตลอด โดยมีการเตรียมข้อมูลไว้หมดแล้ว อีกไม่นานจะมีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนวันพรุ่งนี้ (16 ก.พ.) ที่จะครบกำหนดส่งคำให้การของผู้ต้องหาชุดแรกนั้น เบื้องต้นยังไม่มีการประสานเข้ามา แต่โดยหลักการแล้วตัวผู้ต้องหาไม่จำเป็นต้องเข้ามาเอง สามารถให้ทนายความนำส่งเอกสารได้ ซึ่งตอนนี้ยังสามารถติดต่อผ่านทางทนายความของผู้ต้องหาได้อยู่ ส่วนความคืบหน้าของการขยายผลวงที่ 2 และ 3 นั้น ตอนนี้กำลังจะเริ่มรับคำร้องทุกข์ หากพบความผิดก็จะรวบรวมส่ง ป.ป.ช. พิจารณา แต่ถ้าไม่ใช่ความผิดเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐ ก็จะตั้งเป็นคดีธรรมดาต่อไป “ พล.ต.ต.จรูญเกียติ ระบุ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายโอวาท ยิ่งลาภ ผู้อำนวยการกองพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว กรมการข้าว ที่ได้นำข้อมูลมาให้ หลังถูกพาดพิงว่าเป็นผู้นำข้อมูลออกไปให้นายเอกลักษณ์นั้น
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า เบื้องต้นได้ตรวจสอบไล่ดูแชทไลน์ที่นายโอวาทนำมาให้พบว่า นายโอวาทและนายเอกลักษณ์ มีการรู้จักและพูดคุยกัน แต่เป็นเรื่องอื่น และมีข้อความที่นายโอวาทมีการเตือนนายเอกลักษณ์ว่า อย่าไปยุ่งกับอธิบดี เพราะท่านไม่ธรรมดา ทำให้เชื่อว่าน่าจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับขบวนการดังกล่าว
เมื่อถามต่อว่าในแนวทางการสืบสวนสอบสวนตอนนี้พบว่ามี 'นักร้อง' คนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า จากข้อมูลที่ได้มา ตัวหลักของขบวนการจะทำกันอยู่ 2-3 คน แต่ก็มีบ้างที่ไปขอความร่วมมือจากคนอื่น ซึ่งต้องดูพยานหลักฐานอีกครั้งว่าสามารถเอาผิดได้หรือไม่ และเมื่อถามว่า นักร้องคนอื่นที่ว่านี้ เป็นคนที่รู้จักกันอยู่แล้วหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบเพียงว่า “เป็นกลุ่มคนดีที่มารวมกัน”