รบ.เงาเมียนมาสั่งยุมสมาคมจัดหางาน ตปท. เหตุมีส่วนเก็บเงินเข้าเผด็จการทหารเมียนมา ขู่ขึ้นบัญชีดำ บ.จัดหางานในต่างแดนเอี่ยวหนุน รบ.ทหาร
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานสถานการณ์ในประเทศเมียนมาที่มีส่วนเชื่อมโยงกับประเทศไทยว่ากระทรวงแรงงานของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติพลเรือน (NUG) ซึ่งเป็นรัฐบาลเงา ได้ยุบสมาคมบริษัทจัดหางานในต่างประเทศของเมียนมา เนื่องจากสมาคมนี้ร่วมมือกับรัฐบาลเมียนมา และล้มเหลวในการปกป้องสิทธิของแรงงานข้ามชาติเมียนมา
รัฐบาลเงา NUG กล่าวหาว่าสมาคมได้เรียกเก็บเงินค่าบริการเป็นจำนวนมากกับแรงงานเมียนเมียนมาและล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิแรงงาน
สำหรับแถลงการณ์ที่อธิบายเหตุว่าทำไมถึงยุบสมาคม เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา ทางรัฐบาล NUG ระบุถึงข้อกล่าวหาว่าสมาคมนี้มีการสนับสนุนอาชญากรรมสงคราม,การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และการละเมิดสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้สมาคมยังบังคับใช้กฎการโอนเงินและภาษีเงินได้ของรัฐบาลทหารที่กําหนดให้แรงงานต่างชาติต้องส่งเงินอย่างน้อยร้อยละ 25 ของรายได้สกุลเงินต่างประเทศผ่านระบบธนาคารของประเทศ และจ่ายภาษีในเมียนมาสําหรับรายได้ที่ได้รับนอกประเทศ
“สมาคมรุ้ดีว่ารัฐบาลจะใช้เงินที่รวบรวมมาได้จากแรงงานต่างชาติเพื่อนำไปซื้ออาวุธและเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินเพื่อไปใช้โจมตีพลเรือน” รัฐบาลเงา NUG กล่าว
อนึ่งสมาคมนี้ก่อตั้งขึ้นโดยใช้ชื่อก่อตั้งว่าสหพันธ์บริษัทจัดหางานต่างประเทศเมียนมา หรือ Myanmar Overseas Employment Agencies Federation และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงแรงงานในปี 2555 แต่ว่าในช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาก็ได้มีการเปลี่ยนชื่อจากสหพันธ์เป็นสมาคม
หลังการรัฐประหาร ตามมาด้วยปัญหาทางเศรษฐกิจ ส่งผลทำให้เกิดการว่างงานเป็นจำนวนมาก คนหนุ่มสาวในประเทศจึงตัดสินใจขายทรัพย์สินที่มีเพื่อซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางออกนอกประเทศ ทางรัฐบาลทหารเมียนมาจึงได้มีการขู่มาเป็นระยะหนึ่งแล้วว่าจะเพิกถอนหนังสือเดินทางของชาวเมียนมาที่ทำงานในต่างประเทศหากไม่ยอมจ่ายภาษี โดยข้อบังคับการเพิกถอนหนังสือเดินทางจะมีผลกับชาวเมียนมาที่ทำงานอยู่ทั้งใน สิงคโปร์ เกาหลีใต้ จีน ไทย และญี่ปุ่น รวมถึงยุโรป รวมถึงอังกฤษ สวีเดน เดนมาร์ก และไอร์แลนด์
คาดว่าในประเทศไทยมีแรงงานข้ามชาติชาวเมียนมาที่มีใบอนุญาตและไม่มีใบอนุญาตมากถึง 5 ล้านคน นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิแรงงานในประเทศไทยกล่าวว่า รัฐบาลสามารถสร้างรายได้ 300 ล้านบาทต่อปีจากการเก็บภาษีรายได้ของพวกเขา โดยการคํานวณรายได้ขึ้นอยู่กับค่าจ้างขั้นต่ำของประเทศไทย
ชาวเมียนมาคนหนึ่งที่ทํางานในสิงคโปร์กล่าวว่า "ไม่มีใครอยากจ่ายภาษีนั้น เราไม่ต้องเสียภาษีเงินได้สูงถึง 2 เปอร์เซ็นต์ให้กับรัฐบาลสิงคโปร์ด้วยซ้ำ เราไม่สามารถทําอะไรได้นอกจากจ่ายภาษีตามที่สถานทูต [เมียนมา] กล่าวว่าจะไม่ต่ออายุหนังสือเดินทางของเราจนกว่าเราจะจ่ายภาษี"
โดยมาตรการเก็บภาษีดังกล่าวมีผลเมื่อเดือน ก.ย. 2566
พอมาถึงวันที่ 31 ม.ค. มีรายงานว่าผู้บริหารของสมาคมได้เข้าพบกับนายมยินต์ นึง (Myint Naung) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของรัฐบาลทหารเพื่อหารือเกี่ยวกับการส่งแรงงานเมียนมามายังไทย
รัฐบาลเงา NUG ได้ออกคำเตือนในประกาศเมื่อวันที่ 5 ก.พ.ว่าจะขึ้นบัญชีดําบริษัทจัดหางานในต่างประเทศบางแห่งและดําเนินการกับพวกเขาภายใต้กฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายหากพวกเขาขูดเลือดขูดเนื้อแรงงาน,จะดำเนินการกับบริษัทที่ล้มเหลวในการปกป้องผลประโยชน์ของแรงงานและบังคับให้พวกเขาจ่ายภาษีให้กับระบอบเผด็จการทหาร
ย้อนไปเมื่อเดือน ธ.ค. รัฐบาลเงา NUG ได้ประกาศยุบกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของประเทศคือสหพันธ์หอการค้าและอุตสาหกรรมเมียนมาโดยกล่าวว่าสหพันธ์กําลังให้ทุนสนับสนุนอาชญากรรมสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของรัฐบาลทหาร จากนั้นก็ขึ้นบัญชีดําสมาชิกอาวุโส 64 คนของกลุ่ม
เรียบเรียงจาก:https://www.irrawaddy.com/news/burma/myanmar-association-of-overseas-job-agencies-dissolved-by-civilian-government.html