ประกาศเป็นทางการ! ศาลปกครองกลาง นัดไต่สวนคดี 'วีระ สมความคิด' ฟ้อง ป.ป.ช. ไม่เปิดเผยเอกสารสอบสวนคดี 'นาฬิกาหรู-แหวน' พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ 16 ก.พ.2567 นี้ คำฟ้องระบุ เป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ.2567 สำนักงานศาลปกครอง ได้เผยแพร่กำหนดนัดไต่สวนคดีของศาลปกครองกลาง ในคดีหมายเลขดำที่ 2605/2562 หมายเลขแดงที่ 1326/2564 ระหว่าง นายวีระ สมความคิด ผู้ฟ้องคดี กับ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ถูกฟ้องที่ 1 กับพวกรวม 2 คน คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร (กรณีการเปิดเผยข้อมูลสอบคดี นาฬิกาหรู พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี) ซึ่งเป็นการนัดไต่สวนในประเด็นเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ในวันที่ 16 ก.พ.2567 เวลา 09.30 น. ณ ห้องพิจารณาคดี 11 ชั้น 3 อาคารศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร
โดยคดีนี้ผู้ฟ้องคดี ฟ้องว่า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) ละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมาย กรณีคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดิน และการบังคับใช้กฎหมาย มีคำวินิจฉัยให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร กรณีการกล่าวหา พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ จำนวน 3 รายการ ได้แก่ 1. รายงานการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมด 2. ความเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ทุกคน ที่รับผิดชอบในเรื่องกล่าวหาดังกล่าว และ 3. รายงานการประชุมของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เพิกเฉย จึงนำคดีมาฟ้อง
ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองเปิดเผยข้อมูลข่าวสารทั้งสามรายการตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดิน และการบังคับใช้กฎหมาย ที่ สค 333/2562 ลงวันที่ 22 ส.ค.2562 ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษา เนื่องจากศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารได้มีคำวินิจฉัยที่ สค 333/2562 ให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการตามคำขอของผู้ฟ้องคดี
คำวินิจฉัยอุทธรณ์นี้ย่อมเป็นที่สุดตามมาตรา 37 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว และมีผลผูกพันผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองในฐานะที่เป็นหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัตินี้
การที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองไม่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามคำขอให้แก่ผู้ฟ้องคดี จึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ (ดูเอกสารประกอบ)
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2566 นายวีระ สมความคิด เดินทางไปสำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำ เพื่อเข้ารับเอกสารข้อมูล ผลสอบคดีนาฬิกาหรู พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หลังที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ มีมติ 3 ต่อ 2 เสียง ให้เปิดเผยข้อมูลให้แก่นายวีระ อย่างเป็นทางการแล้ว แต่มีเงื่อนไขให้ปิดทับชื่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก่อน ขณะที่เอกสารทั้ง 3 รายการ ถูกคาดดำปกปิดข้อความอยู่
นายวีระเห็นว่า ไม่ถูกต้องตามที่ศาลกำหนด ศาลไม่ได้สั่งให้คาดดำปิดทับ พร้อมระบึว่าจะดำเนินคดีต่อ โดยจะนำเอกสารไปบังคับคดีกับศาลปกครอง ให้ศาลปกครองดู ว่าได้รับมาแบบนี้ ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้อง และไม่ครบถ้วน และจะฟ้องดำเนินคดีกับกรรมการ ป.ป.ช.และพนักงาน ป.ป.ช.ที่เกี่ยวข้อง ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบหลังปีใหม่ด้วย