เผยแพร่มติ ป.ป.ช.เสียงเอกฉันท์ตีตกข้อกล่าวหา 'โชติศักดิ์ อาสภวิริยะ' อดีตกรรมการ ผจก. ธพว. ใช้อำนาจช่วยเหลืออนุมัติสินเชื่อ-เรียกรับเงินลูกค้า ราย บ.สินสายเพชร หลังพิจารณาสำนวนไต่สวนเบื้องต้นไม่ปรากฏข้อเท็จจริงพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่ากระทำความผิด ไม่มีมูล แต่มีมติส่งหลักฐานสั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คให้ธนาคารใช้เป็นข้อมูลดำเนินการร้องทุกข์กรณีเรียกรับเงินเอกชนอีก 2 ราย ต่อไป
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 27 พ.ค.2562 เสียงเอกฉันท์ตีตกข้อกล่าวหา นายโชติศักดิ์ อาสภวิริยะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ใช้อำนาจช่วยเหลือลูกค้าในการอนุมัติสินเชื่อและเรียกรับเงินจากลูกค้าของธนาคาร ราย บริษัท สินสายเพชร จำกัด
หลังพิจารณาสำนวนไต่สวนเบื้องต้น ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่ากระทำความผิด ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
แต่มีมติแจ้งข้อมูลให้ ธพว. ใช้ประกอบเป็นข้อมูลหลักฐานดำเนินการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกรณีเรียกรับเงินตอบแทนอนุมัติสินเชื่อเอกชนอีก 2 ราย คือ บริษัท หฤทัย แมนชั่น จำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัดทรัพย์ประภากร ต่อไป
สำนักงาน ป.ป.ช. ระบุพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่ากระทำผิดโดยสรุป ว่า ผู้ถูกกล่าวหาใช้อำนาจหน้าที่ช่วยเหลือเอื้อประโยชน์ ให้บริษัท สินสายเพชร จำกัด ได้รับการอนุมัติสินเชื่อด้วยความรวดเร็ว ในวงเงิน 26 ล้านบาท และพบว่าเมื่อบริษัท สินสายเพชร จำกัด ได้รับเงินกู้ในงวดที่ 2 เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2547 ได้สั่งซื้อแคชเชียร์เช็คเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2547 สั่งจ่ายผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยในขณะนั้นจำนวน 2,100,000 บาท
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนพิจารณาแล้วเห็นว่า การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อโดยคณะอนุกรรมการสินเชื่อให้บริษัท สินสายเพชร จำกัด ทั้ง 3 สัญญา เป็นไปตามระเบียบของ ธพว. ไม่ปรากฏว่ามีการกระทำที่ผิดขั้นตอน และมีกระบวนการพิจารณาเป็นไปตามแนวทางการปฏิบัติงานการอนุมัติสินเชื่อ ตามโครงสร้างองค์กรใหม่ หลักประกันการขอสินเชื่อทั้งหมด มีการประเมินราคาโดยบริษัทเอกชนและมีการรับรองราคา โดยคณะกรรมการรับรองราคาหลักประกันของ ธพว. ก่อนการพิจารณาของคณะอนุกรรมการสินเชื่อ ซึ่งพิจารณาแล้วเห็นว่าหลักประกันที่นำมาจำนองเพื่อขอสินเชื่อครอบคลุมวงเงินสินเชื่อทั้ง 3 สัญญาและไม่ปรากฏว่ามีระยะเวลาการอำนวยสินเชื่อที่ผิดปกติแต่อย่างใด
อีกทั้งไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 1-3 ได้ใช้อำนาจหน้าที่ช่วยเหลือเอื้อประโยชน์ ให้บริษัท สินสายเพชร จำกัด หรือบริษัท ศรีสายเพชร จำกัด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 ซึ่งมีผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 เป็นกรรมการบริษัท ได้รับการอนุมัติสินเชื่อด้วยความรวดเร็ว โดยผิดระเบียบจากการประสานงานในการขอสินเชื่อของผู้ถูกกล่าวหาที่ 4
แม้ต่อมา ธพว. จะได้มีการประนอมหนี้และปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้กับบริษัท สินสายเพชร จำกัด ธนาคารได้มีการลดดอกเบี้ยและเบี้ยปรับเท่านั้น ไม่ปรากฏว่ามีการลดเงินต้น และปัจจุบันธนาคารได้รับชำระหนี้จากบริษัท สินสายเพชร จำกัด เสร็จสิ้นแล้ว
โดยจากการที่บริษัท สินสายเพชร จำกัด เบิกเงินไปตาม 3 สัญญาข้างต้น จำนวน 23 ล้านบาท ธพว. ได้รับชำระหนี้ทั้งสิ้นจำนวน 26,937,583.01 บาท ธนาคารจึงไม่ได้รับความเสียหายจากการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้บริษัท สินสายเพชร จำกัด
ส่วนข้อกล่าวหาที่ 2 คณะอนุกรรมการไต่สวนพิจารณาแล้วเห็นว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานไม่เพียงพอให้รับฟังได้ว่า ภายหลังนางนภาพร หลูวัฒนชาติ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 ยกเลิกการออกแคชเชียร์เช็ค มีการเบิกเงินสดจำนวน 2,100,000 บาท เพื่อนำไปมอบให้นายโชติศักดิ์ อาสภวิริยะ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ประกอบกับคณะอนุกรรมการไต่สวนตามคำสั่งที่ 208/2551 ลงวันที่ 10 มิถุนายน 2551 ได้พิเคราะห์พยานหลักฐาน ทั้งถ้อยคำพยานบุคคลและพยานเอกสาร รวมทั้งตรวจสอบรายการทางบัญชี (Bank Statement) ในการฝากเงินของผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีการเคลื่อนไหวทางบัญชี โดยการนำเงินเข้าฝากเป็นแค่หลักหมื่นบาทเท่านั้น ทั้งก่อนหน้าช่วงเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ (16 เมษายน 2547 ) ไม่ปรากฏว่ามีรายการฝากถอนเงินจำนวนมากหรือผิดปกติแต่อย่างใด
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมครั้งที่ 55/2562 วันที่ 27 พ.ค.2562 ที่ประชุมพิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 8 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะอนุกรรมการไต่สวนว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
ทั้งนี้ สำหรับประเด็นที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 สั่งซื้อแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 จำนวน 2,100,000 นั้น แม้จากการไต่สวนจะไม่ปรากฏพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่า เป็นกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้เรียกรับเงินจากผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 เพื่อตอบแทนการอนุมัติสินเชื่อให้บริษัท สินสายเพชร จำกัด
แต่ก็อาจจะเป็นการเรียกรับเงินเพื่อตอบแทนในการอนุมัติสินเชื่อให้บริษัท หฤทัย แมนชั่น จำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัดทรัพย์ประภากร ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติให้แจ้ง ธพว. ดำเนินการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 และผู้เกี่ยวข้องไปแล้วได้ จึงให้ส่งข้อมูลและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการสั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คนี้ ให้ ธพว. นำไปเป็นข้อมูลประกอบการดำเนินคดีดังกล่าวต่อไปด้วย
อย่างไรก็ดี การมีมติดังกล่าวของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือว่าคดีสิ้นสุด จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาชี้ขาด ขณะที่คดีนี้ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่า นายโชติศักดิ์ อาสภวิริยะ ถูกศาลพิพากษาตัดสินว่ามีความผิดจริงหรือไม่
นายโชติศักดิ์ อาสภวิริยะ จึงยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
@ โชติศักดิ์ อาสภวิริยะ / ภาพจากผู้จัดการ https://mgronline.com/
ขณะที่ นายโชติศักดิ์ อาสภวิริยะ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ชี้แจงสำนักข่าวอิศรา ว่า ไม่ได้รับทราบอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย และที่ผ่านมาก็ไม่ได้รับการประสานแจ้งอะไรจาก ธพว. ด้วย
"ผมไม่ได้ยุ่งอะไรกับใครมาหลายปีแล้ว ตอนนี้พักรักษาตัวจากอาการเจ็บป่วยมาหลายปีแล้ว อยู่ในโลกแก่ๆ ของผมเท่านั้น" นายโชติศักดิ์ระบุ