กกต.สั่งยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง-เลือกตั้ง 'สมชาย ภิญโญ' ผู้สมัครสส.ภูมิใจไทย จ.นครราชสีมา เขตเลือกตั้งที่ 6 เหตุถ้อยคำปราศรัย “เดี๋ยวผมได้เป็น สส. มีงบไปเพิ่งงาน จะพา อสม. ไปล่องแพกาญ ร้องเพลง” เป็นการมอบผลประโยชน์จูงใจให้ประชาชนลงคะแนน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2567 เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัยกกต.ที่ 257/2566 มีคําสั่งให้ยื่นคําร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนายสมชาย ภิญโญ ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา เขตเลือกตั้งที่ 6 หมายเลข 2 พรรคภูมิใจไทย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 73 (1) ประกอบมาตรา 138 วรรคหนึ่ง และให้ดําเนินคดีอาญา แก่นายสมชาย ภิญโญ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 73 (1) ประกอบมาตรา 141 และมาตรา 158
เนื่องจากปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2566 เวลากลางวัน นายสมชายได้ปราศรัยหาเสียง เลือกตั้งที่ศาลาประชาคม บ้านหนองตาด หมู่ที่ 2 ตําบลหนองตาดใหญ่ อําเภอสีดา จังหวัดนครราชสีมา โดยผู้ถูกร้องปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งว่า “เดี๋ยวผมได้เป็น สส. มีงบไปเพิ่งงาน จะพา อสม. ไปล่องแพกาญ ร้องเพลง” ซึ่งเป็นการสัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณเป็นเงินได้ แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมู่บ้านและประชาชนในพื้นที่ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเอง ซึ่งเป็นการทุจริตการเลือกตั้ง อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา73 (1) ประกอบ มาตรา 138 วรรคหนึ่ง เป็นเหตุให้ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา เขตเลือกตั้งที่ 6 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้ถูกร้องมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
ทั้งนี้มีรายละเอียด ดังนี้
คําวินิจฉัยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ 257/2566
วันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566
เรื่อง การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา เขตเลือกตั้งที่ 6
ตามที่มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 ให้ไว้ ณ วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2566 ให้ยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้ง ทั่วไป และประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง ลงวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2566 เรื่อง กําหนดวันเลือกตั้ง วันรับสมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง วันรับสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อและสถานที่ ที่พรรคการเมืองจะส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ (ส.ส. 1/1) กําหนดวันเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 นั้น
ก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้งได้รับคําร้องว่า นายสมชาย ภิญโญ ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา เขตเลือกตั้งที่ 6 หมายเลข 2 พรรคภูมิใจไทย ผู้ถูกร้อง ได้มีการกระทําอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 73 (1) กล่าวคือ ผู้ถูกร้องจัดทํา ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียม เพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเอง
คณะกรรมการการเลือกตั้งได้พิจารณารายงานการไต่สวนตลอดจนพยานหลักฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้วได้ความว่า ผู้ร้องกล่าวหาว่า เมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2566 เวลากลางวัน ผู้ถูกร้องได้จัดเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งที่ศาลาประชาคม บ้านหนองตาด หมู่ที่ 2 ตําบลหนองตาดใหญ่ อําเภอสีดา จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีประชาชนและอาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมู่บ้านในพื้นที่มาร่วมรับฟัง การปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งของผู้ถูกร้องจํานวนมาก โดยผู้ถูกร้องได้ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งด้วยถ้อยคํา ตอนหนึ่งว่า “เดี๋ยวผมได้เป็น สส. มีงบไปเพิ่งงาน จะพา อสม. ไปล่องแพกาญ ร้องเพลง” อันเป็นการสัญญา ว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนให้แก่ผู้ถูกร้อง จากการไต่สวนผู้ร้องให้ถ้อยคําตามข้อเท็จจริงในคําร้อง โดยอ้างคลิปบันทึกเสียง และภาพถ่ายเป็นหลักฐานประกอบคําร้อง จากการไต่สวนพยานผู้ร้องซึ่งเป็นอาสาสมัครสาธารณสุข ประจําหมู่บ้านในพื้นที่ให้ถ้อยคําว่า เมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2566 ระหว่างเวลาประมาณ 10.00 นาฬิกา ถึงเวลาประมาณ 11.00 นาฬิกา ตนได้ไปฟังการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งของผู้ถูกร้องที่ศาลาประชาคม บ้านหนองตาด หมู่ที่ 2 ตําบลหนองตาดใหญ่ อําเภอสีดา จังหวัดนครราชสีมา และตนได้บันทึกคลิปเสียง การปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งของผู้ถูกร้องไว้ ซึ่งผู้ถูกร้องปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งด้วยถ้อยคําที่ปรากฏ ในคลิปบันทึกเสียงประกอบคําร้อง หลังจากนั้นผู้ถูกร้องจึงได้ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งเกี่ยวกับนโยบาย ของพรรคภูมิใจไทย จากนั้นตนได้ส่งคลิปบันทึกเสียงประกอบคําร้องให้แก่ผู้ร้องทางแอปพลิเคชันไลน์ สําหรับภาพถ่ายประกอบคําร้อง ตนจําไม่ได้ว่าเป็นผู้ถ่ายภาพและส่งภาพดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องหรือไม่
จากการไต่สวนผู้ถูกร้องให้ถ้อยคําว่า เมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2566 ตนได้ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง ที่ศาลาประชาคม บ้านหนองตาด หมู่ที่ 2 ตําบลหนองตาดใหญ่ อําเภอสีดา จังหวัดนครราชสีมา โดยมี กลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมู่บ้านและประชาชนในพื้นที่ตําบลหนองตาดใหญ่ อําเภอสีดา จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งในวันดังกล่าวมีผู้มาร่วมฟังการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งของตนประมาณ 100 คน ตนยอมรับว่าคลิปบันทึกเสียงประกอบคําร้องเป็นเสียงของตนจริงและตนปราศรัยด้วยถ้อยคําว่า “เดี๋ยวผมได้เป็น สส. มีงบไปเบ่งงาน จะพา อสม. ไปล่องแพกาญ ร้องเพลง” ซึ่งตนได้กล่าวถึงนโยบาย ของพรรคภูมิใจไทยเกี่ยวกับการส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มศักยภาพของอาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมู่บ้านก่อนที่จะกล่าวถ้อยคําตามที่ปรากฏในคลิปบันทึกเสียงประกอบคําร้อง ซึ่งข้อความว่า “เดี๋ยวผมได้เป็น สส. มีงบไปเพิ่งงาน จะพา อสม. ไปล่องแพกาญ ร้องเพลง” เป็นการยกตัวอย่างว่าหากมี งบประมาณกองทุนพัฒนาการท่องเที่ยวจังหวัดละหนึ่งร้อยล้านบาท จะพาอาสาสมัครสาธารณสุขประจํา หมู่บ้านไปศึกษาดูงานตามนโยบายของพรรคภูมิใจไทยเพื่อพัฒนาศักยภาพและพัฒนาชุมชน
พยานที่ไต่สวน ประกอบคนที่ 1 ซึ่งเป็นอาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมู่บ้านในพื้นที่ให้ถ้อยคําว่า ตนได้ไปร่วมฟังการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งของผู้ถูกร้องในวันเวลาและสถานที่ดังกล่าว โดยยืนฟังอยู่ด้านนอกและเห็นพยานผู้ร้อง ถือโทรศัพท์เคลื่อนที่บันทึกภาพทีมงานของผู้ถูกร้อง ตนจึงถามพยานผู้ร้องว่าถ่ายทําไม แต่พยานผู้ร้อง ไม่ตอบ พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 2 และคนที่ 3 ซึ่งเป็นอาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมู่บ้านในพื้นที่ ให้ถ้อยคําสอดคล้องกันว่า ได้ไปร่วมฟังการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งของผู้ถูกร้องในวันเวลาและสถานที่ดังกล่าว ซึ่งผู้ถูกร้องได้ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งเกี่ยวกับนโยบายเพิ่มเงินให้ผู้สูงอายุและอาสาสมัครสาธารณสุข ประจําหมู่บ้าน และได้ยินผู้ถูกร้องปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งด้วยถ้อยคําว่า “เดี๋ยวผมได้เป็น สส. มีงบไปเพิ่งงาน จะพา อสม. ไปล่องแพกาญ ร้องเพลง” ตามที่ปรากฏในคลิปบันทึกเสียงประกอบคําร้อง
เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวนรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2566 เวลากลางวัน ผู้ถูกร้องได้จัดเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งที่ศาลาประชาคม บ้านหนองตาด หมู่ที่ 2 ตําบลหนองตาดใหญ่ อําเภอสีดา จังหวัดนครราชสีมา โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมู่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ตําบลหนองตาดใหญ่ อําเภอสีดา จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งผู้ถูกร้องได้ปราศรัยหาเสียง เลือกตั้งด้วยถ้อยคําว่า “เดี๋ยวผมได้เป็น สส. มีงบไปเพิ่งงาน จะพา อสม. ไปล่องแพกาญ ร้องเพลง” ตามที่ ปรากฏในคลิปบันทึกเสียงประกอบคําร้อง
จึงมีประเด็นที่จะพิจารณาต่อไปว่า ถ้อยคําดังกล่าวของผู้ถูกร้อง เป็นการสัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณเป็นเงินได้ แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองตามข้อกล่าวหาหรือไม่
เห็นว่า ถ้อยคําว่า “เดี๋ยวผมได้เป็น สส. มีงบไปเพิ่งงาน จะพา อสม. ไปล่องแพกาญ ร้องเพลง” มีความหมายทํานองว่า เมื่อผู้ถูกร้องได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะมีงบประมาณศึกษาดูงาน จะพาอาสาสมัครสาธารณสุข ประจําหมู่บ้านไปล่องแพและร้องเพลงที่จังหวัดกาญจนบุรี แม้ผู้ถูกร้องจะอ้างว่าถ้อยคําดังกล่าวหมายถึง หากมีงบประมาณจากกองทุนพัฒนาการท่องเที่ยวที่เป็นนโยบายของพรรคภูมิใจไทยและเป็นงบประมาณ จากทางรัฐบาล จะนํางบประมาณดังกล่าวมาช่วยส่งเสริมสนับสนุนให้คนในชุมชนได้ไปเพิ่มพูนความรู้และพัฒนาศักยภาพโดยนําความรู้ที่ได้กลับมาพัฒนาชุมชนของตนเอง แต่เหตุผลดังกล่าวของผู้ถูกร้อง ไม่สอดคล้องกับนโยบายของพรรคภูมิใจไทยที่ว่า ชุมชนดี แหล่งท่องเที่ยวดีและผู้ประกอบการดีด้วยกองทุน พัฒนาการท่องเที่ยว ซึ่งนโยบายดังกล่าวของพรรคภูมิใจไทยมีลักษณะเป็นการสนับสนุนชุมชนโดยให้แต่ละจังหวัดปรับปรุงและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพชุมชนในจังหวัดของตนเองมิใช่การนํางบประมาณดังกล่าวมาใช้เพื่อนําอาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมู่บ้านและประชาชนในชุมชน ไปศึกษาดูงานที่จังหวัดอื่น
อีกทั้งถ้อยคําว่า “จะพา อสม. ไปล่องแพกาญ ร้องเพลง” มิใช่การส่งเสริมศักยภาพงานในหน้าที่ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมู่บ้านประกอบกับจากการตรวจสอบคลิปบันทึกเสียง ประกอบคําร้อง ปรากฏว่าผู้ถูกร้องกล่าวถ้อยคําว่า “เว้าแฮงบ่ได้ เดี๋ยวจิอัดวิดีโอ” ซึ่งมีความหมายทํานองว่า พูดเสียงดังไม่ได้ เดี๋ยวจะอัดวิดีโอ ต่อจากคําว่า “เดี๋ยวผมได้เป็น สส. มีงบไปเพิ่งงาน จะพา อสม. ไปล่องแพกาญ ร้องเพลง” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเจตนาที่ไม่สุจริตของผู้ถูกร้องในการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งดังกล่าว
กรณี จึงปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า เมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2566 เวลากลางวัน ผู้ถูกร้องได้ปราศรัยหาเสียง เลือกตั้งที่ศาลาประชาคม บ้านหนองตาด หมู่ที่ 2 ตําบลหนองตาดใหญ่ อําเภอสีดา จังหวัดนครราชสีมา โดยผู้ถูกร้องปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งว่า “เดี๋ยวผมได้เป็น สส. มีงบไปเพิ่งงาน จะพา อสม. ไปล่องแพกาญ ร้องเพลง” ซึ่งเป็นการสัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณ เป็นเงินได้แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมู่บ้านและประชาชนในพื้นที่ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อจูงใจ ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเอง ซึ่งเป็นการทุจริตการเลือกตั้ง อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 73 (1) ประกอบ มาตรา 138 วรรคหนึ่ง เป็นเหตุให้ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา เขตเลือกตั้งที่ 6 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้ถูกร้องมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
จึงมีคําสั่งให้ยื่นคําร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอน สิทธิเลือกตั้งของนายสมชาย ภิญโญ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 73 (1) ประกอบมาตรา 138 วรรคหนึ่ง และให้ดําเนินคดีอาญา แก่นายสมชาย ภิญโญ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ. 2561 มาตรา 73 (1) ประกอบมาตรา 141 และมาตรา 158