ป.ป.ช.ชี้มูล 'วุฒิชัย สุนทรนนท์' อดีตนายกเทศมนตรี ต.ย่านตาขาว พร้อมพวกเรียก 2 แสนบาทจากผู้รับเหมาโครงการสร้างตึกเรียก 5.7 ล.ขณะผู้รับเหมาถูกเรียกสินบน โดนชี้มูลด้วยฐานสนับสนุน จนท.ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 16 ม.ค. สำนักงานป้องกันและปราบผรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จ.ตรัง ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน สรุปเนื้อหาการแถลงได้ว่า ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลนายวุฒิชัย สุนทรนนท์ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลย่านตาขาว อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง พร้อมพรรคพวกกรณี เรียกรับประโยชน์เป็นเงิน 2 แสนบาทจากผู้รับจ้างโครงการก่อสร้างอาคารเรียน ระดับประถมศึกษาของเทศบาลตำบลย่านตาขาว งบประมาณ5,709,900 บาท
โดยรายละเอียดแถลงข่าวระบุว่านายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผอ.ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง พร้อมด้วย นายยุทธนา วิมลเมือง เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตชำนาญการพิเศษ ป.ป.ช.ตรัง ร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยผอ.ป.ป.ช.ตรัง แถลงว่า ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง ได้รับเรื่องร้องเรียนกล่าวหา นายวุฒิชัย สุนทรนนท์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลย่านตาขาว อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง กับพวกเรียกรับประโยชน์จากผู้รับจ้างโครงการก่อสร้างอาคารเรียน ระดับประถมศึกษาของเทศบาลตำบลย่านตาขาว งบประมาณ5,709,900 บาท จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ในการประกวดราคาโครงการก่อสร้างอาคารเรียนดังกล่าว นายวุฒิชัย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้เรียกรับเงินจากนายสมศักดิ์ หนูปทุม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 จำนวน 200,000 บาท เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ช่างศักดิ์ก่อสร้าง ได้เป็นผู้รับจ้างในโครงการดังกล่าวกับเทศบาลตำบลย่านตาขาว ซึ่งปรากฏว่าได้มีการโอนเงิน จำนวน 100,000 บาท จากบัญชีของนางสาวฮุสนี และสุบ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 และจากบัญชีนายสมศักดิ์ หนูปทุม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 อีก 100,000 บาท เข้าไปยังบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาย่านตาขาชื่อบัญชีนางนิภาพร นวลแก้ว เจ้าพนักงานธุรการชำนาญงานผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เพื่อนำไปมอบให้แก่นายวุฒิชัย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ตามที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้เรียกรับเงินไว้ เป็นเหตุให้เทศบาลตำบลย่านตาขาว และทางราชการได้รับความเสียหาย
ผอ.ป.ป.ช.ตรังกล่าวต่อว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้ว มีมติในกรณีกล่าวหาผู้ถูกกล่าวหาแต่ละราย ดังนี้ นายวุฒิชัย สุนทรนนท์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ที่ประชุมพิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นว่า การกระทำของนายวุฒิชัย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือ มิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคล มาตรา 103 ประกอบมาตรา 122 และมาตรา 123/1
ส่วนนายสมศักดิ์ หนูปทุม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ที่ประชุมพิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้ให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ และฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาตรา 144 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86
ผอ.ป.ป.ช.ตรังดล่าวว่า สำหรับนางสาวฮุสนี และสุบ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 ที่ประชุมพิจารณาแล้วลงคะแนนเสียงมาก ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จะฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป โดยให้กันนางนิภาพร นวลแก้ว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ไว้เป็นพยานโดยไม่ดำเนินคดี ตามประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการกันบุคคลไว้เป็นพยานโดยไม่ดำเนินคดี พ.ศ.2561
ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง จะส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีอำนาจพิจารณาคดีกับ นายวุฒิชัย สุนทรนนท์ และนายสมศักดิ์ หนูปทุม และส่งสำนวนการไต่สวน และเอกสารหลักฐาน พร้อมความเห็นไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน เพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจกับนายวุฒิชัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพ.ร.บประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91(1) และ (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณีต่อไป และให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทราบด้วย ทั้งนี้ การไต่สวนคดีอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อขอสัมภาษณ์นายวุฒิชัยกรณีการชี้มูลดังกล่าวผ่านโทรศัพท์มือถือส่วนตัวของนายวุฒิชัย 2-3 ครั้ง แต่ไม่มีผู้รับสาย