ประมวลฉลองปีใหม่เข้าปี 2567 ปธน.ไบเดนประกาศถึงเวลาแล้วที่สหรัฐฯกลับมาเป็นผู้นำโลก ส่วนนิวยอร์กเฝ้าระวังเข้มงวดหวั่นก่อการร้าย- พระสันตะปาปาฟรานซิสตรัสปี 2566 เป็นปีแห่งความทุกข์ยากจากภัยสงคราม ขณะที่จีนงดจุดดอกไม้ไฟเพราะปัญหามลพิษ แต่ ปธน.สี จิ้นผิง ยัน ปี 2567 จีนจะเป็นหนึ่งเดียวกับไต้หวัน ส่วนรัสเซียงดจัดงานเหมือนปีที่แล้วเพราะอยู่ในช่วงสงคราม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานบรรยากาศการเฉลิมฉลองเข้าสู่ปีใหม่ 2567 ในต่างประเทศ โดยที่สหรัฐอเมริกประธานาธิบดีโจ ไบเดน และและสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง จิล ไบเดน ได้ให้สัมภาษณ์อวยพรปีใหม่ทางไกลกับนายไรอัน ซีเครสต์ ผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ของสำนักข่าวเอบีซี
โดยนายไบเดนกล่าวว่าตัวเขาหวังว่าปี ค.ศ.2024 ทุกคนจะมีปีใหม่ที่มีสุขภาพดีมีความสุขและปลอดภัย
"แต่นอกเหนือจากนั้น ผมหวังว่าพวกเขา (ชาวสหรัฐฯ)จะเข้าใจว่าเราอยู่ในตําแหน่งที่ดีกว่าประเทศใดๆ ในโลกที่จะเป็นผู้นําโลก" ประธานาธิบดีไบเดนกล่าว "และเรากําลังจะกลับมา และมันก็ถึงเวลาแล้ว" ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวและกล่าวอีกว่าในปี ค.ศ.2023 ที่ผ่านมา ผู้คนอยู่ในตำแหน่งที่สามารถทำมาหากินได้ดีขึ้น โดยมีการสร้างงานถึง 40 ล้านตำแหน่งในปีที่ผ่านมา
ส่วนบรรยากาศการเฉลิมฉลองที่อื่นๆทั่วสหรัฐฯ แม้จะเป็นไปด้วยความคึกคักโดยเฉพาะที่ย่านไทม์สแควร์ นครนิวยอร์ก ซึ่งมีการปล่อยลูกบอลนับถอยหลังปีใหม่ในช่วงเวลาเที่ยงคืน มีผู้เข้าร่วมชุมนุมหลายแสนคนที่ใจกลางเกาะแมนฮัตตัน แต่ก็มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยตํารวจรัฐนิวยอร์กได้มีการเพิ่มกำลังเฝ้าระวัง และระดมกองกําลังพิทักษ์แห่งชาตินิวยอร์กและหน่วยงานอื่น ๆ ลาดตระเวนบางพื้นที่
บรรยากาศนับถอยหลังปีใหม่ที่นครนิวยอร์ก (อ้างอิงวิดีโอจากเอพี)
โดยการเฝ้าระวังดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ หรือเอฟบีไอออกมาเตือนหน่วยงานตำรวจทั่วประเทศเกี่ยวกับภัยคุกคามที่จะเกิดในพื้นที่ที่มีฝูงชนจำนวนมากเฉลิมฉลอง ซึ่งผู้ก่อเหตุร้ายอาจจะกระทำการคนเดียว โดยได้รับแรงบันดาลใจจากสงครามอิสราเอล-ฮามาส
ส่วนบรรยากาศในประเทศอื่นๆเริ่มกันตั้งแต่ที่ออสเตรเลีย ที่เมืองซิดนีย์ มีผู้คนชุมนุมมากกว่า 1ล้านคน ชมการแสดงดอกไม้ไฟที่มีศูนย์กลางอยู่ที่โรงละครโอเปร่าและสะพานฮาร์เบอร์ที่มีชื่อเสียงของซิดนีย์ ซึ่งจำนวน 1 ล้านคนดังกล่าวเป็นจํานวนผู้ชมเทียบเท่ากับหนึ่งในห้าของผู้อยู่อาศัยในเมือง
ขณะที่ฝรั่งเศส เจ้าหน้าที่ตํารวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยราว 90,000 นายถูกส่งไปทั่วฝรั่งเศส รวมถึงบนถนนช็องเซลีเซ ซึ่งฝูงชนจํานวนมากได้เข้าร่วมการแสดงแสงสีหลายมิติที่ฉายบนประตูชัยอาร์กเดอทรียงฟ์เดอเลตวล โดยรายละเอียดของงานแสงสีเสียงนั้นเป็นการแสดงประวัติศาสตร์ของกรุงปารีสและจัดแสดงเกี่ยวกับเมนูกีฬาโอลิมปิกที่จะจัดในปี 2567
ขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก็มีการแสดงดอกไม้ไฟบนตึกเบิร์จคาลิฟา ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก
อย่างไรก็ตามที่ประเทศจีนบรรยากาศการเฉลิมฉลองกลับเป็นไปอย่างเงียบๆ เนื่องจากเมืองใหญ่ส่วนใหญ่ในจีนห้ามจุดพลุเพราะความกังวลด้านปัญหามลพิษ
แต่กระนั้นผู้คนก็ยังรวมตัวกันในเมืองใหญ่ มีการเต้นรำที่กรุงปักกิ่ง การปล่อยลูกโป่งอวยพรที่เมืองฉงชิ่ง ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์อวยพรปีใหม่ของจีน โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงกล่าวว่าประเทศจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างโมเมนตัมสําหรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในปี 2567 และให้คํามั่นว่าจีนจะ "รวมเป็นหนึ่งเดียว" กับไต้หวันอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ในวันที่ 1 ม.ค. ประธานาธิบดีสียังได้กล่าวแสดงความยินดีไปยังประธานาธิบดีไบเดนเนื่องในโอกาสครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและสหรัฐฯ
สุนทรพจน์ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง (อ้างอิงวิดีโอจาก CGTN)
ในกรุงไทเป เมืองหลวงของไต้หวัน มีผู้ชุมนุมจำนวนมากเพื่อชมการแสดงดอกไม้ไฟที่ตึกระฟ้าไทเป 101 ซึ่งเป็นตึกทรงไม้ไผ่ รวมถึงเข้าร่วมกิจกรรมคอนเสิร์ตและกิจกรรมอื่นๆ ที่จัดขึ้นทั่วเมือง
ที่ฮ่องกง ผู้คนเกือบ 480,000 คนชมการแสดงดอกไม้ไฟอันตระการตาทั้งสองด้านของอ่าววิคตอเรีย
การจุดพลุที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง (อ้างอิงวิดีโอจากเซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์)
สำหรับที่อินเดีย ผู้คนหลายพันคนจากศูนย์กลางทางการเงินของเมืองมุมไบเฝ้าดูพระอาทิตย์ตกดินเหนือทะเลอาหรับ ที่กรุงนิวเดลี การจุดดอกไม้ไฟทําให้เกิดความกังวลว่าเมืองหลวงซึ่งมีชื่อเสียงที่ไม่ดีอยู่แล้วจากคุณภาพอากาศที่ไม่ดีจะถูกปกคลุมด้วยหมอกควันพิษในเช้าวันแรกของปีใหม่
ส่วนที่ญี่ปุ่น ผู้คนทั่วประเทศญี่ปุ่นมารวมตัวกันที่วัดต่างๆ เช่น วัดซึกิจิในโตเกียว ซึ่งผู้เข้าชมจะได้รับนมร้อนและซุปข้าวโพดฟรีขณะที่พวกเขายืนเข้าแถวเพื่อตีระฆังขนาดใหญ่
ที่นครรัฐวาติกัน สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสตรัสที่จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ว่าปี ค.ศ. 2023 เป็นปีที่มีความทุกข์ทรมานจากสงคราม และยังอธิษฐานสําหรับ "ชาวยูเครนที่ทรมานและประชาชนปาเลสไตน์และอิสราเอลชาวซูดานและอื่น ๆ อีกมากมาย"
การฉลองปีใหม่ที่นครรัฐวาติกัน (อ้างอิงวิดีโอจาก Vatican News)
“ในช่วงปลายปีเราจะกล้าถามตัวเองไหมว่าชีวิตมนุษย์ถูกทําลายจากความขัดแย้ง การประหัตประหารด้วยอาวุธมากน้อยแค่ไหน มีกี่คนที่ตายและชีวิตต้องถูกทำลายแค่ไหนจากความทุกข์ทรมานและมีความยากจนเกิดขึ้นแค่ไหน”พระสันตะปาปาตรัส
ที่รัสเซียการปฏิบัติการทางทหารของประเทศที่มีต่อยูเครนได้เข้ามาแทนที่การเฉลิมฉลองสิ้นปี โดยกิจกรรมดอกไม้ไฟและคอนเสิร์ตตามปกติที่จัตุรัสแดงของกรุงมอสโกถูกยกเลิกเช่นเดียวกับงานปีใหม่เมื่อปีที่แล้ว
แต่แม้จะไม่มีงานเฉลิมฉลอง แต่ผู้คนก็มารวมตัวกันที่จัตุรัสและบางคนก็ส่งเสียงเชียร์และถ่ายรูปโทรศัพท์ไปที่นาฬิกาที่นับถอยหลังวินาทีสุดท้ายของปี
อนึ่งหลังจากที่การยิงปืนใหญ่เข้ามาในเมืองเบลโกรอดชายแดนรัสเซียเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ทําให้มีผู้เสียชีวิต 24 คน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นบางแห่งทั่วรัสเซียก็ยกเลิกการแสดงดอกไม้ไฟตามปกติรวมถึงในเมืองวลาดิวอสต็อก
ทั้งนี้คาดว่าผู้คนหลายล้านคนได้ติดตามคําปราศรัยปีใหม่ของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียโดยเขากล่าวว่าปี 2567 นั้นจะเป็นปีแห่งครอบครัว เราจะพิสูจน์ว่าเราสามารถแก้ไขปัญหาที่ยากเย็นที่สุดไปได้และเราจะไม่ถอยหลังกลับเพราะไม่มีกองกําลังใดที่สามารถแบ่งแยกชาวรัสเซียและหยุดการพัฒนาประเทศได้
อย่างไรก็ประธานาธิบดีปูตินไม่ได้กล่าวถึงสงครามในยูเครนแต่อย่างใดแต่กล่าวแค่ว่าขอชื่นชมผู้ที่กำลังต่อสู้เพื่อความจริงและความยุติธรรมอยู่แนวหน้า ณ เวลานี้ พวกท่านเป็นวีรบุรุษ และเราชื่นชมความกล้าหาญของพวกท่าน
สุนทรพจน์ของประธานาธิบดีปูติน (อ้างอิงวิดีโอจาก Sky News)
ที่อิสราเอลและฉนวนกาซา การโจมตีของอิสราเอลในฉนวนกาซาทําให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 35 คนในวันที่ 31ธ.ค. เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกล่าวว่า การสู้รบโหมกระหน่ำทั่ววงล้อมเล็ก ๆ หนึ่งวันหลังจากนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าสงครามจะดําเนินต่อไปอีก "อีกหลายเดือน" ในขณะที่นานาชาติเรียกร้องให้หยุดยิง
ที่ตึกในกรุงเทลอาวีฟถูกมีการจุดไฟสีเหลืองบนตึกระฟ้าเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวประกันที่ถูกกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาจับตัวไว้นานกว่า 80 วัน
ในฉนวนกาซา ชาวปาเลสไตน์พลัดถิ่นกอดกันรอบกองไฟในค่ายผู้ลี้ภัยชั่วคราว
ในปากีสถานที่ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมไม่ได้เฉลิมฉลอง เนื่องจากรัฐบาลได้ห้ามการเฉลิมฉลองวันส่งท้ายปีเก่าทั้งหมดโดยอ้างว่าเพื่อความสมัครสมานสามัคคีกับชาวปาเลสไตน์
ที่กรุงเบอร์ลินของเยอรมนี เบอร์ลินคาดว่ามีการใช้เจ้าหน้าที่ตํารวจประมาณ 4,500 นายรักษาความสงบเรียบร้อยและหลีกเลี่ยงการจลาจลเหมือนปีที่แล้ว
ทางการเยอรมนียังได้ห้ามไม่ให้กลุ่มสนับสนุนปาเลสไตน์ประท้วงในย่านนอยโคเอลน์ ซึ่งมักจะเห็นการประท้วงสนับสนุนชาวปาเลสไตน์บ่อยครั้ง